ใช้สติ...ต่อสู้โรคมะเร็ง 'จีรณี จิตตเสวี' บอสใหญ่นิตยสารคอสโมโพลิแทน
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : พีระรัตน์ ธรรมจง
ใช้สติ...ต่อสู้โรคมะเร็ง 'จีรณี จิตตเสวี' บอสใหญ่นิตยสารคอสโมโพลิแทน
"จุ๋ม คอสโม ดอทคอม" เป็นฉายาของ จีรณี จิตตเสวี บิ๊กบอสของนิตยสาร "คอสโมโพลิแทน" (COSMOPOLITAN) ซึ่งมีดีกรีปริญญาตรีคณะโบราณคดี จากมหาวิทยาลัยศิลปากร และปริญญาโทสาขาสังคมวิทยาจากมหาลัยแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา
ตามประวัติแล้ว เธอเป็นลูกสาวคนที่ ๑๔ ของ พระยาภูมีเสวิน (จิตร จิตตเสวี) บรมครูทางดนตรี ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านดนตรีคนแรกของประเทศ ถ้ามองจากรูปลักษณ์ภายนอก ใครเลยจะรู้ว่า ครั้งหนึ่งที่จีรณีเคยป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้น เมื่อหายจากโรคมะเร็ง หลายคนอาจมองว่า น่าจะเป็นบุญ แต่ตัวเธอเองกลับมองว่า "เป็นเรื่องของสติ ที่ไม่ประมาทกับชีวิต เพราะได้ตรวจสุขภาพเป็นประจำ" "จิตใจช่วงนั้นเข้มแข็งมากไม่มีความรู้สึกท้อแท้หรืออยากตาย"
นี่คือความรู้สึกของจีรณี หลังจากแพทย์ได้ตรวจจนแน่ใจแล้วว่าเป็นโรคมะเร็งบริเวณปากมดลูก ขณะเดียวกันพี่สาวของเธอก็เป็นโรคมะเร็งมาหลายปี และอยู่ระหว่างการรักษาตัวในต่างประเทศ
จีรณี เล่าว่า หลังจากรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก ก็ไตร่ตรองอยู่หลายรอบจะบอกแม่ดีหรือเปล่า เดินเที่ยวห้างก็คิดไปเรื่อยๆ พอเดินเข้าบ้านจึงตัดสินใจบอกแม่ อาการของแม่ที่ได้ยินเราบอกว่า เป็นมะเร็ง ท่านก็นั่งนิ่งไปสักพัก แล้วแม่ก็ตัดสินใจว่า จะไม่ไปหาพี่สาว เพราะแม่เห็นว่า อย่างน้อยพี่สาวก็ยังมีสามีเป็นคนดูแล
จากวันนั้นเป็นต้นมา แม่ก็อยู่ข้างกายมาตลอด วันนี้มีกำลังใจที่เข้มแข็งได้มาก น่าจะมาจากแม่ที่เป็นผู้หญิงเก่งมาก รับรู้เรื่องราวใดไม่ดี ท่านจะรับได้ไม่เคยโวยวายให้เห็น จะเรียกได้ว่า ท่านเป็นคนที่อิ่มบุญจริงๆ เพราะจะเห็นท่านใส่บาตรพระสงฆ์ทุกวัน วันนี้แม่อายุ ๘๗ ปี ท่านก็ยังใส่บาตร แล้วก็ยังทำอะไรคนเดียว ไม่ต้องมีคนใช้
"การวินิจฉัยครั้งนั้นก็ไม่หนักใจอะไร คิดว่าเป็นมะเร็งระยะแรกน่าจะหาย มาวันนี้เป็นเวลา ๕ ปีแล้ว ก็ยังคงต้องตรวจทุกระยะ วันนี้ที่เรายังมีชีวิตอยู่จะว่าเป็นเรื่องของบุญที่เราทำหรือเรามีกรรมอะไรหรือเปล่า ตรงนี้ไม่อยากบอกว่าอะไร แต่ที่แน่ๆ มันเป็นสิ่งที่เราค่อนข้างเอาใจใส่กับตัวเอง เป็นคนรอบคอบ ไม่ประมาทกับชีวิต แม้วันนั้นหากโรคมะเร็งจะคงอยู่กับร่างกายเรา ก็คิดว่าจะสู้ จะไม่ยอมแพ้ จะไม่ยอมให้มะเร็งเอาชนะเราง่ายๆ คนเราถ้าเตรียมใจยอมรับความจริง และมีสติเพียงเท่านี้เราก็จะชนะสิ่งร้ายๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราได้" จีรณีกล่าว พร้อมกับบอกด้วยว่า
"การเป็นโรคมะเร็งก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าจะเป็นเรื่องกฎแห่งกรรมอะไรหรือไม่ เพราะยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ความเชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรมก็คิดว่า ใครทำอะไรลงไปก็ต้องได้สิ่งนั้นตอบแทน ไม่ต้องไปนั่งรอชดใช้กันในชาติหน้า"
จากประสบการณ์คนรอบข้างก็เห็นมาไม่น้อยเช่นกัน โดยมีญาติคนหนึ่งเขาเป็นทหารอากาศ เลี้ยงสุนัขตัวผู้กับตัวเมียเอาไว้ที่บ้าน วันหนึ่งสุนัขตัวเมียได้ขึ้นไปกัดเบาะรถขาด พอเขาเห็นก็เกิดความโมโหมาก เอาอาวุธปืนมาจ่อยิงบริเวณขมับของสุนัขตายคาที่ สุนัขตัวผู้ก็เหมือนว่ามันเห็นภาพนั้นก็กลายเป็นสุนัขเพี้ยนไปเลย ในที่สุดญาติที่เป็นทหารอากาศคนนี้ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตายคาที่ โดยมีเหล็กเสียบทิ่มบริเวณขมับเช่นเดียวกับที่เขาทำกับสุนัขตัวนั้น ขณะที่ลูกสาวอีกคนหนึ่งของเขาก็กลายเป็นคนเพี้ยน ไม่สมประกอบ เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวนี้ชอบรับประทานอาหารสดๆ กินปูก็จะเอามีดทิ่มลงไปที่ปูแบบสดๆ
ในส่วนของมุมมองเกี่ยวกับพระเครื่อง บอสใหญ่นิตยสารคอสโม บอกว่า ส่วนตัวเป็นคนไม่ได้แขวนพระเหมือนชาวพุทธทั่วไป เพราะคิดว่าพระอยู่ที่ใจ การแขวนพระก็เพื่อให้เรามีสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่หลายคนเชื่อว่า เป็นสิ่งที่จะช่วยคุ้มครองให้ชีวิตปลอดภัย เขาแขวนพระกันแล้วเกิดความสบายใจ
จีรณี บอกด้วยว่า ระหว่างเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ชอบหนีเรียนไปอยู่ในวัดพระแก้ว ขณะเดียวกันก็ข้ามเรือจากท่าพระจันทร์ไปวัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร บางกอกใหญ่ เมื่อได้เข้าวัดไปดูจิตรกรรมต่างๆ มันมีความรู้สึกอิ่มเอิบใจอย่างมาก อาจเป็นเพราะเรามีใจรักในศิลปะอยู่แล้ว เพื่อนต่างชาติมาก็จะพาไปชมวัดพระแก้ว ตรงนี้เราถือว่าเป็นสิ่งที่คนไทยน่าภาคภูมิใจ และในส่วนของการเรียนที่ศิลปากร นักศึกษาทุกคนจะเคารพบูชาพระพิฆเนศ
เมื่อถามถึงเรื่องกาทำบุญ จีรณี บอกว่า ส่วนใหญ่แล้วจะไปทำบุญกับเพื่อนที่อยู่จ.นครพนม โดยทำบุญบริจาคสิ่งของต่างๆ ให้กับเด็กๆ ตามสถานที่ห่างไกลความเจริญ เช่น วันเด็กของทุกปีก็จะรวบรวมเงินจากเพื่อนในกรุงเทพฯนำเงินไปช่วยเหลือ พร้อมกับทำอาหารไปเลี้ยงให้กับเด็กๆ ตามโรงเรียนที่ไกล บางโรงเรียนมีตำรวจชายแดน ๔ นาย สอนหนังสือให้กับเด็กนักเรียนภายในเพิงอยู่กับดิน การทำบุญแบบนี้มันเห็นเป็นรูปธรรมธรรมมากกว่าที่จะเข้าวัดทำบุญ
แม้ว่าจีรณีจะเป็นคนเชื่อในเรื่องบาปบุญ แต่เธอไม่เชื่อว่าทำบุญมากๆตายแล้วจะได้ไปขึ้นสวรรค์ ไม่ทำบุญต้องตกนรก มาวันนี้มีความรู้สึกว่าบุญอยู่ที่ใจ ทุกครั้งที่ได้ทำบุญกับเด็ก เห็นเขาสนุกเราอิ่มเอิบใจ มีรอยยิ้มเท่านั้นเราก็เป็นสุขแล้ว สาเหตุที่ไม่นิยมเข้าวัดทำบุญ เพราะได้ไปเจอเรื่องราวไม่ดีในวัดแห่งหนึ่งที่มีการเลี้ยงเด็กกำพร้า
"วันนั้นทุกคนที่ไปทำบุญด้วย กลับมาคิดว่า ทำแล้วเหมือนไม่ได้บุญเลย หลายคนที่ไปก็มีความรู้สึกที่ไม่ดี เพราะไปทำบุญครั้งนั้นมีการตักข้าวให้กับเด็กๆ อาจเป็นไปได้ว่า มีคนไปทำบุญกันมาก เด็กบางคนจึงเอาข้าวไปโยนทิ้งริมรั้ว ส่วนของเล่นที่จะให้กับเด็กก็ให้เอาไปกองไว้เต็มห้อง ดูแล้วเหมือนเป็นการจัดฉากว่าเด็กๆ ต้องมารับของบริจาคกัน ทั้งๆที่พวกเขามีกันมากแล้ว จึงมีความรู้สึกไม่ดีกับวัดต่างๆที่ทำในลักษณะแบบนี้" จีรณีกล่าวทิ้งท้าย