ประสบการ์เฉียด..."ตาย!!" ของ...ฉันทนา กิติยาพันธ์

ประสบการ์เฉียด..."ตาย!!" ของ...ฉันทนา กิติยาพันธ์

 

 

 

 

 


เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง   ภาพ :  พีระรัตน์ ธรรมจง

 

ประสบการ์เฉียด..."ตาย!!"

ของ...ฉันทนา กิติยาพันธ์

 

 

"ความตาย" เป็นสัจจะธรรมที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ทุกชาติ ทุกภาษา เมื่อพูดกันถึงเรื่องความตาย คงไม่มีใครพิศมัยกันเท่าใดนัก ยิ่งคนเราต้องตายในอุบัติเหตุนอกบ้านก็ล้วนจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนตายโหง และเป็นเรื่องแปลกมีหลายเหตุการณ์ที่ผ่านของการนำเสนอเรื่องอุบัติร้ายแรง แต่กลับมีคนรอดตายราวปาฏิหาริย์ ขณะเดียวกันก็มีคนดังส่วนใหญ่ต่างยืนยันว่า "ตัวเองเฉียดตายมาได้ก็เพราะแขวนพระหลวงปู่ทวด วัดช้างติดตัว"

 

นางฉันทนา กิติยาพันธุ์ หรือที่รู้จักกันในนาม “แม่แดง” อดีตนักร้องชื่อดังจากเพลงข้าวนอกนา และเพลงกลกามแห่งความรัก ซึ่งเป็นแม่ของนักร้องสาวชื่อดัง “แอม เสาวลักษณ์ ลีลาบุตร" ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีพระหลวงปู่ทวดติดตัวทำให้รอดตายจากอุบัติเหตุที่ร้ายแรงมาได้อย่างหวุดหวิด

 

สำหรับประสบการณ์เฉียดตาย ฉันทนา เล่าว่า วันที่เกิดเหตุนั้นเวลาประมาณ ๒๐.๑๕ น. กำลังขับรถไปร้องเพลงตามปกติไม่รู้ว่ามีรถที่บรรทุกเสาเข็มมาตั้งแต่ตอนไหน เสาเข็มที่ว่านั้นได้พุ่งปาดหลังคารถยนต์ที่ขับอยู่หายไป จนหลายคนที่พบเห็นต่างพูดเสียงเดียวกันว่าคนขับต้องตายอยู่ในรถอย่างแน่นอน เพราะความแรงของรถที่ถูกรถสิบล้อคันดังกล่าวทำให้ต้องรถถูกเหวี่ยงเข้าไปอยู่ในบ้านของคนแถวนั้น

 

“หลวงปู่ทวด ช่วยลูกด้วย ช่วยลูกด้วย ลูกแอม แม่แย่แล้ว” นี่คือคำที่ฉันทนาร้องออกมาระหว่างขับรถยนต์ไปประสบอุบัติเหตุ ในวินาทีนั้นฌะอไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นหรือตาย เชื่อไหมว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร มีแค่กระจกบาดที่ปากและหูเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็มีนักข่าวพารักษาตัวที่โรงพยาบาล

 

“เช้าวันรุ่งขึ้นมารู้สึกตัวว่าตัวเองเดินไม่ได้ แพทย์บอกว่าเป็นอาการช็อกอย่างหนึ่งของคนที่ตกใจกับเหตุการณ์ร้ายแรง ระหว่างที่เดินตัวก็จะทรุดลงไป เดินยังไงก็เดินไม่ได้ ความรู้สึกตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองจะเป็นอัมพฤกษ์ เชื่อไหมว่าใครๆเห็นสภาพอุบัติเหตุในค่ำคืนนั้นหลายคนก็มองว่าแม่แดงคอขาดกันทั้งนั้นแหละ เราอยู่ในรถก็ได้ยินเสียงคนที่มาดูก็บอกกันว่าคอขาดแล้ว ตายแน่ๆเลย” นี่คือภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ ๑๐ ปี ที่แล้วที่ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำของฉันทนา

 

จากประสบการณ์เยดตายในครั้งนั้น ส่งผลให้ฉันทนาเชื่อว่า คนเรามีพระเครื่องติดตัวอยู่ พอมีเหตุการณ์อะไรขึ้น ถ้าเรามีสติระลึกนึกถึงท่านอยู่ตลอดเวลา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือองค์พระท่านก็จะคุ้มครอง และมองว่าชีวิตที่รอดตายมาได้ เพราะมีพระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ และเชื่อว่าองค์นี้ทำให้เกิดปาฏิหาริย์กับอุบัติเหตุครั้งนั้น

 

นอกจากพระหลวงปู่ทวดแขวนติดตัวแล้ว ในรถของฉันทนายังมีพระรูปเหมือนหลวงปู่ทวด บูชาไว้บนพวงมาลัยของรถยนต์ที่ใช้เป็นประจำทุกวัน โดยเธอเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากองค์พระจะช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยอันตราย ขณะเดียวกันก็จะมีพระพิฆเนศสองปางบูชาเอาไว้หน้ารถเสมือนทำให้การงานของเราประสบความสำเร็จ

 

ฉันทนา บอกด้วยว่า เมื่อกลับเข้าบ้านมีความทุกข์ใจมากแค่ไหนก็จะเข้าไปสวดมนต์นั่งสมาธิภายในห้องพระ ในความรู้สึกคิดว่าการบูชาพระพุทธรูปถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจ เพราะเวลาที่ได้พูดคุยกับพระพุทธรูปท่านก็จะยิ้มกับเรา แม้ว่าเราพูดอะไรไปท่านไม่ตอบ แต่เรามองหน้าองค์ท่านเราก็จะสบายใจ มีความสุข และทุกปีเมื่อมีโอกาสก็จะไปทำบุญทอดผ้าป่าเป็นประจำ

เมื่อถามถึงความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ฉันนาตอบว่า เรื่องของกฎแห่งกรรม ปัจจุบันมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย เช่น บางคนไม่ชอบแมว ไม่ชอบสุนัข ก็จะใช้วิธีการด้วยการนำน้ำร้อนมาสาดทำให้สัตว์เหล่านี้ถูกน้ำร้อนลวกต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ในที่สุดเราก็จะเห็นคนที่ถูกน้ำร้อนลวกไม่แตกต่างไปจากสุนัขหรือแมวถูกน้ำร้อนลวก

 

บ้างครั้งเราจะเห็นข่าวหน้า ๑ ของหนังสือพิมพ์หลายเหตุการณ์ที่จะมีข่าวว่าคนตกลงไปในอ่างน้ำร้อนบ้าง คนพลาดถูกน้ำร้อนราดตัว จากเหตุการณ์ตรงนี้ก็ทำให้เชื่อว่าเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้คงได้เห็นกันชาตินี้แน่นอน และที่ผ่านมาตัวเองเคยมีแฟนแล้วถูกแย่งไป ในมุมกลับกันเราก็เคยไปแย่งแฟนคนอื่นมาเป็นของเรา มาวันนี้เข้าใจแล้วว่าความสุขแบบนี้มันไม่ยั่งยืนแน่นอน

 

“คนเราจะอยู่ในสังคม จะอยู่ในโลกนี้ได้ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับดวงของคนเราประกอบเข้าด้วยกัน การดูหมอ พอหมอทักเราว่าดวงไม่ดี เราก็จะได้ทำบุญให้มาก และสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตการงานที่ยึดถือปฏิบัติมาอย่างเคร่งครัด คือการตรงต่อเวลา และไม่ลืมที่จะใช้ความมีเมตตากับผู้อื่น” ฉันทนา กล่าวทิ้งท้าย

 

"คนเรามีพระเครื่องติดตัวอยู่ พอมีเหตุการณ์อะไรขึ้น ถ้าเรามีสติระลึกนึกถึงท่านอยู่ตลอดเวลา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือองค์พระท่านก็จะคุ้มครอง ”