เครื่องบินตก แต่...ไม่ตาย !! ร.อ.กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา

เครื่องบินตก แต่...ไม่ตาย !! ร.อ.กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา

 

 

 

 

 

 


เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง   ภาพ :  ศุภชัย เพชรเทวี

 

เครื่องบินตก แต่...ไม่ตาย !! ร.อ.กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา

 

ชีวิตของคนเรามีความชอบที่อยากจะทำแตกต่างกันไป บางคนชอบเล่นกีฬา บางคนชอบไปดูภาพยนตร์ มีอีกมากมายที่เห็นหลายคนได้ทำกันเป็นงานอดิเรก ส่วน ศ.เกียรติคุณ ร.อ.กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และประธานกรรมการบริษัท คาซ่า จำกัด คนนี้เป็นคนที่ชอบขับเครื่องบินเป็นชีวิตจิตใจ

 

"พ่อเล่นเครื่องบินบังคับไม่ได้เรื่องเลย" คำพูดของลูกชายที่ยังก้องอยู่ในหูของ ร.อ.กฤษฎา อยู่ตลอดเวลา และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สนใจฝึกหัดขับเครื่องบินมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะประสบกับเหตุการณ์เฉียดตายจากเครื่องบินตกมานับครั้งไม่ถ้วน

 

ร.อ.กฤษฎา เล่าถึงเหตุการณ์เฉียดตายเพราะเครื่องบินครั้งแรกว่า เพื่อความปลอดภัยของนักบิน มีกฎข้อบังคับของนักบินอย่างหนึ่งที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาด คือ ห้ามขับเครื่องบินเข้าไปในบริเวณก้อนเมฆ ด้วยเหตุที่เป็นการขับครั้งแรกจึงไม่รู้ว่า ควรจะอยู่ในระยะห่างเท่าไรถึงจะปลอดภัย ขณะเดียวกันก็อยากลองว่าจะเป็นอย่างไร จึงบินไปอยู่ใต้ก้อนเมฆ ทันใดนั้นเอง ก้อนเมฆที่ว่านั้นก็ดูดเครื่องบินหายเข้าไปในก้อนเมฆ จึงควบคุมสติหักหัวเครื่องบินออกมา เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องจดจำไปจนวันตาย

ครั้งที่สองเกิดขึ้นระหว่างขับเครื่องบินไปกับเพื่อน โดยเพื่อนเป็นคนขับ จากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ต เมื่อเครื่องบินไปถึงบางสะพานก็เห็นเมฆก้อนโตสูงประมาณ ๓ หมื่นฟุต ครั้นจะขับเครื่องบินข้ามก้อนเมฆก้อนนี้ก็ข้ามไม่ไหว จึงตัดสินใจขับเครื่องบินมุดใต้ก้อนเมฆ

 

ระหว่างบินอยู่ในเมฆ ก็เหมือนเราอยู่ในคลื่นทะเลขึ้นลงๆ อยู่อย่างนั้นนานพอสมควร ความรู้สึกช่วงนั้นใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว จึงตัดสินใจกระโดดเปลี่ยนไปขับแทนกลางอากาศมือก็จับคันบังคับ ทันใดนั้นเองตาก็มองลงไปก็เห็นเป็นท้องทะเล เดชะบุญที่สามารถบังคับเครื่องให้บินขึ้นได้ และรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์

 

"ผมเกือบตายอีกครั้งที่ขับเครื่องบินมาจากหัวหิน แล้วดันน้ำมันหมด ตอนที่เครื่องมาถึงบางพระ วินาทีนั้นตัดสินใจอะไรไม่ถูก ระหว่างนั้นเครื่องบินอยู่บริเวณสนามกอล์ฟที่มีคนเล่นกอล์ฟอยู่เต็มสนาม พยายามให้เครื่องบินชนกับต้นไม้ โดยเอาปีกชน ทำให้เครื่องบินปีกหัก ล้อหน้าหัก พอถึงพื้นดิน ผมก็เปิดประตูกระโดดหนีทันที เพราะกลัวเครื่องมันจะระเบิด เพียงชั่วครู่ทุกอย่างก็สงบลง แต่เป็นเรื่องแปลกมากที่เฉียดตายมาก็หลายครั้งแต่ไม่เคยมีเลือดตกยางออกเลย"นี่คืออีกหนึ่งเหตุการณ์เฉียดตายของ ร.อ.กฤษฎา ที่เจ้าตัวบอกว่า "ไม่มีวันลืม"

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาหลายครั้ง แต่เมื่อถามถึงเครื่องรางของขลัง ร.อ.กฤษฎา ตอบว่า "พระเครื่องที่แขวนหากจำเป็นก็จะเป็นพระสมเด็จจิตรลดา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวอยู่หัว พระราชทานเมื่อหลายสิบปีก่อน"

ขณะเดียวกัน ร.อ.กฤษฎา พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "ผมห้อยพระธรรมติดตัวและติดใจไว้ตลอดเวลา ผมคิดว่าคนที่แขวนพระเครื่องไม่น่าจะเป็นพุทธเต็มตัวเท่าใดนัก เช่น บางคนแขวนพระองค์นี้เพื่อให้คนเมตตา แขวนองค์นี้ให้ยิงไม่เข้า หรือแขวนองค์นี้แล้วให้เป็นมงคล ในความรู้สึกของตัวเองก็คิดว่ามงคลไม่ได้เกิดจากพระเครื่อง แต่มงคลจะเกิดจากการปฏิบัติธรรมให้ถูกต้องถูกศีลธรรม พอเราเข้าใจในตรงจุดนี้แล้วก็คิดว่าจะแขวนพระเครื่องหรือไม่แขวนก็ได้"

 

 

หลังจากหมดวาระของการเป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้มาเป็นประธานชมรม โครงการธรรมะในสวน ซึ่งเป็นโครงการของกรุงเทพมหานคร โดยได้รับการสนับสนุนจาก นายล้วนชาย ว่องวานิช และ กลุ่มบริษัท ว่องวานิช ทั้งนี้จะมีการนิมนต์พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทางการปฏิบัติมาเทศนาธรรมในสวนให้กับประชาชนได้รับฟัง อาทิ

 

พระธรรมโกศาจารย์ (ปัญญา นันทภิกขุ) พระเทพโสภณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดหนังราชวรวิหาร พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา พระราชธรรมวาที วัดประยุรวงศาวาส พระมหากิตติศักดิ์ โคตมสิสฺโส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระพยอม กัลยาโณ วัดสวนแก้ว ฯลฯ เป็นต้น

 

หลายครั้งได้นิมนต์พระอาจารย์ที่เป็นชาวต่างชาติมาเทศนาธรรม มีอยู่คำหนึ่งที่ท่านพูดขึ้นมาจนทำให้สะกิดใจมาจนถึงวันนี้ คือ "คนไทยไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่าโชคดีแค่ไหนที่เกิดมาเป็นชาวพุทธทันที แล้วหลายคนก็ไม่ค่อยสนใจในพระพุทธศาสนาจริงจังว่า พระพุทธศาสนาเป็นความจริงที่วิเศษแค่ไหน ที่จะช่วยให้พ้นทุกข์ได้ ส่วนเขาเป็นชาวต่างชาติเกิดมาอยู่ในศาสนาอื่น ก็ยังสนใจในพระพุทธศาสนา"

 

นอกจากนี้แล้ว ก่อนมาบวชเป็นพระในพระพุทธศาสนา ต้องศึกษาหลักพระพุทธศาสนาอย่างละเอียดว่าดีอย่างไร ศึกษาที่ว่านี้ยังต้องนำไปอธิบายให้กับครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อนของเขาเข้าใจได้ว่า ทำไมเขาถึงต้องเปลี่ยนศาสนา หากไม่สามารถอธิบายให้พ่อแม่พี่น้อง รวมทั้งเพื่อนๆ ให้เข้าใจได้ แต่มาบวชเฉยๆ ญาติพี่น้องก็คงนึกว่าเป็นคนเสียสติไปแล้ว กว่าจะได้มาซึ่งความเป็นพุทธไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่คนไทยเข้าใจกัน

 

การเปลี่ยนจากฆราวาสเป็นสมณเพศไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก่อนจะเปลี่ยนศาสนาเป็นเรื่องอ่อนไหวของคนในครอบครัวค่อนข้างมาก สิ่งหนึ่งที่พระสงฆ์ชาวต่างชาติมักพูดเหมือนกันทุกๆ รูป คือ "คนไทยโชคดีไม่ต้องเปลี่ยนไปไหน

เกิดมาก็เป็นชาวพุทธ น่าจะได้ใช้ความโชคดีนี้เป็นประโยชน์ยิ่งขึ้น อย่างน้อยก็น่าจะเข้าใจว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระองค์ตรัสรู้อะไร แล้วสิ่งที่ท่านตรัสรู้ก็เป็นเหมือนวงจรแห่งทุกข์ คือ ปฏิจจสมุปบาท เป็นธรรมแห่งการเกิดขึ้นและดับไปแห่งทุกข์ และเป็นเพราะคนเรามีกรรมจึงต้องเกิดอีกนั่นเอง"

 

ร.อ.กฤษฎา พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "คนเราพยายามอยู่กับศีล ๕ ให้ได้ เพราะหากทุกคนได้เอาศีล ๕ เหล่านี้ติดตัวไว้ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเองแล้วสังคมเราก็จะอยู่กันอย่างสงบสุข เพราะศีล ๕ ทำให้คนเรามีจิตใจที่ไม่ไปเบียดเบียนใคร วันนี้ชีวิตผมที่ผ่านอะไรมามากมาย ผมไม่เคยกระเสือกกระสนที่อยากจะได้มา ผมก็คิดว่ามันอาจเป็นโชค หรือเป็นจังหวะโอกาสของคนเรามากกว่า วันหนึ่งผมได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมก็ไม่เคยยึดติดกับอำนาจเหล่านั้น เพราะมันไม่ยั่งยืน"