จากอาชีพ “ขายน้ำ” สู่ “ธุรกิจพันล้าน” "เสี่ยไฮเทค"นิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร สูตรความสำเร็จ "ต้องมีความขยัน ซื่อสัตย์"
CHANGE to Dream เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม
จากอาชีพ “ขายน้ำ” สู่ “ธุรกิจพันล้าน”
"เสี่ยไฮเทค"นิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร
สูตรความสำเร็จ "ต้องมีความขยัน ซื่อสัตย์"
ชีวิตนักสู้ของ "เสี่ยไฮเทค"นิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร จากอาชีพ “ขายน้ำ” สู่ “ธุรกิจพันล้าน” แล้วเดินตามฝันก้าวสู่การประธานสโมสรบาสเกตบอลไฮเทค พร้อมเผยสูตรความสำเร็จในชีวิต "ต้องมีความขยัน ซื่อสัตย์"
"คนอื่นทำงาน 8 ชั่วโมง แต่ผมทำงาน 18 ชั่วโมงทุกวัน เพราะผมถือว่าจบแค่ ปวช. ชีวิตเราจะก้าวให้ทันก้าวให้ไว เราต้องเพิ่มเวลาในการใช้เวลาทำงานให้มากขึ้น ตรงนี้เราจะได้วิชามากกว่าเพื่อนเป็นเท่าตัว" นี่เป็นแนวทางชีวิตสู่บันไดความสำเร็จธุรกิจเสื้อผ้าส่งออกของ นิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร กรรมการบริหารบริษัท ไฮ-เทค แอพพาเรล จำกัด นายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย และประธานสโมสรบาสเกตบอลไฮเทค หรือที่รู้จักกันในนาม "เสี่ยไฮเทค"
##จากเด็กขายน้ำ...สู่ธุรกิจส่งออก
จากชีวิตครอบครัวที่พี่น้อง 7 คน ซึ่งคุณนิพนธ์ก็เป็นลูกชายคนที่ 6 พ่อและแม่มาจากเมืองจีน เรียกว่ากว่า 70 ปีแล้วที่คุณพ่อได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองไทยในย่านชุมชนยศเส กรุงเทพฯ ประกอบอาชีพขายส่งน้ำแข็ง แต่ครอบครัวไม่ลืมที่จะอบรมปลูกฝังและส่งเสริมให้เขาได้เล่าเรียน และให้เล่นกีฬา
ระหว่างเรียนมัธยมวันศุกร์ เสาร์ คุณนิพนธ์จะไปขายก๋วยเตี๋ยวที่สนามม้านางเลิ้งได้วันละ 10 บาท ถ้าเปรียบเทียบค่าเงินในสมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละ 2-3 บาท จันทร์ พุธ พฤหัส ไปเป็นเด็กขายน้ำที่สนามมวยราชดำเนิน ได้ส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์จากยอดขาย เพราะ 1 คืนสามารถขายน้ำได้สองพันกว่าบาท ด้วยความสามารถตรงนี้ทำให้เจ้าของร้านให้ไปทำหน้าที่คุมเด็กขายของในสนามมวยกว่าร้อยคนกับค่าตอบแทนวันละ 70 บาท ทำให้คุณนิพนธ์ได้รู้ค่าของเงินว่ามีค่าแค่ไหน เป็นความภูมิใจที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อของตัวเอง
หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนศึกษาวัฒนาแล้ว คุณนิพนธ์ได้ไปเรียนต่อระดับ ปวช. ที่วิทยาลัยพาณิชยาการเชตุพน สาขาบัญชี เมื่อเรียนจบก็ได้เริ่มเข้ามาทำงานประจำในตำแหน่งคนส่งเอกสาร ด้วยความเป็นคนที่ไม่เกี่ยงงาน และคิดเสมอว่า “งานทุกงานย่อมให้ความรู้กับเราได้หมด” แม้ว่าตัวเองจะเรียนไม่ได้สูงอะไร แต่ก็ด้วยเป็นคนที่คอยใฝ่ศึกษาหาความรู้เสมอไม่ว่าจะเป็นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากตำรับตำราบ้าง หรือสอบถามจากเพื่อนร่วมงานที่พอจะให้คำปรึกษาและชี้แนะ ทำให้เขาได้เรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาตลอด บวกกับความขยัน ซื่อสัตย์ และรับผิดชอบ เป็นพื้นฐาน เพียงปีเพียวทำให้คุณนิพนธ์ได้เลื่อนไปทำงานด้านเอกสารการส่งออกของบริษัท ซึ่งช่วงเดียวกันมีหลายบริษัทเข้ามาเสนออยากให้เข้าไปทำงานด้วย แต่ด้วยความเป็นคนกตัญญูรู้คุณ จึงปฏิเสธและขอตอบแทนบุญคุณบริษัทแห่งนี้ก่อน
##ธุรกิจส่งออกสร้างยอดขาย 4,000 ล้านต่อปี
ย้อนกลับไป 26 ปีที่แล้ว คุณนิพนธ์ก็ได้เริ่มต้นร่วมทุนกันกับเพื่อนอีก 3 คน เปิดบริษัทไฮ-เทค จำกัดขึ้นด้วยเงินทุน 7 ล้านบาท มีคนงาน 6 คน ผลิตเสื้อผ้าส่งออก ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้สั่งสมความชำนาญในสายงานที่ทำมาตลอด ซึ่งช่วงแรกการบริหารงานก็มีปัญหาบ้าง แต่ด้วยอานิสงค์ที่ท่านเป็นคนกตัญญู เถ้าแก่คนเก่าก็ช่วยเหลือให้รอดพ้นปัญหาต่างๆ เหล่านั้นมาได้ จนถึงทุกวันนี้บริษัทไฮ-เทค มีคนงานทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 8,000 คน มียอดขายส่งออกในวันนี้ 4,000 พันล้านบาทต่อปี
“คุณพ่อสอนผมว่า เราเป็นคนจีนมาพึ่งแผ่นดินไทย คนไทยใจดี หากโตขึ้นมีโอกาสที่จะตอบแทนแผ่นดินได้ก็จะต้องทำ สิ่งที่พ่อเห็นเมืองไทยเขียวชอุ่มไปหมดเลย ฉะนั้น ถ้าคนอยู่เมืองไทยหากขยันจะไม่มีวันอดตายและมีเงินเหลือด้วย และต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณคนที่ทำคุณประโยชน์ให้กับเรา ไม่เฉพาะพ่อแม่หรือครูอาจารย์ รวมไปถึงนายจ้าง เพื่อนหรือลูกค้าของเรา และถ้าคนเราขยันไม่มีวันอดตาย อย่าไปรอโอกาส รอโชคลาภที่ไหน เราต้องขยัน ซื่อสัตย์ และรู้จักกตัญญู ถึงแม้ผมเรียนจบแค่ ปวช. ถือว่าเป็นคนมีความรู้น้อย เป็นคนมีปมด้อย แต่ผมคิดว่าคนที่มีปมด้วย แต่ถ้ารู้จักที่จะพยายามมากกว่าคนอื่นๆ เป็นเท่าตัว ก็สามารถประสบความสำเร็จได้”
##ฝันอยากเป็น “นักกีฬาทีมชาติ”
ครั้งหนึ่งคุณนิพนธ์เคยมีความฝันว่า อยากจะเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล เพราะพี่น้องก็เป็นนักกีฬา แม้คุณนิพนธ์จะเป็นนักกีฬาที่ไม่เก่งเนื่องจากไม่มีโค้ชคอยชี้แนะ ตรงนี้เองกลายเป็นปมด้อยของเด็กในวันนั้น จึงมีความคิดเกิดขึ้นในใจว่า หากมีโอกาสก็อยากจะเป็นผู้ให้และแบ่งปันให้กับสังคม ทำให้มุ่งมั่นด้วยการเก็บเงินแล้วมาสร้างสโมสรบาสเกตบอลเป็นของตัวเอง
“สมัยเด็กผมได้ดู บาสเกตบอลชิงถ้วย ก.พระราชทาน เป็นความฝังใจของเด็กเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว ในหลวง รัชกาลที่ 9 ประทานรางวัลด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ท่านเอง ผมก็คิดว่าถ้าผมโตขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่ ที่จะมีส่วนร่วมกับถ้วยใบนี้ แล้วเด็กคนนั้นที่โตมาก็คือผม ด้วยความมุ่งมั่นของผมทีมบางเกตบอลของผมเมื่อปี 2548 ก็ได้รางวัลชนะเลิศแห่งประเทศไทย แล้วได้รับถ้วยจากองคมนตรี แต่ก็เป็นถ้วยใบเดิมที่เคยผ่านพระหัตถ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาแล้ว “ นี่เป็นความภาคภูมิใจของคุณนิพนธ์ จนได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย
##สูตรความสำเร็จ "ต้องมีความขยัน ซื่อสัตย์"
“เสี่ยไฮเทค” อธิบายต่อว่า "ชีวิตกว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์ มันเป็นเรื่องที่เราไม่ได้นั่งรอโอกาส แต่เราต่างหากที่วิ่งไปหาโอกาส ไปลงทุนร่วมหุ้นทำธุรกิจกับเพื่อน ชีวิตคนเราอยากจะร่ำรวย อยากจะมีเงินมีทองมากมาย เราต้องเอาเวลาใช้เงินมาหาเงิน เช่น เวลาหกโมงเย็นคนส่วนใหญ่จะใช้เงิน แต่ตัวเองยังทำงานเกือบเที่ยงคืนทุกวัน ดังนั้น หากคนเราเอาเวลาที่จะใช้เงินไปหาเงินแล้ว มันก็จะทำให้เราจากเป็นคนที่ไม่มี จะกลายเป็นคนมีเงินเหลือเช่นเดียวกันผม
“จริงๆ การทำความดีมันเหมือนของดีที่เราต้องโฆษณา แต่ว่าเราจะไม่โฆษณาก่อนที่เราจะทำของดีออกมา มันเป็นคติประจำใจของผม ผมมีวันนี้ได้คงตอบแทนทุกคนได้ว่า เพราะผมกตัญญูต่อพ่อแม่ คนที่ไม่กตัญญูจึงไม่ใช่คน ถึงแม้ว่าบ้านเราไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน แต่ผมก็สู้ทำงานและเลี้ยงครอบครัวมาตลอด ตามความรู้สึกก็คิดว่าความดีเหล่านั้นอาจส่งผลให้มีวันนี้”
"เสี่ยไฮเทค" นิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร กล่าวทิ้งท้ายเป็นข้อคิดที่ดีด้วยว่า "ผมเข้าใจสัจธรรมว่า เมื่อเราประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว เราต้องเผื่อแผ่ ด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจเรา และต้องมีความขยัน ซื่อสัตย์ อดทน ผมปกครองลูกน้องแบบครอบครัวเดียวกัน ต้องมีระเบียบ ข้อปฏิบัติร่วมกัน เราห่วงใยกัน เรามาค้าขายขึ้น เพราะเราไม่ได้เอาเปรียบลูกน้อง และสิ่งที่ขาดไม่ได้ของการเป็นเจ้านายคือ เราต้องมีความยุติธรรมและความเป็นธรรมกับลูกน้อง"