SCGD เผยแผนธุรกิจระยะยาว ลุยตลาดอาเซียนเติบโตสูง มั่นใจรายได้ตามเป้า โต 2 เท่าในปี 2030
SCGD เผยแผนธุรกิจระยะยาว ลุยตลาดอาเซียนเติบโตสูง มั่นใจรายได้ตามเป้า โต 2 เท่าในปี 2030
งบฯ ลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท ขยายโรงงานกระเบื้อง สุขภัณฑ์ เพิ่มช่องทางจำหน่าย
พร้อมลดต้นทุน ใช้ออโตเมชั่น พลังงานสะอาด
(กรุงเทพฯ : 8 ตุลาคม 2567) SCGD เผยแผนรุกธุรกิจระยะยาว เสริมแกร่งยิ่งขึ้น รายได้โต 2 เท่าตามเป้าในปี 2030 ใช้ข้อได้เปรียบด้านวิจัย พัฒนานวัตกรรมสินค้าคุณภาพเยี่ยม ผลิตต้นทุนต่ำ ช่องทางจำหน่ายหลากหลายใน 4 ประเทศหลัก ไทย-เวียดนาม-ฟิลิปปินส์-อินโดฯ ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ใน ประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ตั้งงบฯ ลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาทรวม Merger and Partnership เร่งเครื่องเพิ่มโรงงานกระเบื้อง สุขภัณฑ์ในเวียดนาม รองรับตลาดภูมิภาคดีมานด์พุ่ง พัฒนา และออกสินค้าใหม่ตามเทรนด์ตลาด เสิร์ฟนวัตกรรมสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง (Complementary) มาแรง โดนใจลูกค้า อาทิ ปูนกาวยาแนว ท็อปเคาน์เตอร์ครัว บานประตูหน้าต่าง พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์กรีน รักษ์โลกและลดต้นทุน ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพร้อยละ 46 พลังงานแสงอาทิตย์ร้อยละ 15 ในปี 2030 ตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ปี 2050
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) กล่าวว่า “ในระยะยาว เศรษฐกิจอาเซียนมีแนวโน้มเติบโตสูง คาดการณ์ว่า ธุรกิจวัสดุปิดผิว ธุรกิจสุขภัณฑ์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่องโดยรวม โตกว่า 4 % จากคาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP อัตราการเติบโตของประชากร หรือแม้กระทั่งการขยายตัวของเมืองในแต่ละประเทศ ที่จะมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างมากขึ้น SCGD ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนจึงเร่งปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้โตต่อเนื่อง เน้นใช้จุดแข็งที่มีฐานการผลิตใน 4 ประเทศหลัก ได้แก่ ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางด้านวิจัย พัฒนานวัตกรรม นำร่องสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง(High Value Added Product) มีดีไซน์สวยงาม คุ้มค่าการใช้งาน อย่างวัสดุปูพื้น SPC LT by COTTO ลายไม้ธรรมชาติ ส่วน ประเทศเวียดนาม เป็นฐานการผลิตสำคัญลำดับถัดไป (Strategic Production Hubs) ของอาเซียน เนื่องจากมีความได้เปรียบเรื่องต้นทุน สามารถแข่งขันราคากับสินค้าจากประเทศจีน รองรับการส่งออกในอนาคต ในขณะที่ ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศอินโดนีเซีย เป็นตลาดที่มีประชากรสูง พร้อมรับการกระจายสินค้าผ่านการขยายช่องทางการจำหน่าย โดยในแต่ละประเทศมีแบรนด์ชั้นนำ ลูกค้าให้การยอมรับ ได้แก่ แบรนด์ COTTO SOSUCO CAMPANA ในไทย แบรนด์ PRIME และ PREMIER ในเวียดนาม แบรนด์ MARIWASA ในฟิลิปปินส์ แบรนด์ KIA ในอินโดนีเซีย
SCGD จัดทัพธุรกิจเพื่อความแข็งแกร่งตลอดมา มั่นใจใน แผนธุรกิจเชิงรุกที่เน้นโตตอบเทรนด์โลก ผลักดันราคาขาย ผ่านการเป็นผู้นำเทรนด์ เสริฟสินค้านวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง ที่คุ้มค่าตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ เช่น “Smart Flexible by COTTO หรือ LT by COTTO” นวัตกรรมวัสดุปูพื้น SPC ที่ติดตั้งง่าย ใช้งานสะดวก ป้องกันปลวก ป้องกันน้ำ 100% ลวดลายสวยงาม สัมผัสเสมือนธรรมชาติ ขณะเดียวกันยังพัฒนากระบวนการผลิตให้ลดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีกระบวนการเผาทำให้ไม่มีการปล่อย CO2 เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเปิดไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่ที่ประเทศเวียดนามและไทย เนื่องจากตลาดมีการเติบโตสูง ปลายปี 2024 มีกำลังการผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนกว่า 14 ล้านตารางเมตร อีกทั้งโครงการลดต้นทุนที่ยังทำอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้พลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อต้นทุนการผลิตที่ลดลง
ส่วนแผนระยะยาว (ปี 2025-2030) เน้นโตอย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน และลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่าตามเป้าที่ตั้งไว้ภายในปี 2030 เตรียมงบประมาณเพื่อโครงการลงทุน (Merger and Partnership) กว่า 7,000 ล้านบาท สำหรับโรงงานผลิตกระเบื้อง สุขภัณฑ์ในประเทศเวียดนาม และขยายสินค้าที่เกี่ยวข้อง (Complementary) ขณะเดียวกันได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุน (CAPEX) กว่า 13,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด พัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับความต้องการของตลาด เช่น การตั้งโรงงานผลิตกระเบื้องทางภาคใต้ของประเทศเวียดนาม เพิ่มสมรรถนะโรงงานกระเบื้องแต่เดิม และเพิ่มสัดส่วนการผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่จากร้อยละ 20 ในปี 2024 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดเป็นร้อยละ 50 ภายในปี 2030 ติดตั้ง Hot Air Generator การใช้ชีวมวล หรือ Biomass เพื่อมาผลิตลมร้อน แทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการผลิต และการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อทดแทนการใช้ไฟฟ้าในการผลิตเพิ่มเติม เพื่อเสริมความสามารถการแข่งขันให้โดดเด่นขึ้น อีกทั้งแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องทั่วอาเซียน ทั้งช่องทางการจำหน่ายของบริษัทฯ หรือ Manufacturing Outlet และการเพิ่มร้านค้าพันธมิตร ปัจจุบัน SCGD มีร้านค้าตัวแทนจำหน่าย (Dealer) กว่า 800 ราย ร้านค้าช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัท เช่น COTTO LiFE คลังเซรามิคในประเทศไทย และร้านในต่างประเทศ ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และร้านค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร (Modern Trade) เช่น ร้าน HomePro, ไทวัสดุ, Dohome, SCG HOME บุญถาวร, Global House ในประเทศไทย ร้าน Wilcon Depot, All home ในฟิลิปปินส์ และร้าน Mitra10, Depo Bangunan ในอินโดนีเซีย มั่นใจสามารถรักษาความเป็นผู้นำแบรนด์สินค้าสุขภัณฑ์และวัสดุปิดผิว และครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง รวมทั้งเป็น 1 ใน 3 ผู้นำตลาดกลุ่มสุขภัณฑ์ และสินค้าเกี่ยวเนื่อง (Complementary) ของอาเซียน
“บริษัทฯ มุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำในสินค้าวัสดุตกแต่งพื้นผิว โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา นักออกแบบมืออาชีพ และนักการตลาดชั้นนำร่วมกันระดมสมองพัฒนานวัตกรรมสินค้า โซลูชัน ตอบเทรนด์โลกเพื่อรุกตลาดใหม่ ๆ อยู่เสมอ ขณะเดียวกันยังเตรียมกลยุทธ์ตั้งรับสินค้านำเข้าด้วยการใช้ความได้เปรียบด้านต้นทุนของฐานการผลิตที่ประเทศเวียดนาม รวมทั้งคัดสรรสินค้านำเข้าคุณภาพดีจากทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์” นายนำพลกล่าว
SCGD Announces Long-Term Strategy in High Growth ASEAN Markets and
Aims to Double Revenue by 2030 with Over 20 Billion Baht Investment in Tile and Bathroom Factories, Distribution Channel Expansion, and Cost Reduction through Automation and Clean Energy
(Bangkok : 8 October 2024) SCGD has revealed its long-term business expansion plan, aiming to strengthen its position and double its revenue by 2030. SCGD will leverage its advantages in research and development to innovate high-quality products with low production costs, with diverse distribution channels across four key countries: Thailand, Vietnam, the Philippines, and Indonesia. SCGD aims to secure the number one market share in Thailand, Vietnam, and the Philippines. With an investment budget of over 20 billion baht, including mergers and partnerships, SCGD is accelerating to expand tile and to add bathroom production plants in Vietnam to meet growing regional demand while developing and launching new products in line with market trends. Additionally, SCGD will offer innovative complementary products that appeal to customers, such as adhesive and grout, kitchen countertops, and window and door panels. In addition, SCGD will drive its green strategy, focusing on eco-friendly practices and cost reduction. By 2030, SCGD aims to use 46% biomass and 15% solar energy and sets an ambitious target of achieving net-zero greenhouse gas emissions by 2050.
Numpol Malichai, Chief Executive Officer and President of SCG Decor Public Company Limited, or SCGD, said, “In the long term, the ASEAN economy is expected to experience significant growth. It is forecasted that the decorative surface, bathroom, and related businesses will grow by more than 4%, driven by GDP growth rates, population increases, and urban expansion in each country, all of which will lead to greater demand for building materials. As the leading company in decorative surface and bathroom businesses in ASEAN, SCGD is accelerating its business strategy to ensure continuous growth. We are leveraging our strengths, with production bases in four key countries. Thailand serves as the central hub for research and development of innovations, leading the way with High-Value Added Products that offer both aesthetic design and functionality, such as SPC LT by COTTO flooring with natural wood patterns. Vietnam, as the next strategic production hub in ASEAN, benefits from cost advantages that allow it to remain competitive with Chinese products and support future exports. Meanwhile, the Philippines and Indonesia, both with large populations, are key markets ready to accommodate product distribution through expanding sales channels. Each country has well-established brands that are widely recognized by customers, including COTTO, SOSUCO, and CAMPANA in Thailand; PRIME and PREMIER in Vietnam; MARIWASA in the Philippines; and KIA in Indonesia."
SCGD has continuously strengthened its business operations and remains confident in its proactive business plan, which focuses on aligning with global trends. The company is driving sales by being a trend setter and offering high-value-added products that meet the needs of customers across lifestyles. Examples include "Smart Flexible by COTTO" or "LT by COTTO," innovative SPC flooring materials that are easy to install, convenient to use, termite-resistant, 100% waterproof, and feature natural-like designs and textures. At the same time, SCGD is advancing its production processes to reduce costs and promote environmental friendliness by eliminating burning process to ensures zero CO2 emissions into the atmosphere. To enhance competitiveness, SCGD has opened production lines for large-sized glazed porcelain tiles in Vietnam and Thailand to meet the growing market demand, having a total capacity of 14 million square meters by the end of this year. Additionally, SCGD continues to implement cost-reduction initiatives through the use of biomass and solar power to lower production costs.
In the long-term (2025-2030), SCGD focuses on achieving vigorous, sustainable growth and investing to double size the revenue by 2030. A budget of over 7 billion baht has been allocated for investment in mergers and partnerships, specifically targeting tile and bathroom production plants in Vietnam, while also expanding complementary product offerings. In addition, SCGD has set a capital expenditure (CAPEX) budget of over 13 billion baht to increase its market share and enhance production efficiency to meet market demands. This includes setting up new tile production plants in south of Vietnam, enhancing efficiency of tile factories, and increasing the production ratio of large-sized glazed porcelain tiles from 20% of total production in 2024 to 50% by 2030. To further boost its competitiveness, SCGD plans to install Hot Air Generators using biomass instead of fossil fuels in the production process, along with solar panel installations to reduce electricity consumption. The company is also continuing to expand its distribution channels across ASEAN, including its own channel and partner stores. Currently, SCGD has over 800 dealer stores and various manufacturing outlets such as COTTO LiFE, Klang Ceramic in Thailand and others in ASEAN, as well as modern retail channels and home improvement stores like HomePro, Thai Watsadu, Dohome, SCG HOME Boonthavorn, and Global House in Thailand, Wilcon Depot and All Home in the Philippines, and Mitra10 and Depo Bangunan in Indonesia. SCGD is confident that it will maintain its leadership in bathroom and decorative surface business, securing number one market share while also remaining one of the top three leaders in ASEAN for bathroom and complementary products.
"The company is committed to maintaining its leadership in decorative surface products by bringing together research and development experts, professional designers, and top marketers to collaboratively develop innovative products and solutions that align with global trends and continuously penetrate new markets. At the same time, we are preparing strategies to counter imported products by leveraging the cost advantage of our production base in Vietnam, while also sourcing high-quality imported goods from around the world to meet the diverse lifestyle needs of our customers," said Numpol.