สร้างธุรกิจด้วยหลัก อิทธิบาท ๔ ประวิทย์ จิตนราพงศ์ เจ้าของแบล็คแคนยอน

สร้างธุรกิจด้วยหลัก อิทธิบาท ๔ ประวิทย์ จิตนราพงศ์ เจ้าของแบล็คแคนยอน

 

 

 

 

 

 


เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง   ภาพ :  กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร

 

สร้างธุรกิจด้วยหลัก อิทธิบาท ๔ ประวิทย์ จิตนราพงศ์ เจ้าของแบล็คแคนยอน

 

ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของธุรกิจกาแฟ ภายใต้เครื่องหมายการค้า แบล็คแคนยอน ซึ่งมีสาขากว่า ๖๐ แห่งทั่วประเทศ และต่างประเทศอีก ๓ แห่ง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่าธุรกิจนี้สร้างด้วยเงินทุนมหาศาล บริหารธุรกิจด้วยศาสตร์ของภูมิปัญญาตะวันตก

 

แต่ความจริงแล้ว ความสำเร็จของแบล็คแคนยอน ใช้หลักธรรมะในหัวข้อ อิทธิบาท ๔ ประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ซึ่งหมายความว่า พอใจทำ แข็งใจทำ ตั้งใจทำ เข้าใจทำ

 

นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า หลักการบริหารอันหนึ่งเป็นสิ่งที่นักธุรกิจพึงกระทำคือ ต้องมีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจ และความมุ่งมั่นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ มีความพากเพียร อุตสาหะ สิ่งหนึ่งที่ต้องการให้คนทำธุรกิจรู้จัก การเริ่มต้นทำธุรกิจ ควรจะทำจากจุดเล็กๆ เพื่อขยายใหญ่ขึ้น อย่าเรียนทางลัดโดยการไปทำใหญ่ๆ เพราะคนที่จะทำธุรกิจใหญ่ๆ ในช่วงต้นๆ ต้องเป็นผู้ที่มีความพร้อมในเรื่องเงินทุน จิตใจก็พร้อมที่สามารถจุนเจือให้กับสังคมได้

 

นอกจากนี้แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจ คือ พนักงาน ด้วยเหตุนี้เองจึงได้ส่งพนักงานไปฝึกหลักการรู้ใจเขาและ ใจเราจากกลุ่มเพื่อน นพลักษณ์ที่เชื่อมโยงด้วยหลักธรรม ที่ก่อกำเนิดมาจากบุคคล ผู้เห็นประโยชน์ของ การทำความเข้าใจตนเอง และการพัฒนาชีวิตด้านในจิตใจ ธรรมะของศาสดา สอนให้คนอยู่ร่วมกันให้มีความสุข หลายคนที่ผ่านจุดนี้ไปแล้ว ก็จะส่งพนักงานให้ไปประจำอยู่ในสาขาต่างประเทศ มีพนักงานที่ไปทำในสาขาต่างประเทศหลายคน เก็บเงินสร้างบ้านได้ ทำให้ครอบครัวและชีวิตมีความมั่นคง

 

สำหรับการเข้าถึงธรรมะนั้น เกิดจากการปลูกฝังให้เข้าวัดทำบุญจนติดเป็นนิสัย ทุกครั้งที่เดินทางกลับบ้านเกิดสิ่งหนึ่ง ที่จะต้องไปเป็นประจำคือ จะไปทำบุญช่วยเหลือเด็กๆ ที่ยากจน ที่วัดศรีโสดา ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ประกอบกับที่วัดนี้จะช่วยเผื่อแผ่คำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้าให้กับกลุ่มชาวเขาที่เข้ามาบวชเป็นพระสงฆ์ หรือบรรพชาเป็นสามเณรได้นำธรรมะเหล่านี้ไป ล่อหลอมจิตใจให้เข้าใจถึงผลร้ายจากปัญหายาเสพติด หรืออบายมุขต่างๆ

 

จากการได้เขาวัดฟังธรรมบ่อยๆ ประวิทย์ ได้อธิบายเรื่องกรรมดีกรรมชั่วให้ฟังว่า การทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วเป็นเรื่องปกติ ที่คนเราเมื่อเกิดขึ้นมาอยู่ประเทศของพระพุทธศาสนา ก็จะต้องถูกสอนในเรื่องของหลักธรรมที่ดีอยู่แล้ว ถึงแม้การทำชั่วลงไปใน บางครั้งคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ความเชื่อส่วนตัวคิดว่าลึกๆ แล้ว คนที่ทำชั่วก็จะต้องมีความรู้สึกว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่จะเผาผลาญจิตใจ คล้ายๆ กับมีนรกสุมไฟอยู่ในใจ ตรงนี้ก็จะเข้าหลักของกฎแห่งกรรมที่ส่งผลทำให้ชีวิตไม่มีความสุข

 

"ผมไม่กลัวตาย" นี่คือคำยืนยันจากปากเจ้าของธุรกิจกาแฟแบล็คแคนยอน โดยเขาอธิบายว่า สิ่งหล่านี้เป็นเรื่องของวัฏจักรชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ ถึงเวลาคนเราต้องตายก็หลีกหนีกันไม่พ้น ดังนั้น จิตสำนึกได้เตือนตัวเองถึงความตายตลอดเวลา โดยได้วางแผนชีวิตเอาไว้เรียบร้อยแล้วจะไม่ยึดติด อยู่กับทรัพย์สินเงินทอง จึงไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะเรื่องของการเวียนไหว้ตายเกิดที่เป็นเรื่องธรรมดา

 

สำหรับความเชื่อในเรื่องของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์นั้น ประวิทย์ บอกว่า โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ค่อยเชื่อมากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับไปลบหลู่ เนื่องจากมีบางสิ่งบางอย่างที่ประสบมากับตัวเอง แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ส่วนตัวเองก็เคยเจอเรื่องราวแบบนี้มาก็หลายครั้ง เช่น บางครั้งมีความรู้สึกว่าอาจมีญาณวิเศษที่ยากจะอธิบายให้คนที่อ่านเข้าใจได้ เพราะถ้าคนไหนไม่เคยมีประสบการณ์ตรงนี้ก็ยากที่จะทำความเข้าใจ

 

เหตุการณ์ครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่าง เดินทางไปทำงานที่ประเทศจีน เมื่อนั่งเครื่องบินออกจากประเทศไทยไปถึงสนามบินที่จีน ปรากฏว่า ตอนเตรียมเครื่องลงสู่ภาคพื้นดินได้เกิดเหตุการณ์น่าหวาดเสียว เพราะลำเครื่องได้พุ่งออกนอกรันเวย์ เวลานั้นมีความรู้สึกในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา เมื่อมีสติว่าตัวเองนั่งอยู่ พยายามคิดว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ความรู้สึกที่มีสติก็ไม่ได้ทำให้ตกใจอะไรไปด้วย

 

"จังหวะนั้นเองก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงประสาน เสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งลำเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินได้หยุดสนิท ทุกคนต่างสไลด์ตัวเองออกจากตัวเครื่องบินในทันที เพราะทุกคนกลัวว่าเครื่องบินอาจจะระเบิดขึ้นมาได้ตลอดเวลา บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นไม่ได้กลัวอะไรเลย ความตายก็ไม่กลัว แต่ความรู้สึกที่มีสติก็ไม่ได้รีบร้อนเหมือนกับหลายๆ คนที่ต้องรีบร้อนออกจากเครื่อง และอาจเป็นไปได้ว่าคนเรามีสติจะทำอะไรตัวเราเองก็รู้นั่นเอง" เขาเล่าด้วยน้ำเสียงเร้าใจเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้น

 

ส่วนอีกครั้งได้เดินทางด้วยเครื่องบินสายการบินไทย ออกจากสนามบินดอนเมืองไปยังจุดหมายปลายทางที่ยุโรป ระหว่างเดินทางไปประมาณ ๑ ชั่วโมง กัปตันประจำเครื่องก็ประกาศผ่านไมโครโฟน ประมาณว่าเครื่องบินลำนี้เกิดขัดข้องอะไรบางอย่าง มีความจำเป็นที่จะต้องนำเครื่องบินกลับไปยังสนามบินดอนเมือง มารู้สาเหตุว่าการนำเครื่องบินกลับมา ทางนักบินตรวจพบว่าถังเชื้อเพลิงรั่วหากบินต่อไปจะเกิดอันตรายแน่นอน พอฟังแล้วก็รู้สึกเฉยๆ ไม่มีความรู้สึกกลัวใดๆ

 

เมื่อถามว่ามีพระอะไรดีถึงแคล้วคลาดมาตลอด เจ้าของแบล็คแคนยอน ตอบสั้นๆ ว่า "ผมแขวนเหรียญ ๒๕ พุทธศตวรรษ เป็นพระที่แขวนติดตัวเพียงเหรียญเดียว และแขวนเพื่อเป็นการย้ำเตือนตัวเองว่าทำอะไรแล้วต้องทำอย่างมีสติ"