เสือผู้หญิง พชร แก้วเพชร พระเอกดังขุนศึก
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ศุภชัย เพชรเทวี
เสือผู้หญิง พชร แก้วเพชร พระเอกดังขุนศึก
"ชีวิตนี้ผมว่าผมฟันผู้หญิงมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕๐๐ คน ๕๐๐ คนจริงๆ ไม่ใช่ ๕๐ คน เขาไม่ได้พิมพ์เลขผิดหรอก ไม่ต้องสงสัย เอาเป็นว่าง่ายๆ เลยนะ คุณลองคำนวณ ตามผมดูได้ ผมเริ่มมีอะไรกับผู้หญิงครั้งแรกตอนอายุ ๑๘ ปี ตอนนี้ผมอายุ ๓๕ ปีแล้ว ผ่านมา ๑๗ ปี คิดแบบคร่าวๆ เลยนะ ผมฟันผู้หญิงปีละ ๒๐ คน ๑๗ ปีก็ ๓๔๐ คนแล้ว ตกเดือนละคนกว่าๆ ซึ่งจริงๆ แล้วเดือนหนึ่งผมได้ฟันตั้งหลายคน"
นี่เป็นข้อเขียนส่วนหนึ่งจากหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ค "เขาหาว่าผมเป็นแมงดา" ของ "วิทย์" ซึ่งมีชื่อและนามสกุลจริงว่า "นายวรวิทย์ แก้วเพชร" พระเอกภาพยนตร์ชื่อดังจากเรื่อง ขุนศึก ซึ่งภายหลังเขาไปเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "พชร แก้วเพชร" ด้วยเหตุผลที่ว่า "เพื่อความสบายใจ และเป็นมงคลกับชีวิต"
ขณะเดียวกันพชรก็สารภาพอย่างลูกผู้ชายว่า "ในอดีตผมเป็นเสือผู้หญิงคนหนึ่ง เลวในเรื่องผู้หญิง เป็นคนที่เลวได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลง ชีวิตในตอนนั้นไม่เคยสนใจว่าความรักเป็นอย่างไร รักแท้คืออะไรอันนี้ไม่เคยค้นหา รู้แต่ว่าชีวิตตอนนั้นสนใจอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องฟันผู้หญิง มีผู้หญิงเข้ามาพัวพันในชีวิตนับสิบนับร้อยคน แต่วันนี้เข้าใจแล้วว่ามันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง แต่มันเป็นเพียงความสุขชั่วคราวไม่ยั่งยืน"
นอกจากนี้แล้วพชรยังยอมรับด้วยว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยเชื่อเรื่องกรรมเลย ชนิดที่เรียกว่า "สะกดคำว่ากรรมไม่เป็น" ด้วยความบังเอิญที่ผมได้ไปหยิบหนังสือธรรมะ "กรรมพยากรณ์" หลังจากอ่านจบแล้วให้เข้าใจคำว่ากรรมอย่างลึกซึ้ง มันช่วยขัดเกลาจิตใจได้เป็นอย่างดี
"ชีวิตผ่านสิ่งร้ายๆ มามากมาย ก็ถือว่ามันเป็นวิบากกรรมของชีวิต ปลงกับชีวิต แล้วก็ชดใช้กรรมต่อไป ผมคิดว่าเราไม่ควรที่จะไปสร้างกรรมใหม่ วันนี้จะทำตัวเป็นคนดี วันที่ผมร้องไห้ เครียดกับข่าวที่ด่าเรา มันกดดันมาก" นี่คือความเชื่อเรื่องกรรมของพชร
"ทานคือเหตุแห่งความรวย ศีลคือเหตุแห่งความสวย" นี่คือสัจธรรมชีวิตอีกอย่างหนึ่งที่พชรได้ จากการอ่านหนังสือกรรมพยากรณ์ พร้อมกับบอกด้วยว่า การแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตให้ลุล่วงด้วยเหตุผลที่ถูกต้องคือเหตุแห่งสติปัญญา แต่คนเราจะเหมาเอาทั้งทาน ศีล และความรู้จักเหตุผลไว้ในตัวคนเดียวพร้อมกันนั้นยาก เว้นแต่จะมีครูดี ชี้ทางถูก และมีความเพียรพยายามให้ต่อเนื่องด้วยศรัทธาปสาทแก่กล้าพอเท่านั้น
พชร ยังกล่าวต่อว่า คนเรามีเวรมีกรรมกันทุกคน แล้วแต่ว่าบางคนจะมากจะน้อย ใครทำกรรมอะไรไว้ คนคนนั้นจะต้องชดใช้สิ่งที่ตัวเองกระทำไว้แน่นอน ฉะนั้นเราจะต้องหยุดสร้างกรรมใหม่ในชาตินี้ ส่วนกรรมเก่าเราก็จะมีวิธีแก้กรรมที่ดีที่สุดคือ การเจริญสิตปัฏฐาน ๔ หากใครได้ลองทำดูจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นอย่างแน่นอน
ในช่วงที่อ่านหนังสือธรรมะ ได้ไปเจอข้อความหนึ่งนั่นก็คือ การให้ทาน ถือเป็นการทำความดีขั้นธรรมดา การรักษาศีล ถือเป็นการทำความดีขั้นสูงกว่าทาน การบำเพ็ญภาวนา เช่น การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม ถือเป็นความดีขั้นสูงสุด ธรรมะทำให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน ธรรมะสอนให้เราปลงกับชีวิตว่า
สังขารคนเรามันไม่แน่นอน เพียงแค่ทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุด ชีวิตที่ผ่านมาเป็น คนดวงค่อนข้างจะดี ชีวิตคนเรามีขึ้น มีลงอันนี้ขอไม่เถียง แต่สำหรับตัวเองเวลาที่ดวงตก มักเหมือนมีฟูกมารองรับอยู่เสมอ คือมันเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเข้ามาช่วย หรือมีใครสักคนเข้ามาช่วยโดยที่เราไม่คาดคิด ส่วนเมื่อครั้งที่เราดวงดีนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยเหมือนติดจรวด
อีกสิ่งหนึ่งที่พชรบอกว่าไม่เคยละเลย คือ การทำบุญอยู่ ๔ อย่าง ประกอบด้วย ๑.ดูแลพ่อแม่ ๒.บริจาคเลือดทุกๆ ๓ เดือน ๓.ซื้อชีวิต เช่น ซื้อชีวิตโค กระบือ หรือถ้าไม่มีเวลาให้ไปที่ตลาดไปซื้อปลาช่อน ที่เขากำลังจะฆ่า เพราะชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าเกิดเป็นปลาช่อน เลือกตัวที่แข็งแรง เขาจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ก่อนปล่อยก็ต้องอธิษฐานด้วย และ ๔.นับถือเจ้าแม่กวนอิม ไม่กินเนื้อสัตว์ ถือว่าวัวและควายเป็นสัตว์ใหญ่ และเป็นสัตว์ที่มีบุญคุณต่อมนุษย์ สัตว์สองชนิดนี้ช่วยทำนาทำให้มนุษย์มีข้าวกิน แล้วเหตุใดเราจะยังไปกินเนื้อมันอีก
นอกจากนี้ พระเอกชื่อดังจากภาพยนตร์ขุนศึก ยังมีมุมมองเกี่ยวกับการแขวนพระเครื่องไว้อย่างน่าคิดว่า การแขวนพระก็เพื่อสร้างความสบายใจมากกว่า ต่อให้เราแขวนพระองค์ละ ๑๐ ล้านบาท แล้วทำตัวไม่ดีพระท่านก็คงไม่คุ้มครอง ส่วนพระเครื่องที่แขวนติดตัวประกอบด้วย นางกวัก หลวงพ่อเกษม ปี ๒๕๐๑ สิงห์นำโชค พระศิวะ และตะกรุด
ที่ผ่านมามีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นครั้งหนึ่งเมื่อเดินทางไปโชว์ตัวในงานแห่งหนึ่ง มีลุงคนหนึ่งเข้ามาคุยตามประสาเด็กกับผู้ใหญ่ ระหว่างคุยก็ไม่ได้คิดอะไรคุยไปตามมารยาท กระทั่งจะเดินทางกลับ ลุงคนนี้เรียกให้เข้าไปหา จังหวะนั้นเองลุงได้หยิบตะกรุดแล้วยื่นให้ พร้อมพูดว่าเก็บเอาไว้ให้ดี เพราะตะกรุดอันนี้ได้เก็บติดตัวมาประมาณ ๒๐ ปีแล้ว มีคนมาขอซื้อตั้งสองแสนลุงก็ไม่ขาย ลุงอยากให้ไม่รู้มันถูกชะตา พอได้ฟังแล้วก็ขนลุกเหมือนกัน ลุงย้ำว่าอย่าให้หายต้องเอาไว้ติดตัวตลอดเวลา
"วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี ทำให้มองโลกได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น" คำยืนยันจากพชร เนื่องจากไปบวชมา ๑ เดือน ถือว่าเป็นการบวชที่เคร่งมากๆ มีผ้า ๓ ชิ้น นอนเสื่อ ฉันมื้อเดียว ทำวัตร ๓ เวลา ตรงนั้นมันทำให้มองเห็นความเป็นจริงของชีวิต ว่าอาหารมื้อเดียวก็อยู่ได้ คงไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว สิ่งที่เราดำรงชีวิตกันอยู่ทุกวันนี้มันคือกิเลส มีเพื่อนหลายคนที่ขับรถเบนซ์แต่เงินไม่มี สิ้นเดือนทีก็เอาเท้ากายหน้าผาก คนพวกนี้เข้าประเภทขอเท่ไว้ก่อน ไม่มีกินไม่เป็นไร
ชีวิตหลังบวชเหมือนเกิดใหม่ ไม่คิดโกรธแค้นใคร โดยจะไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนเกือบชั่วโมงทุกคืน ไม่ว่าจะเป็นบทสวดพาหุง สวดธรรมจักร สวดคาถาชินบัญชร บทอิติปิโส ฯลฯ
"วันนี้ชีวิตพบพานแต่สิ่งที่ดีๆ ไม่เคยประสบสิ่งที่ร้ายๆ เลย มันก็ดีไปอีกแบบ แต่คงไม่รู้จักสิ่งที่เลวหรือสิ่งที่ไม่ดีว่าเป็นอย่างไร บทเรียนชีวิตที่ผ่านมาทำให้ตัวเองแกร่งขึ้น ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ทำให้เราได้คิดอะไรที่มากขึ้น วันนี้คงต้องขอบคุณอดีตที่ผ่านมาที่ให้บทเรียนที่หาซื้อไม่ได้" พชร กล่าวทิ้งท้าย