ทางเดินสาย "มัชฌิมาปฏิปทา' ของ..." ศ.ดร.อักขราทร จุฬารัตน"
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : อุทร ศรีพันธ์
ทางเดินสาย "มัชฌิมาปฏิปทา' ของ..." ศ.ดร.อักขราทร จุฬารัตน"
"ตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ของระบบราชการก็เป็นคนชอบศึกษาประวัติชีวิตคน เราจะเห็นว่า หลายคนที่ประสบความสำเร็จ หรือไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะทำหน้าที่ที่ตึงเกินไปหรือไม ่บางคนก็ทำหน้าที่หย่อนเกินไป จนยอมเขาไปหมด ไม่รู้จักให้สิ่งที่ทำนั้นเกิด ความพอดี ถ้าคนเรามีความพอดีก็จะไม่เกิดปัญหากับใคร ดังนั้นคนเราจะต้องมี มัชฌิมาปฏิปทา หมายถึง การเดินสายกลาง แล้วการดำเนินชีวิตการงานก็จะมีความสุข" นี่เป็นหลักธรรมในการดำเนินชีวิตที่ไม่เป็นทุกข์ของ ศ.ดร.อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครอง และประธานสมาคมศาลปกครองโลก
ศ.ดร.อักขราทร เล่าย้อยอดีตของตระกลูให้ฟังว่า ตระกูล "จุฬารัตน" สืบเชื้อสายมาจากจุฬาราชมนตรีคนแรก(เฉก อะฮะหมัด) ที่เป็นคุณทวด ต่อมาถึงยุคคุณพ่อ (เลิศ จุฬารัตน) ก็ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ ในขณะที่ญาติพี่น้องอีกฝ่ายหนึ่งยังคงนับถือ ศาสนาอิสลามเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้เองทำให้ตนเองนับถือศาสนาพุทธตามผู้เป็นพ่อ
อย่างไรก็ตาม แม้เราจะนับถือกันคนละศาสนา แต่การพบปะญาติพี่น้อง ก็ยังคงทักทายกันแบบชาวมุสลิม เพื่อไม่ให้มีความแตกต่าง และไม่ลืมความสัมพันธ์อันดีของความเป็นต้นตระกูลเดียวกัน พูดถึงคนเรา หากไม่เดินทางสายกลางก็จะเป็นการยึดติด เอนเอียง ตรงนี้จะเป็นตัวบอกว่า จิตของเราขาดความเป็นกลาง การปล่อยวาง วางเฉย ต่อสิ่งที่เรารับรู้ได้นั้นเป็นการวางจิตใจให้เป็นกลางได้
ดังนั้นการยึดทางสายกลางเอาไว้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะไปสู่เป้าหมายได้ไม่ยาก มัชฌิมาปฏิปทาจึงเป็นหลักธรรมที่สุดประเสริฐของศาสนาพุทธ ซึ่งทุกคนสามารถนำมาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
ประธานศาลปกครองอธิบายความหมายของมัชฌิมาปฏิปทาให้ฟังว่า คือการเดินทางสายกลางที่ไม่ได้หมายถึงในด้านกายและ วาจาของเรา แต่หมายถึงในด้านจิตใจ เมื่อถูกอารมณ์มากระทบ ถ้าอารมณ์ที่ไม่ถูกใจมากระทบกระทั่ง ก็ทำให้วุ่นวาย ถ้าจิตวุ่นวายหวั่นไหวเช่นนี้ ก็ไม่ใช่หนทาง เมื่ออารมณ์ที่ชอบใจดีใจเกิดขึ้นมาแล้วก็ดีอกดีใจ ติดแน่นอยู่ในกามสุขัลลิกานุโยโค อันนี้ก็ไม่ใช่หนทาง
"ทุกวันนี้ผมไปทำงานก็จะไหว้พระที่ห้องทำงานเป็นประจำ เพื่อความสบายใจของเราเอง ผมว่าจริงๆ หลักศาสนาพุทธเป็นหลักศาสนาที่อยู่ที่ใจของเรา ถ้าเราทำดี ประพฤติตัวดี ก็เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคอยคุ้มครองเรา ทุกวันของการไหว้พระเราจะต้องรู้ด้วยว่าการไหว้พระนั้น เราไหว้เพื่ออะไร เราไหว้เพื่อบูชาใคร ถ้าไหว้แล้วไม่รู้จะไหว้ไปทำไมก็ทำให้การไหว้นั้นไม่มีประโยชน์อะไร" นี่เป็นความศรัทธาในศาสนาของประธานศาลปกครอง
สำหรับพระเครื่องคู่ใจของ ศ.ดร.อักขราทร ประกอบด้วย เหรียญราหูอมจันทร์ วัดบรรพตสถิต จ.ลำปาง รุ่นปี ๒๕๑๖ พระพิฆเนศ หลังพระวิษณุ เนื้อผง ได้มาจากกรมศิลปากร และพระสมเด็จที่พ่อเป็นผู้ให้ไว้เป็นที่ระลึก แขวนติดตัวก็คิดว่าเป็นมงคลแล้ว โดยพระเครื่องทั้ง ๓ องค์นี้ แขวนติดตัวมาเป็นเวลาประมาณกว่า ๑๐ ปี ได้แล้ว
ศ.ดร.อักขราทร บอกด้วยว่า สมัยก่อนแขวนพระเยอะมากเลย พอคล้องไปนานๆ เข้า มันไม่ไหวเพราะทำให้คอเรารับไม่ไหว ระยะหลังมาจึงต้องเลือกแขวนพระเครื่องตามความเหมาะสม ทุกวันนี้ได้แขวนพระเครื่องเพียง 3 องค์ เท่านั้น
ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นก็เป็นคนชอบสะสมพระเครื่องเอาไว้เป็นจำนวนมาก ในบางครั้งจะให้เซียนดูก็กลัวเหมือนกันว่าคนที่ดูเป็น พอเขาดูพระเราแล้วจะมาหลอกว่าเป็นพระปลอม แล้วเอาพระดีของเราไป ความกลัวตรงนี้ก็เลยเก็บเอาไว้ดีกว่า ไม่ให้ใครดู
เมื่อถามถึงเหตุการณ์เฉียดตายหรือ ปาฏิหาริย์ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ศ.ดร.อักขราทร บอกว่า "ชีวิตแคล้วคลาดมาตลอด" พร้อมกับเล่าต่อว่า เกือบจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิวัติถึง 2 ครั้ง ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ครั้งแรกถูกเชิญให้ไปเป็น ที่ปรึกษาฝ่ายปฏิวัติระหว่าง ขับรถตาม คนที่นำเพื่อเข้าไปยังทำเนียบ ความจริงเราต้องเลี้ยวตามรถที่นำเรามา ช่วงนั้นไม่รู้ว่าคิดอะไรก็ไม่รู้เลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เลยทำให้เราแคล้วคลาดจากการปฏิวัติในครั้งนั้น
ส่วนอีกเหตุการณ์เป็นครั้งที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ก่อนออกเดินทางในค่ำคืนนั้นได้นั่งกินเลี้ยงกันอยู่ที่บ้านท่าน ความรู้สึกตอนนั้นถ้าอยากไปก็คาดการณ์ว่า ถ้าพ่อไม่สบายที่เชียงใหม่ จะขอท่านไปเยี่ยมพ่อด้วย แต่ส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ชอบเดินทางสักเท่าไร จึงไม่ได้ขอไป ผลปรากฏว่ามีเหตุการณ์จี้บนเครื่องบิน ทำให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายดังกล่าว
นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ที่เรียกว่าแคล้วคลาดหรือปาฏิหาริย์ก็ว่าได้ สมัยนั้นทำหน้าที่เป็นเลขานุการอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงยุติธรรม (ศ.ดร.สมภพ โหตระกิตย์) ต้องติดตามท่านไปทุกหน ทุกแห่งของประเทศไทย ส่วนสถานที่แห่งเดียวที่ยังไม่เคยไปก็คือ อ.เบตง จ.ยะลา เพราะสมัยนั้นเขาพับผ้า จ.พัทลุง ยังคงมีปัญหามาก ยิ่งสมัยไปเปิดศาลที่ จ.พัทลุง คนที่จะขับรถมารับ รอกันตั้งนานก็ยังไม่มา ทำให้การเดินทางจาก จ.สงขลา ในครั้งนั้นต้องอาศัยรถยนต์ของอัยการแทน
ระหว่างเดินทางไปนั้น มองขึ้นไปบนต้นไม้ ทำไมถึงมีทหารยืนถือปืน เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ร้อนระอุไม่แตกต่างไปจาก ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังไม่สงบในปัจจุบัน แม้ว่าในช่วงนั้นพื้นที่ต่างๆ ของภาคใต้จะร้อนอย่างไร ดวงของท่านสมภพค่อนข้างประหลาดในมุมมองของตนเอง
"ใครไปไหนกับท่านไม่คนใด ก็คนหนึ่งจะต้องมีอุบัติเหตุเสมอ แต่ตัวท่านเองจะแคล้วคลาดตลอด ไม่ว่าจะเป็นรถชนกัน รถคว่ำ หรือรถไฟตกราง แม้รถของ ท่านสมภพประสบอุบัติเหตุไปชนกับรถขนปูน ที่ จ.เพชรบุรี เป็นเหตุให้ภรรยาท่านเสียชีวิต หลายคนก็มองว่าท่านเป็นคนดวงแรง แต่มันก็แปลกที่ท่านแคล้วคลาดมาตลอด ส่วนตัวผมเองที่รอดมาได้ก็ไม่รู้ว่ามีพระเครื่องดีหรือเป็น เพราะดวงของท่านสมภพ อันนี้ผมไม่แน่ใจ" ประธานศาลปกครอง กล่าวทิ้งทาย