เกือบตาย ! ...ในดงคอมมิวนิสต์ พล.ท.ฉลอม วิสมล

เกือบตาย ! ...ในดงคอมมิวนิสต์ พล.ท.ฉลอม วิสมล

 

 

 

 

 

 


เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง   ภาพ :  ประเสริฐ เทพศรี

 

 เกือบตาย ! ...ในดงคอมมิวนิสต์ พล.ท.ฉลอม วิสมล

 

"เด็กวัด" คนไทยจะคุ้นเคยกับคำๆ นี้เป็นอย่างดี ทุกๆ เช้าเรามักเห็นเด็กหิ้วปิ่นโตตามพระไปเดินบิณฑบาต เมื่อกลับถึงวัดก็อยู่คอยรับใช้พระที่วัดทุกอย่าง แล้วแต่พระจะใช้ นักการเมืองและผู้บริหารประเทศจำนวนไม่น้อยเคยผ่านการเป็นเด็กวัด อย่าง นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างเรียนเป็นเด็กวัดอมรินทราราม นายไพฑูรย์ แก้วทอง ก็เคยเป็นเด็กวัดสระเกศและวัดสุทัศน์เทพวราราม

 

นายสวัสดิ์ โชติพานิช เคยเป็นเด็กวัดป่าลิไลยก์ ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง นายจำลอง ครุฑขุนทด เคยเป็นเด็กวัดเศวตฉัตร คลองสาน กรุงเทพฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเด็กวัดนาสาร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นเด็กวัดระฆังฯ และ นายอดิศร เพียงเกษ อดีตเด็กวัดอนงคาราม เป็นต้น

 

พล.ท.ฉลอม วิสมล รองประธานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่า "เคยเป็นเด็กวัดปทุมคงคา แถวๆ โอเดียน ได้อาศัยวัดเป็นที่พักพิงพร้อมกับอาหารจากก้นบาตรพระสงฆ์ทุกวันหล่อเลี้ยงชีวิต เด็กวัดคนนี้ได้ดีก็เพราะวัด ที่ทำให้มีโอกาสได้ร่ำเรียนจนจบนักเรียนนายร้อยหรือโรงเรียนนายร้อยทหารบกในปี ๒๔๙๐"

 

พล.ท.ฉลอม เล่าว่า หลังจากนั้นชีวิตก็เริ่มรับราชการทหารอยู่ที่ฝ่ายเสนาธิการทหารมาโดยตลอด เรียกได้ว่าชีวิตต้องเสี่ยงอยู่กับความตายมาแล้วหลายสงคราม อาทิ สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม ในการต่อสู้กับพวกเผด็จการหรือพวกคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยที่ลอบยิงเอาชีวิตมาแล้วก็หลายครั้ง

 

สมัยนั้นการปราบพวกคอมมิวนิสต์เหล่านี้ไม่ได้ใช้อาวุธปืนใดๆ ทั้งสิ้น ทำงานเป็นผู้อำนวยการหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ลงพื้นที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน โดยทำหน้าที่อธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจว่า ระบบคอมมิวนิสต์ตามความเชื่อที่ว่าทุกคนอยู่ในสังคมต้องเท่าเทียมกัน ไม่มีคนจน ไม่มีคนรวยนั้น ถือว่าผิดหลักธรรมชาติ จะนำมาใช้ในการพัฒนาชุมชน พัฒนาประเทศไม่ได้ เพราะสภาพความเป็นจริงไม่สามารถทำได้

 

ชีวิตการเป็นทหารจะนึกถึงอยู่ตลอดเวลาคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เหล่าทหารรู้ว่าลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่ได้ช่วยพัฒนาประเทศของเราดีขึ้นตามที่ประกาศกันไว้ และที่สำคัญคอมมิวนิสต์จะไม่มีพระมหากษัตริย์ปกครอง เหล่าทหารจึงได้ใช้มวลชนชาวบ้านร่วมกันต่อต้าน พร้อมทั้งร่วมกันทลายกลุ่มเผด็จการเหล่านี้ออกไปจากชุมชน

 

การลงพื้นที่แบบนี้ถือว่าต้องเสี่ยงอันตรายไม่น้อย บางครั้งถูกซุ่มยิงกลางป่าเขา เราก็ต้องหลบเพื่อเอาชีวิตรอด เราได้พบกับวินาทีเสี่ยงตายแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนก็ว่าได้ ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายที่ไม่มีวันลืมซึ่งต้องใช้ระยะเวลาต่อสู้ประมาณ ๑๐ ปี ที่ต้องลงไปบอกให้ชาวบ้านออกมาต่อต้านระบบเผด็จการเหล่านี้

 

"ผมรอดมาได้จะเรียกว่าปาฏิหาริย์ก็คงไม่ผิดเพราะว่าก่อนถึงจุดที่มีการยิงปะทะกัน ก็เห็นลูกปืนเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา เรียกได้ว่าถ้าผมไปเร็วกว่านั้นไม่กี่นาที ผมอาจต้องตายก็ได้ การปะทะแบบนี้มันมีหลายครั้งแต่ก็แคล้วคลาด รอดพ้นจากภัยอันตรายมาได้ทุกครั้ง และที่ผมรอดตายมาได้ก็น่าจะมีพระดีมั้ง ผมว่ามันก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลด้วย" อดีตผู้อำนวยการหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ เล่าถึงวินาทีเฉียดตายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมกับกล่าวต่อว่า

 

การทำงานของทหารสมัยนั้นต้องทำงานแบ่งเป็น ๒ รูปแบบ คือ ๑.การปราบเหล่าคอมมิวนิสต์ ที่เป็นพวกที่หลงผิดกระทำการแบบเรืองอำนาจ ๒.ช่วยเหลือประชาชนให้เข้าใจถึงลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ใช้การพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน ด้วยการดึงชาวบ้านให้เข้ามาทำความเข้าใจถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่กว่าเราจะได้ชัยชนะเหนือเหล่าคอมมิวนิสต์ เราต้องสูญเสียทหารจากการปราบบุคคลเหล่านี้ประมาณปีละ ๕๐๐ นาย ท้ายที่สุดลัทธิคอมมิวนิสต์ก็ไปไม่รอดและก็ล่มสลายในเวลาต่อมา

 

ปัจจุบัน พล.ท.ฉลอม วิสมล  ได้ดำเนินชีวิตตามหลักของพระพุทธศาสนา ได้เห็นสัจธรรมเนื่องจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้าถือเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ทุกคำสอนสามารถนำมาปรับใช้กับวิถีชีวิตของมนุษย์ได้อย่างกลมกลืน สิ่งสำคัญเราต้องละชั่ว ประพฤติดี ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส ถือเป็นหัวใจใหญ่ของพระพุทธศาสนาเพราะการละชั่วก็คือการรักษาศีล ๕ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือคนเราต้องมีอิทธิบาท ๔

 

ทั้งนี้ พล.ท.ฉลอม วิสมล ได้อธิบายให้ฟังว่า อิทธิบาท แปลว่า บาทฐานแห่งความสำเร็จ นั่นหมายถึงสิ่งซึ่งมีคุณธรรมให้บรรลุถึงความสำเร็จตามที่ประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใดต้องทำตนให้สมบูรณ์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อิทธิบาท ได้มีการแบ่งแยกเอาไว้เป็น ๔ คือ ๑.ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น ๒.วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น ๓.จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น ๔.วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น ใครก็ตามที่ได้ยึดถือหลักธรรมอิทธิบาท ๔ ก็ย่อมที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต