กรุงศรี ชี้ลงทุนครึ่งปีหลังยังมีโอกาสโตแม้เจอหลายปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจ

กรุงศรี ชี้ลงทุนครึ่งปีหลังยังมีโอกาสโตแม้เจอหลายปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจ

 

 

 

กรุงศรี ชี้ลงทุนครึ่งปีหลังยังมีโอกาสโตแม้เจอหลายปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจ

แนะกลยุทธ์เก็บหุ้นจีน หุ้นเติบโต และตราสารหนี้

 

 

กรุงเทพฯ (8 สิงหาคม 2565) – กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ  ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับงานสัมมนาครั้งใหญ่ประจำปี กับ KRUNGSRI EXCLUSIVE Mid-Year Outlook 2022  ในหัวข้อ Is it a good time to buy risky assets? ถึงเวลาหรือยังที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ที่ได้เหล่ากูรูแถวหน้าจากบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลกอย่าง UBS Asset Management (Singapore), Baillie Gifford และ PIMCO มาร่วมวิเคราะห์และเผยกลยุทธ์ในการลงทุนช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565   พร้อมแนะนำกองทุนคุณภาพที่กรุงศรีคัดสรรมาเพื่อนักลงทุนได้วางแผนการลงทุนอย่างเหมาะสมในช่วงครึ่งปีต่อจากนี้

 

วิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ครึ่งหลังของปี 2022 ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่นักลงทุนต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งในเรื่องสถานการณ์เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาขึ้น และการเตรียมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่น่าจะเกิดขึ้นในระยะต่อไป ซึ่งในงานสัมมนาครั้งนี้นับเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนได้รับทราบถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งยังได้ฟังกลยุทธ์จากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลก เพื่อมาปรับใช้กับการบริหารพอร์ตการลงทุนได้อย่างเหมาะสม โดยงานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเน้นย้ำถึงบทบาทของกรุงศรีในฐานะที่ปรึกษาทางด้านการเงินที่เชื่อถือได้ให้กับลูกค้าและนักลงทุนที่มอบความไว้วางใจกับเราเสมอมา”

 

ภาพรวมเศรษฐกิจ คลื่นความท้าทายยังคงพัดมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อโลกยุคหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่เคยคาดการณ์ว่าภาคเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อสถานการณ์พลิกด้วยพลวัตของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่กับการรับมือของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนแหล่งซัปพลายใหญ่ของโลกกับนโยบายซีโร่โควิด พ่วงเหตุการณ์เหนือความคาดหมายอย่างปัญหาความขัดแย้งของรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานทั่วโลก เสริมด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ยังเดินหน้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล้วนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศตลาดลงทุนและภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก

 

เมื่อพญามังกรกำลังจะกลับมา 

Vivien Ng, Equity Specialist, Global Emerging Markets and Asia Pacific Equities Executive Director, UBS Asset Management (Singapore) Ltd  ให้มุมมองถึงโอกาสการลงทุนในหุ้นจีนช่วงครึ่งปีหลังว่า หุ้นจีนกำลังจะกลับมา  อันเกิดจากปัจจัยสนับสนุนหลักอย่างการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน และนโยบายการเงินที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการปรับตัวได้ดีของภาคการผลิต ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกที่เสริมให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งรัฐบาลจีนมีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของปี 2565 ให้บรรลุตามเป้าที่ตั้งไว้ (+5.5%) ดังนั้นครึ่งปีหลังจึงจำเป็นต้องเร่งการเติบโต โดยโอกาสการลงทุนในหุ้นจีนยังคงอยู่ที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เหล้าขาว ผลิตภัณฑ์จากนม ยีสต์ทำขนมปัง ยาจีนแผนโบราณ ฯลฯ ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นในกลุ่มสถาบันการเงิน ประกัน และกลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพยังคงเป็นหุ้นกลุ่มหลัก ส่วนหุ้นในกลุ่มบริการสื่อสาร เป็นส่วนที่เพิ่มมาหลังจากที่รัฐบาลจีนมีมาตรการผ่อนคลายเรื่องธุรกิจในประเทศมากขึ้นหลังจากที่เคยควบคุมอย่างเข้มงวด

 

หุ้น Growth กับมุมมองสวนกระแสตลาดเงินโลก

ท่ามกลางความผันผวนที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นของ FED และธนาคารกลางต่างๆ เพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์  Stewart Hogg, Client Service Director, Baillie Gifford  ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ยังเห็นโอกาสการลงทุนในหุ้นเติบโต (Growth Stock) ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว (5 ปีขึ้นไป) โดยเคล็ดลับคือนักลงทุนต้องอดทนถือหุ้นให้นานพอ และควรเน้นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว หรือเป็นกิจการที่สามารถสร้างแรงขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาได้อย่างมหาศาล อาทิ ธุรกิจการแพทย์ยุคใหม่ เช่น Moderna BioNTech ธุรกิจพลังงานสะอาดหรือที่เกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น Tesla และธุรกิจในโลกเสมือน อย่าง Meta และ Roblox เป็นต้น โดยจากข้อมูลเชิงสถิติพบว่าการลงทุนหุ้นที่มีศักยภาพในระยะนานกว่า 5 ปี มีโอกาสกว่า 97% ที่จะสามารถชนะ Benchmark และได้ผลตอบแทนที่สูง ดังนั้นควรเลือกพิจารณากิจการที่มีพื้นฐานที่ดี ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

 

กลยุทธ์ลงทุนตราสารหนี้ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงเศรษฐกิจผันผวน

อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงส่งผลให้ธนาคารกลางต่างต้องปรับตัวรับมือ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อเป็นหลัก แทนการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังนั้นเป็นไปได้ที่ในอีก 12-18 เดือนจากนี้ จะเห็นภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเหลือ 1% จาก 3% สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ Gordon Harding, Vice President, Fixed Income Strategist, PIMCO Asset Management บริษัทจัดการกองทุนตราสารหนี้ ระดับโลกที่เชี่ยวชาญการบริหารกองทุนตราสารหนี้ที่ได้ระดับ Morning Star 5 ดาวมาอย่างต่อเนื่อง แนะว่า นอกจากมองหาตราสารที่มี yield ที่ดีและให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอแล้ว สิ่งสำคัญอีกสองประการ คือ เรื่องของความยืดหยุ่น (Flexibility) รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวตามสถานการณ์ และปรับพอร์ตให้เหมาะสมอยู่เสมอ เช่น ลดระยะเวลาถือให้สั้นลงจะได้ขายออกได้เร็วขึ้นเพื่อนำเงินไปลงทุนในกองใหม่ที่ให้ Yield ที่ดีกว่า และอีกประการคือ การกระจายความเสี่ยง (Diversifying) ด้วยการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายและกระจายการลงทุนในหลายภูมิภาค เช่น การปรับลด Agency Mortgage และเพิ่มในส่วนของหุ้นกู้ประเภท High Yield และ Non Agency Mortgage ทำให้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี อีกทั้งยังเพิ่มสภาพคล่องของพอร์ต เพื่อมองหาสินทรัพย์คุณภาพดี เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึงก็จะสามารถช้อนซื้อสินทรัพย์ไว้ได้ทัน

 

เตรียมจัดพอร์ตอย่างไร เมื่อฟ้าเริ่มเปิดในครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ วิน พรหมแพทย์ ยังให้มุมมองสำหรับช่วงครึ่งหลังของปีว่าสถานการณ์ในภาพรวมจะดีขึ้น โดยหากมองจาก Base Case ว่าเงินเฟ้อได้ไต่ระดับมาถึงจุดสูงสุดแล้ว และ FED จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจเกิดขึ้นและทำให้ตลาดชะลอตัว อย่างไรก็ตามหวังว่าอุปสงค์จะกลับมาหลังจากช่วงเวลาซบเซาจาก COVID-19 โดยมีเงื่อนไขว่าปัจจัยลบทุกอย่างน่าจะดีขึ้น

 

กรุงศรีแนะนำกองทุนโดยพิจารณาจากที่ได้รับความนิยมและมีการบริหารที่ยอดเยี่ยม ดังนี้

  • KFACHINA-A โดย UBS ที่คาดการณ์ว่าตลาดจีนจะฟื้นกลับมา แนะนำให้ดูจังหวะที่เหมาะสมและทยอยสะสม
  • KFGG-A กองหุ้นเติบโต โดย Baillie Gifford ที่เน้นกลยุทธ์มองภาพรวมของการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมในระยะยาว และคาดว่าหุ้นเติบโตจะเริ่มฟื้นและไปต่อได้ในเร็วๆ นี้ กรุงศรีแนะนำนักลงทุนต้องวางแผนและแบ่งสัดส่วนอย่างเหมาะสม
  • KF-CSINCOM และ KF-SINCOME โดย PIMCO กรุงศรีมองว่ามีโอกาสที่ดี ด้วยเพราะ Yield จะสูงกว่าช่วงต้นปีประมาณสองเท่า และมีโอกาสขึ้นได้ประมาณ 7% ในปีหน้า โดยข้อมูลจาก PIMCO เสนอว่าการลงทุนกองตราสารหนี้กับ PIMCO มีโอกาสได้ผลตอบแทนเลข 2 หลัก ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะช้อนซื้อ

 

ผู้สนใจรับชมย้อนหลังได้ที่ https://youtu.be/GRjk9dYJVpw และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ KRUNGSRI EXCLUSIVE โทร 02-296-5566 LINE: @KrungsriExclusive

 

 

เกี่ยวกับกรุงศรี

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และเป็นหนึ่งในหกสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) โดยดำเนินธุรกิจมานานถึง 77 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อรายย่อย การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 634 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 595 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 39 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 33,713 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 9.7 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)) อีกด้วย

 

กรุงศรีมีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ “แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น

 

เกี่ยวกับมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG)

มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า 360 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงานราว 2,500 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและมีพนักงานกว่า 170,000 คน MUFG นำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลก” ด้วยการผสานศักยภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้าโดยคำนึงถึงสังคมและการแบ่งปัน สู่ความเติบโตอย่างยั่งยืน  MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MUFG กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.mufg.jp/english