อารีย์ วิรัฐถาวร : ปวีณา ทองสุก บนอะไร...ที่ไหน...อย่างไร...ถึงได้เหรียญโอลิมปิก

อารีย์ วิรัฐถาวร : ปวีณา ทองสุก บนอะไร...ที่ไหน...อย่างไร...ถึงได้เหรียญโอลิมปิก

 

 

 

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง   ภาพ :  พีระรัตน์ ธรรมจง

 

อารีย์ วิรัฐถาวร : ปวีณา ทองสุก บนอะไร...ที่ไหน...อย่างไร...ถึงได้เหรียญโอลิมปิก

 

กีฬายกน้ำหนักหญิงเป็นกีฬา ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่ใน โอลิมปิกเกมส์ ณ ประเทศกรีซ จากความสำเร็จ ๒ เหรียญทอง ของ ปวีณา ทองสุก และ อุดมพร พลศักดิ์ และ ๒ เหรียญทองแดง ของ อารีย์ วิรัฐถาวร และ วันดี คำเอี่ยม

 

ความสำเร็จครั้งนี้ นอกจากการฝึกฝน อย่างต่อเนื่องและกำลังใจ จากชาวไทยที่ส่งไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่อยู่เบื่องหลัง ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ คือ การบนบานศาลกล่าว

"ก่อนเดินทางไปแข่งขันที่กรีซ ได้มีแม่ชีจาก สถานปฏิบัติธรรมสวนธรรมศิลป์ ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ดูดวงให้กับนักกีฬายกน้ำหนักทั้ง 4 คน ว่า ปวีณา กับ อุดมพร ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะดวงเขาได้เหรียญแน่ๆ ส่วนอารีย์กับวันดี ยังน่าเป็นห่วงเพราะ ดวงจะไม่ได้เหรียญ ถ้าอย่างนั้นให้บน บวชชีพราหมณ์ ๓ วัน" นี่เป็นคำยืนยันจากปากของ เจ๊บุษ-บุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคม ยกน้ำหนักสมัครเล่น แห่งประเทศไทย ซึ่งได้พาเหล่าบรรดาลูกทีมไปหาหมอดู ท่านหนึ่งก่อนเดินทางไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

 

อารีย์ บอกว่า ก่อนเดินทางไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ก็ได้ไปบนไว้ที่สถานปฏิบัติธรรมสวนธรรมศิลป์ แม่ชีก็ยังทักว่าในใจต้องการปฏิบัติธรรมใช่ไหม ท่านก็เลยให้ปฏิญาณตนว่าหากได้เหรียญใดเหรียญหนึ่งจะต้องมาปฏิบัติธรรม โดยแม่ชีได้ให้องค์เจ้าแม่กวนอิมมาแขวนติดตัว แต่ก็จะบูชาเอาไว้บนหัวนอน ก่อนนอนก็จะเห็นทุกวันเป็นการย้ำเตือนตัวเองว่าต้องแข่งขันให้ได้ชัยชนะกลับบ้าน ยิ่งก่อนการแข่งขันเป็นเดือนก็จะสวดมนต์ นั่งสมาธินานเป็นชั่วโมง บางครั้งนอนดึกก็เพราะนั่งสมาธิ

 

เกี่ยวกับการไหว้พระทำบุญ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำทำแล้ว ไม่สร้างความทุกข์ให้กับตัวเอง แต่เป็นการสร้างความสบายใจ ได้เป็นอย่างดี เงินทองที่หมดไปกับการทำบุญถามว่าเสียดายไหม ขอบอกเลยว่า เงินทองที่เราได้มาหลักธรรมก็สอนเอาไว้ว่าเราต้องรู้จักการแบ่งปัน เหมือนวันนี้เรามีโชคแล้วเราไม่รู้จักให้ พอวันหนึ่งเรามีเคราะห์ก็ไม่รู้จะใช้อะไรมาทดแทน การทำบุญก็เป็นการสร้างกุศลให้กับตัวเองในอนาคต ในภพชาติต่อไป

 

หลังจากได้ชัยชนะ ด้วยการคว้าเหรียญทองแดงกลับมา ก็มีความรู้สึกนึกถึงเรื่องราวของ การบนเอาไว้ทันทีว่า ปาฏิหาริย์มันมีจริงเป็นแน่ โดยส่วนตัวก่อนหน้านี้ ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว แม้ไม่เห็นตัวตนก็เชื่อว่าสิ่งเร้นลับเหล่านี้มีอยู่จริง แต่ความเชื่อที่ว่านี้ก็ไม่เคยสร้าง ความงมงายให้กับตัวเอง เพราะความเชื่อตรงนี้เป็นการเชื่ออย่างมีเหตุมีผล ไม่งมงาย

 

"ใครจะว่าเราบ้าไสยศาสตร์ก็ตาม แต่ตนเองเชื่อว่ามีจริง" นักยกน้ำหญิงคนนี้ก็ยืนยัน ความเชื่อว่าปาฏิหาริย์ในโลกนี้มีจริง เนื่องจาก ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมีเรื่องแปลกๆ ให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ระหว่างการแข่งขันคู่ต่อสู้ที่ยกน้ำหนักสูสีกันหลายคน ยิ่งดูความสามารถแต่ละคนแล้วเชื่อว่า เขายกชนะเราอย่างแน่นอน เป็นการสร้าง ความลำบากใจให้กับตัวเราไม่น้อย แต่แล้วเป็นเรื่องแปลกอย่างมากเมื่อพวกเขากลับยกน้ำหนักในแต่ละครั้งผ่านไป พวกเขากลับแพ้เราเกือบทั้งหมด แบบนี้ใครไม่เชื่อก็คงไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

 

หลังจากเดินทางกลับถึงประเทศไทยได้หลายเดือนแล้ว ภารกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโชว์ตัว ขอบคุณสื่อมวลชนก็หมดลง มีเวลาว่าง จากการฝึกซ้อมในช่วงนี้ก็ได้ไป ปฏิบัติธรรมกับเพื่อนๆ ตามที่ได้บนเอาไว้ เมื่อได้แก้บนด้วยการบวชชีพราหมณ์แล้วก็มีความรู้สึกว่าจิตใจมันสบายอย่างบอกไม่ถูก คิดว่าเป็นการปลงชีวิตได้อย่างบางส่วนแม้จะตัดหรือปลงไม่ได้ทั้งหมด เพราะยังมีความอยากในหลายๆ เรื่อง แต่ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงให้เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ จิตใจมันเย็นลง จากที่เป็นคนขี้หงุดหงิดมากก็หายไป

 

ในขณะที่ ปวีณา กล่าวเสริมว่า ก่อนเดินทางไป แข่งขันยกน้ำหนักในครั้งนี้ไม่ได้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ เชื่อว่าการคว้าเหรียญทองกลับ มาน่าจะมาจากความเชื่อมั่นและ ความมั่นใจของตัวเองที่มุ่งมั่นมากกว่าอย่างอื่น สิ่งสำคัญบางอย่างที่ทำให้ได้รับชัยชนะ ก็น่าจะมาจากกำลังใจจากพ่อแม่ โค้ช และผู้ดูแลการฝึกซ้อมมา ตลอดอีก ๒ คน คือ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ส.ว.เชียงใหม่ และ บุษบา ยอดบางเตย

 

หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันก็ได้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมเพียง ๓ วัน กับเพื่อนๆ ได้รู้จักการนั่งสมาธิ เดินจงกรม เมื่อได้ทำผ่านไปแล้วก็มีความรู้สึกว่า สภาพจิตใจตัวเองมีสมาธิมากกว่าเดิม ทำอะไรก็รู้สึกว่าจิตมันนิ่งขึ้นเช่นกัน จากคนที่ใจร้อนก็รู้สึกว่าเย็นลงมากทีเดียว ส่งผลให้การดำเนินชีวิตประจำวัน เป็นขั้นเป็นตอนหรือเป็นระบบมากขึ้น แม้แต่จะอยู่ในสังคมคนหมู่มากตัวเราเองควรจะทำอย่างไร

 

แม้เป็นคนไม่แขวนพระเครื่อง เนื่องจากกลัวว่าแขวนแล้วไป อยู่ในสถานที่ไม่เหมาะสมก็เกรงว่าจะเป็นบาป ดังนั้นจึงจะเก็บพระบูชาไว้ที่ห้องนอน แต่ถ้าวันใด เดินทางไปไหนไกลๆ ไม่ลำบากอะไรมากนัก ก็จะแขวนพระบ้าง ในบางครั้ง ส่วนเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ที่ได้มานั้น ก็ไม่ได้มีการบนบานเหมือนกับเพื่อนๆ ระหว่างการแข่งขันก็ให้กำลังใจกับตัวเองตลอดมาว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และถ้าใครไม่ได้แขวนพระ แต่ปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรมเพียงเท่าน ี้ก็ทำให้เราเกิดปาฏิหาริย์อย่างใดอย่างหนึ่งได้