เมื่อเจ้าของดวงตามาเข้าฝัน "เจ้าแม่หน้าเด้ง" - วิภารดี ภูวนารถนรานุบาล
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : สุกล เกิดในมงคล
เมื่อเจ้าของดวงตามาเข้าฝัน
"เจ้าแม่หน้าเด้ง" - วิภารดี ภูวนารถนรานุบาล
คนไทยจำนวนไม่น้อย มักจะมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ การบริจาคอวัยวะว่า หากบริจาค อวัยวะส่วนใดไป เมื่อเกิดชาติหน้าก็จะพิการส่วนนั้น แต่ในความเป็นจริง การบริจาคอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใด ถือว่าเป็นการบริจาคชีวิต เป็นการทำบุญอันสูงสุดด้วยการเสียสละอันยิ่งใหญ่ เป็นการต่อชีวิตให้คนอีกคนหนึ่ง และยังมีคนอีกไม่น้อยเชื่อว่า หากใครได้รับ การปลูกถ่ายอวัยวะ จากการบริจาค เจ้าของเดิมจะมาทวงคืน
กรณีนี้ผู้ตอบคำถามได้ดีที่สุดน่าจะเป็นผู้ที่ได้รับ การปลูกถ่ายอวัยวะ มาแล้วคือ นางวิภารดี ภูวนารถนรานุบาล หรือ "ป้อม" เจ้าของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาราบาต้า เมเนพลัส ครีม ในเครือพล็อตแอนด์แพลนจำกัด เจ้าของฉายา "เจ้าแม่หน้าเด้ง" ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายดวงตา ได้เล่าเรื่องราวหลังจากได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาให้ฟังว่า
ตาข้างขวาบอดสนิท เป็นเหตุที่เกิดจากเรื่องคาดไม่ถึง ระหว่างฉีดสเปรย์ใส่ผมละอองก็พลาดเข้าไปในตา ขณะนั้นคิดว่าคงไม่เป็นอันตรายอะไรมากนัก จึงนำยามาหยอดตาเอง แต่ปรากฏว่า ตัวยามีปฏิกิริยาตอบสนอง อย่างแรงจนต้องเสีย ดวงตาด้านขวาไป ตลอดระยะเวลาก็ได้กำลังใจ จากครอบครัว โดยเฉพาะสามี (ปรารภ โมกขเวส)
ระหว่างลงชื่อเข้าคิวเพื่อขอรับบริจาคดวงตาอยู่นั้น ถ้ารอตามคิวอาจจะใช้เวลาเป็นปี ถือว่าเป็นความโชคดีที่สุดในชีวิต แพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้โทรมา เพื่อให้เข้าไปรับการผ่าตัดเปลี่ยนดวงตา ในคืนที่ผ่าตัดนั้นไม่มีใครอยู่เฝ้าอาการ เวลาผ่านไปจำได้ว่าประมาณตีห้า ได้ฝันเห็นชายคนหนึ่งดูอย่างไร ก็สง่างามมาก ใส่เสื้อสีเทาๆ เป็นสีทองคล้ำๆ ระหว่างที่ท่านเดินมาหาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อผ้าสีเทา ออกม่วงๆ มีผมปิดหน้าทั้งหมด เดินตามท่านมาด้วย
ในฝันอยากรู้ว่าทั้งสองเป็นใคร จึงได้ถามขึ้นมาว่า ท่านทั้งสองเป็นใคร ผู้ชายในฝันก็พูดว่า จะพาผู้หญิงคนนี้มาอยู่ด้วย จะให้อยู่ได้ไหม ในฝันก็ตอบทันทีว่า มาอยู่ได้ แต่การตอบในคืนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร วันรุ่งขึ้นพอจะตื่นขึ้นก็ฝันแบบเดิมอีก จำได้ว่าฝันแบบนี้อยู่ประมาณ ๓ ครั้ง จากนั้นก็ทบทวนความฝันทั้งหมดก็สังหรณ์ว่า ไม่ใช่ความฝันธรรมดา ทำให้มีความมั่นใจว่าต้องเป็นเจ้าของดวงตาที่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
"รุ่งเช้าในวันนั้นก็ได้โทรศัพท์หาสามีก่อนออกจากบ้าน ย่านทองหล่อให้ช่วยตักบาตรให้ด้วย พร้อมบอกช่วยซื้อเครื่องสังฆทานหนึ่งถัง เมื่อตักบาตรทำสังฆทานเสร็จ ก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ นางพยาบาลที่อยู่ที่ตึกจุมภฎพงษ์บริพัตร์ฟัง นางพยาบาลก็ยิ้มๆ แล้วพูดว่าคุณป้อมลองไปที่ห้องโถงสิ พอเดินลงไปถึงก็จะเห็นภาพของ พระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร์ เหมือนที่เห็นในฝันเลย ทันทีที่เห็นตัวเองถึงกับผงะถอยหลังเลย เพราะตกใจมาก อุทานออกมาเลยว่าใช่แล้วคนที่อยู่ในฝัน" เธอเล่าถึงความฝันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับเล่าให้ฟังต่อว่า
นางพยาบาลยังได้เล่าให้ฟังว่า เป็นเรื่องธรรมดาหากพระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร์ ได้พาใครมาอยู่กับคนที่ผ่าตัดตาก็จะประสบความสำเร็จกับหน้าที่การงาน หลังจากได้ไปกราบท่านตั้งแต่บัดนั้นก็ไม่เคยฝันเห็นอีกเลย จำได้ว่าใครเดินทางมาเยี่ยมก็จะให้ช่วยกัน บริจาคเงินเพื่อไปทำบุญถวายอุทิศส่วนกุศล ให้กับท่านเจ้าของดวงตา วันสุดท้ายที่เตรียมจะออกจากโรงพยาบาล ก็ได้ฝันเห็นพระองค์เจ้าจุมภฎพงษ์บริพัตร์มากับผู้หญิงคนเดิม
การมาครั้งนี้ทั้งสองท่านสง่างามมาก โดยเฉพาะผู้หญิงยิ่งมองก็ยิ่งสวยงามมากเป็นสีประกายทอง และในฝันก็ถามท่านว่ามาทำไม ท่านก็บอกว่าจะพาผู้หญิงคนนี้มาอยู่ด้วย การเปลี่ยนดวงตาในครั้งนั้น ก็ทำให้ชีวิตทำอะไรก็สมหวังมาตลอด เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เชื่อว่า วิญญาณมีจริง เพราะเมื่อร่างกายดับสูญ กลายเป็นอินทรีย์ ธาตุ ดิน แต่พลังงานของมนุษย์ที่ออกจากตัวเราไป ทั้งกรรมดีกรรมชั่วจะนำพาไปเกิดในภพภูมิตามบุญที่ได้ทำไว้ มาถึงวันนี้แล้วก็เชื่อว่าการทำบุญไปถึงผู้ที่เราอุทิศส่วนกุศลให้ บุญที่ว่านี้ไม่มีวันเสื่อมสลาย
นางวิภารดี บอกด้วยว่า เป็นคนชอบสะสมพระเครื่อง ตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว ใครให้พระองค์ใหญ่จะไม่ยอมรับ โดยจะเลือกพระเครื่องที่เป็นองค์เล็กๆ เท่านั้น ส่วนมุมมองของการแขวนพระก็เพื่อให้คุ้มครอง มีพระติดไปไหนมาไหนองค์พระท่านก็จะคอยดูแลเรา ถ้าพูดตามหลักขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพื่อให้เป็นสิ่งเตือนตัวเองว่า จะทำอะไรก็ต้องทำอย่างมีสติสัมปชัญญะ
ส่วนเรื่องการแขวนพระนั้น เธอบอกว่า ปัจจุบันนี้มีการออกแบบพระเครื่อง และกรอบพระให้มีลักษณะเหมือนเครื่องประดับ ทำให้สามารถใส่ออกงานสังคมได้ เช่น พระนางพญา เนื้อว่านมหาเสน่ห์ หมายถึงพละกำลังของมนุษย์ที่เกิดขึ้น พระนางพญาสิริกิติ์ เพื่อการเรียนรู้ถึงความนิ่ง พระนางพญา เนื้อชิน หมายถึงทำให้เกิดปัญญา นอกจากนี้ยังออกแบบกรอบพระสมเด็จวัดระฆัง รวมทั้งต่างหูที่เป็นนางกวักเงิน-กวักทอง
แม้ว่าการเป็นนักธุรกิจ อาจจะมีเวลาสำหรับตัวเองน้อย แต่เธอก็ยังไม่ลืมที่ จะแบ่งเวลาส่วนหนึ่งเพื่อเรียนรู้เรื่อง ธรรมะจากรองเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม บางกอกใหญ่ โดยท่านจะให้หลักธรรมเกี่ยวกับการแก้ปัญหาชีวิต ซึ่งท่านจะสอนว่า ถ้าทำงานแล้วมีปัญหาให้คิดเสมอว่างานทุกอย่างมีปัญหาทั้งหมด คงไม่มีใครทำงานแล้วไม่เคยเจอกับปัญหา เมื่อยังไม่ตายจะท้อแท้ไปทำไม ดังนั้นเมื่อชีวิตมีปัญหาต้องพยายามแก้ไขอย่างมีสติรอบคอบ และท่านได้แนะวิธีแก้เคล็ดไม่ให้ทำงานแล้วมีปัญหา ด้วยการให้อาหารสัตว์ที่มีเขี้ยวหรือมีงาให้ครบ ๓๒ ตามอวัยวะมนุษย์
ให้อ้อยก็ ๓๒ ท่อน เป็นกล้วยก็ ๓๒ หวี พอให้ช้างกินแล้ว ท่านก็บอกว่าให้พืชอย่างเดียวไม่พอ ต้องเอาเนื้อไปให้จระเข้ด้วย เราก็บอกว่าจะให้เนื้อสัตว์จระเข้ได้อย่างไร ท่านก็หัวเราะพลางบ่นทำไมโง่นัก ก็โยนให้ไงโยม ท่านก็สอนว่าถ้าเราจะให้ก็ควรให้เป็นคู่กัน ทั้งพืชและเนื้อสัตว์ เพื่อเป็นการแก้เคล็ดให้กับชีวิตเรามีแต่ความสุข ทำให้เป็นความเชื่อส่วนตัวที่ให้อาหารแก้เคล็ดให้ชีวิตดีขึ้น ด้วยการให้อาหารสัตว์ที่มีเขี้ยวมีงา? นางวิภารดี กล่าวทิ้งท้าย