ธรรมะ...ทำให้ใจกว้าง หมิว-ลลิตา ปัญโญภาส

ธรรมะ...ทำให้ใจกว้าง หมิว-ลลิตา ปัญโญภาส

 

 

 

 

เรื่อง  : สุทธิคุณ    กองทอง   ภาพ :   ชวกรณ์  สะอาดเอี่ยม

 

ธรรมะ...ทำให้ใจกว้าง หมิว-ลลิตา  ปัญโญภาส

 

ผู้ที่ไม่ปฏิบัติธรรม ไม่ศึกษาธรรม ไม่เข้าหาธรรม มักสงสัยและคิดเอาเองไปก่อนว่า "เสียเวลา ไม่ได้อะไร และก็ไม่ได้ทำให้ชีวิต หน้าที่การงานดีขึ้นเลย สู้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นจะดีเสียกว่า"

ส่วนผู้ศึกษาและฝึกปฏิบัติธรรมเป็นประจำแล้วกลับมีความคิดในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง อย่างกับกรณีของ "หมิว" ลลิตา ปัญโญภาส  นางเอกชื่อดัง ซึ่งศึกษาและฝึกปฏิบัติธรรม มาอย่างต่อเนื่องได้พูดไว้อย่างน่าคิดว่า

"เวลาที่เราทุกข์ เราไม่เคยรู้หรอกว่าเป็นเพราะจิตของเรามันคับแคบไม่กว้างขวาง การฝึกที่จะให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ ทำให้เรามีมุมมองที่กว้างขวาง และลึกซึ้งขึ้น ต่อชีวิตของเรา ชีวิตที่มันกว้างขวางต่อตัวเองนี่มันไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ไม่มีเงื่อนไข เป็นความรักที่ไม่อยู่ใต้เงื่อนไขใดๆ เป็นความรู้สึกของเพื่อนร่วมทุกข์ เพราะเราเข้าใจถึงสภาวะและอาการ ที่มันเกิดขึ้นเพราะมันเหมือนกัน โดยเฉพาะกระแสของธรรมชาติที่เรามีความเข้าใจต่อตัวของเราเอง

แม้แต่ความรู้สึกนึกคิดของเราในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมันก็อยู่ภายใต้กฎของธรรมชาติ ลองดูความโกรธของเราสิ ที่สุดของความโกรธเป็นอย่างไร ที่สุดของความงกของเรามันอยู่ที่ตรงไหน ลองดูสิแล้วจะเห็นว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย ไม่มีราคา ค่าควรที่จะเข้าไปให้ความสำคัญกับมันเลย"

หมิว บอกว่า การฝึกคนทำงานให้ทำหน้าที่ออกมาดีนั้น จะต้องไม่ทุกข์กายทุกข์ใจ การเป็นผู้ที่ดำรงชีวิตที่รอบคอบขึ้น กว้างขวางขึ้น ไม่นับได้แม้แต่ขณะจิตเดียวที่จะเลินเล่อต่อการทำหน้าที่ แล้วหน้าที่ของเรามันจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทันที จะมีอะไรศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าการทำหน้าที่และใจของคนที่กำลังทำหน้าที่ เราต้องตั้งคำถามกับตัวเองให้ได้ว่าเรากำลังทำอะไรชีวิตเราก็จะเกิดสติ สติก็ทำให้เราเกิดปัญญา

"ธรรมะยังสอนให้คนเราใจกว้างไม่คับแคบแล้ว ธรรมะช่วยให้เราสบาย แต่เป็นสบาย ที่มีปัญญาอยู่ในขณะนั้น ไม่ใช่สบายแบบเลินเล่อ เพ้อเจ้อ เมื่อเราวางใจตัวเองให้อยู่ในความตระหนักรู้ มันก็จะสบาย เพราะหมิว ว่าเรารู้ตัวเสมอหรือเรียกว่ารู้ตัว อยู่ตลอดเวลาว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ในขณะนั้น หรือบางเรื่องราวที่เรากำลัง ทำอยู่ให้สำเร็จตามเป้าหมายในชีวิตได้" นี่คือสิ่งที่ได้จากการปฏิบัติธรรมของหมิว พร้อมกับเล่าต่อว่า

 ชีวิตได้เริ่มสนใจเกี่ยวกับ วิปัสสนากรรมฐาน มาตั้งแต่เป็นเด็กจนกระทั่งโต ก็ยังอยากที่จะศึกษาเรื่องราวของพระธรรม ยิ่งบ้านพักอยู่ในย่านซอยวัชรพล ใกล้กับ เสถียรธรรมสถาน ขับรถผ่านไปผ่านมาอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งก็มาพิจารณา แล้วเห็นว่าสถานที่ แห่งนี้มีความร่มรื่น เหมือนเป็นสวนสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนได้มาพักผ่อน แรกๆ ที่ได้เข้ามาฟังธรรมะจาก แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต จากการที่ฟังท่านเทศน์ก็สามารถ นำเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ได้เป็นอย่างดี ก็เลยคิดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อชีวิต

สำหรับความเปลี่ยนแปลงหลังจากได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมนั้น หมิว บอกว่า ชีวิตที่อยู่กับ ธรรมะ มีการเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีขึ้นจากการได้ฟังเทศน์ จริงๆ แล้วพอเรายิ่งได้ศึกษาธรรมะก็ช่วยให้ชีวิตเราเปลี่ยน มีสติ ทำอะไรก็ใจเย็น ไม่ว่าจะทำอะไร ก็รอบคอบ ไม่วู่วามเหมือนแต่ก่อน การตัดสินใจเรื่องอะไรก็ตาม จะใช้เวลาในการพิจารณามากขึ้น เราจะมองได้ชัดเจน ว่าชีวิตบางช่วงก็ต้องการเวลา ให้กับตัวเองว่าสิ่งที่ต้องการทำนั้น อยากทำอะไรจริง เมื่อมีงานบางอย่างที่เรา ไม่ชอบแล้วฝืน ทำก็จะไม่มีความสุข การให้เวลากับตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ ธรรมะแท้จริงแล้วช่วยทำให้เราได้สำรวจ สิ่งที่เราทำไปว่าเหมาะสมหรือไม่ การที่เราได้อยู่กับตัวเองยังได้ถามคำถามกับตัวเองว่า เราอยากจะทำสิ่งนี้ เราคิดแบบนี้ด้วยตัวของเราเองว่าทำได้จริงหรือเปล่า

ณ วันนี้พยายามที่จะนำสติสัมปชัญญะเข้าหาตัวเอง เพราะปัญญาจะเกิดได้เมื่อเราเองมีสติ ฉะนั้น ทุกอย่างในชีวิตประจำวันไม่ได้ราบรื่นเสมอไป บางครั้งจะมีปัญหาเกิดขึ้น กว่าที่จะแก้ปัญหาได้ก็ต้องใช้สติมากพอสมควรว่า ปัญหานั้นต้องตั้งคำถามว่าจะแก้ด้วยวิธีใด

หมิว บอกด้วยว่า ทุกวันนี้พยายามจะพิจารณาตัวเองว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือผิดพลาดบ้าง มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันเพื่ออะไร ทำอะไร อย่างไร พอมีหลักที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจแล้ว จิตใจเราก็มีสติสัมปชัญญะ ซึ่งมีธรรมะหลายบทมากที่ได้เรียนรู้จากแม่ชีศันสนีย์ มีบางเรื่องที่จำได้ก็จะนำมาใช้กับการดำเนินชีวิตให้มีสติและไม่ทำอะไรที่ประมาท ส่งผลให้ชีวิตที่ผ่านมาไม่มีอุบัติเหตุใดๆ ที่ร้ายแรงต่อครอบครัว

อย่างไรก็ตาม จากการได้ฝึกปฏิบัติธรรมมาอย่างต่อเนื่องทำให้หมิวเชื่อว่า อุบัติเหตุทั้งหลายที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากการขาดสติได้เหมือนกัน ดังนั้นการเตือนตัวเองก็เพื่อต้องการให้ตัวเรารู้ว่าสติอยู่ตรงไหน เนื่องจากสมัยก่อน เป็นคนชอบลืมสติเอาไว้ที่บ้านเสมอ เมื่อบ่อยครั้งขึ้น เลยต้องหาศูนย์รวมสติไว้สักที่หนึ่ง ตรงนี้ก็จะสามารถเรียกสติของเรากลับคืนมาได้ว่า เราควรจะยืนที่ตรงไหน และควรคิดแบบไหนในการใช้ชีวิต จึงต้องมาหาพระธรรมที่เสถียรธรรมทุกอาทิตย์

"กฎแห่งกรรมมีจริง !" คำยืนยัน จากนางเอกชื่อดังพร้อมกับบอกว่า ใครทำดีก็ย่อมได้ดี บางคนทำดีแล้วหวังผล จากกรรมดีก็อาจ ไม่ได้ตามที่หวัง เนื่องจากกรรมดี หรือโอกาสของคนเรามีความแตกต่างกัน ผลจากการทำดีก็จะแตกต่างกัน โอกาสที่ดีอาจ ไม่ได้อยู่ในชาตินี้ก็ได้ เพราะอาจเป็น ไปได้ว่าชาติที่แล้วสร้างกรรมไม่ได้ชาตินี้จึงมาชดใช้กัน เราเองนั่นแหละที่จะต้องหมั่นทำบุญสร้างบารมีกันต่อไป

"วันนี้แม้ว่าไม่ได้แขวนพระเครื่องเหมือนหลายๆ คน ก็เพราะความไม่สะดวกของการทำงานด้านการแสดงทำให้ ไม่ได้นำพระเครื่อง มาแขวนติดตัว แต่ใจหมิวก็จะระลึกนึกถึงว่าพระ พระก็จะอยู่ที่ใจเราเพื่อให้เรากระทำแต่ความดี ส่วนการทำบุญจะว่าไปแล้วก็จะเข้าวัด ทำบุญเป็นประจำเช่นกัน ในส่วนตรงนี้พยายามพาครอบครัวเข้าวัดทำบุญเท่าที่จะทำได้ คิดว่าการทำบุญทำไปเรื่อยๆ มันก็เหมือนเป็นการสะสมบุญให้กับตัวเราเองและครอบครัว" นางเอกชื่อดังกล่าวทิ้งท้าย