"รักยม" ลูกที่ให้คุณ...เอิร์ธ สายสว่าง (Earth Saiswang)
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ศุภกฤต คุ้มกัน
"รักยม"
ลูกที่ให้คุณ...เอิร์ธ สายสว่าง (Earth Saiswang)
“รักยม” เป็นเครื่องรางอีกประเภทหนึ่งที่บ้านเรานิยมกันมาแต่โบราณ โดยเฉพาะในหมู่พ่อค้าแม่ขายเพราะประสบการณ์เรื่องเมตตามหานิยม ค้าขาย นั้นเป็นที่ประจักษ์ แต่เมื่อได้สืบค้นหาการกำเนิดของเครื่องรางประเภทนี้พบว่า ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้มีการจัดสร้างมาตั้งแต่เมื่อใด แต่ลักษณะของรักยมนั้นจะคล้ายกับกุมารเล็ก ๆ สององค์ยืนพนมมือยกขึ้นถึงคาง แช่อยู่ในขวดน้ำมันจันทน์หอม ชอบกินทองหยิบทองหยอด ผลไม้และน้ำเปล่า
นอกจากนั้นแล้วรักยมมีลักษณะเป็นเด็กผู้ชายจึงต้องมีของเล่นเด็กให้ด้วย ซึ่งแต่โบราณมานั้นรักยมที่นำมาเลี้ยงนั้นจะต้องได้รับการปลุกจากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวิทยาก่อน จึงจะนำมาเลี้ยงได้ และหากเลี้ยงได้ถูกต้องตามตำราและเป็นที่ถูกใจรักยมแล้วหลายคนก็ได้รับอานิสงส์ต่าง ๆ นานา เช่น เตือนภัย โชคลาภ มหานิยม ค้าขาย เป็นต้น
ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อตำนานใดก็ตาม รักยมก็ยังคงเป็นเครื่องรางที่มีผู้ให้ความสนใจค่อนข้างมากจนถึงปัจจุบัน และหนึ่งในจำนวนนี้ คือ เอิร์ธ สายสว่าง นายกสมาคมประชาสัมพันธ์โรงแรม ที่มีความเชื่อความศรัทธาในรักยมมาตั้งแต่เป็นเด็ก
เอิร์ท เล่าว่า สมัยก่อนเป็นเด็กที่บ้านก็จะมีรักยมขวดเล็กๆไว้บูชาแล้ว ทำให้เรามีความรู้สึกที่จะบูชาท่าน แล้วการบูชาท่านไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ทำงาน เรานึกอยากได้อะไรก็จะสมความปรารถนา แต่ความเชื่อตรงนี้ก็ไม่ได้เชื่ออะไรทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เชื่อในที่นี้ก็เพราะเราเกิดอานิสงส์จากการบูชาอยู่บ่อยครั้ง มีบางครั้งเริ่มที่จะเบื่องานประชาสัมพันธ์ที่เดิมอยากเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ แต่ก็มีเหตุอานิสงส์เกิดขึ้นมาทันที่ แล้วก็มีคนโทรศัพท์เข้ามาเพื่อให้ไปเรื่องงานแล้วก็ได้งานประชาสัมพันธ์ที่ใหม่ ด้วยการเซ็นต์สัญญากันเลย
สิ่งที่ได้ทำงานตามที่เราตั้งใจไว้ไม่ใช่เป็นเพราะอานิสงส์จากการบูชารักยมก็ได้ อาจจะเป็นอานิสงส์จากการทำบุญก็ได้ หรือเรื่องบ้านก็เหมือนกันเห็นคอนโดหรูๆ น่าอยู่ระหว่างเดินทางไปทำงาน ความที่เราอยากได้คิดว่าจะทำยังไงถึงจะได้อยู่ เชื่อไหมว่า รศ.ดร.เสรี วงศ์มณฑา รู้ว่าเราอยากได้ท่านก็ถามว่าเอาไหมเพราะมีอยู่ห้องหนึ่งเจ้าของห้องกำลังขายเงินจะขายให้ครึ่งราคาแล้วก็ได้อยู่จริงๆ พอต่อมาก็คิดว่าจะมีคอนโดให้คนเช่าดีไหม อ.เสรีอีกนั่นแหละที่ อยากจะขายคอนโดพอดีแล้วก็ได้ตามที่นึกทั้งหมด
เอิร์ธ เล่าต่อว่า มีอีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องตลกที่จำไม่ลืม คือว่า สมัยเป็นสาวๆ คิดเสมอว่าใครที่จะมาเป็นแฟนขอให้รักเราคนเดียวก็พอใจแล้ว เมื่อรักใครแล้วก็มีหวังแต่งงานเป็นเรื่องธรรมดา พอเรามีแฟนก็ควงกันไปไหนมาไหนได้ชั่วระยะหนึ่ง ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถก็มีขวดนมกลิ้งมาโดนที่ขา เรารู้ทันทีเลยว่าต้องเป็นขวดนมลูกเขาแน่ๆ จึงถามแฟนคนนี้ว่า “นี่ตกลงคุณมีแฟนแล้วทำไมถึงไม่บอกกัน” เขาตอบว่า “ก็คุณไม่ถาม” อย่าไรก็ตามเมื่อหวนลับมาคิดตรงนี้ก็นึกถึงรักยมว่า “เขาอาจเห็นว่าเรามีลูกอยู่แล้วจึงไม่อยากให้แม่มีสามี” แม้เรื่องนี้จะผ่านมาเป็นสิบๆปีพอเล่าครั้งใดก็อดขำไม่ได้ ทุกวันนี้คนที่เคยเป็นแฟนเขายังเอาลูกสาว มาฝากฝึกงานที่โรงแรมเลย
"ความเชื่อเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ลี้ลับทุกคนไม่สามารถที่จะจับต้องได้ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจริงเท็จแค่ไหน สิ่งแวดล้อมกับเรามันเหมือนโชคลาภที่ดีอยู่ตลอด ชีวิตที่ผ่านมาก็จะลื่นไหลไปแบบนี้ ยิ่งคนที่ทำร้ายจิตใจเรา ทำร้าย ทำไม่ดีกับเรา ใส่ร้ายป้ายสีหรือเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่เป็นความจริง เป็นคนเชื่อเรื่องกรรมเก่า กับบุญบารมีเพราะมันเป็นวิทยาศาสตร์ที่เป็นเรื่องจริง เมื่อทำกรรมไม่ดี กรรมไม่ดีนั้นก็จะตามสนอง เพราะเราไม่เคยคิดร้ายกับใคร สิ่งที่ลี้ลับตรงนี้ไม่สามารถอธิบายได้ แต่ความรู้สึกเหมือนเป็นกำลังใจว่า" เอิณร์ธกล่าว
นอกจากนี้แล้วเธอยังเชื่อด้วยว่า ชาติที่แล้วเป็นลิงเพราะเกิดมาชาตินี้รู้สึกตัวเองอยู่ไม่ค่อยนิ่งขยับอยู่ตลอดเวลา อยู่เฉยๆไม่ได้ แต่อยากจะบอกว่าถึงเป็นลิงก็เป็นลิงที่เปิดเผย ส่วนชาติหน้าจะมีหรือไม่อย่างไรนั้นเราไม่รู้ได้ เพียงวันนี้เราทำบุญอยู่เป็นประจำก็พอแล้ว ชีวิตคนเราตื่นขึ้นมาก็ถือว่าได้ทำบุญแล้ว เพราะไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น คนไหนที่คิดกับเราไม่ดีวันหนึ่งเขาก็ต้องแพ้ภัยไปเอง ส่วนสาเหตุที่ปัจจุบันไม่แขวนพระเครื่องมีความจำเป็นต้องออกงานสังคมการแขวนพระจึงไม่เหมาะหากเราใส่ออกงาน แล้วจริงๆ พระไม่แขวนก็อยู่ในใจนั่นเอง
"ชีวิตมีวันนี้ได้เพราะพ่อ(ละมูล สายสว่าง) เมื่อพ่อส่งลูกถึงฝั่งกันหมดแล้วท่านก็ได้ไปบวชจำพรรษาอยู่ที่วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม อยู่ ๒๐ ปี แล้วท่านมรณะภาพลงเมื่อประมาณ ๓ ปีที่แล้ว ท่านพูดเสมอว่า ทุกวันจะสวดมนต์แผ่เมตตาให้เรา วันนี้ชีวิตผ่านอุปสรรคไปได้น่าจะมาจากคำแผ่เมตตาของหลวงพ่อที่คอยคุ้มครองความปลอดภัยให้กับเรามาตลอด บางครั้งงานมีปัญหาแต่ก็ผ่านไปได้ วันนี้ชีวิต "เอิร์ธ กล่าวทิ้งท้าย