เอ็นไอเอจับมือ เอ็ตด้า เสริมแกร่งสตาร์ทอัพ – เอสเอ็มอีด้วยนวัตกรรมธุรกรรมออนไลน์ พร้อมชี้เทรนด์การเงินดิจิทัลที่ต้องจับตา

เอ็นไอเอจับมือ เอ็ตด้า เสริมแกร่งสตาร์ทอัพ – เอสเอ็มอีด้วยนวัตกรรมธุรกรรมออนไลน์ พร้อมชี้เทรนด์การเงินดิจิทัลที่ต้องจับตา

 

 

 

เอ็นไอเอจับมือ เอ็ตด้า เสริมแกร่งสตาร์ทอัพ – เอสเอ็มอีด้วยนวัตกรรมธุรกรรมออนไลน์
พร้อมชี้เทรนด์การเงินดิจิทัลที่ต้องจับตา

 

 

กรุงเทพฯ 23 เมษายน 2562 – สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ ETDA ดำเนินความร่วมมือส่งเสริมและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมการทำธุรกรรมและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ และบุคคลทั่วไปได้รู้จักการใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีความทันสมัย และนำไปปรับใช้ในการยกระดับธุรกิจ โดยในความร่วมมือนี้จะเป็นการผสานองค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่งเสริมแพลตฟอร์ม และระบบนิเวศธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ไปสู่เป้าหมายของ e-Commerce Park พร้อมสร้างกำลังคนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่มีความรู้ความสามารถจำนวนกว่า 1.2 ล้านราย นอกจากนี้ ยังได้เผยถึงนวัตกรรมธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่จะได้เห็นมากขึ้นในอนาคต ได้แก่ Digital Commerce หรือการซื้อขายสินค้าผ่านระบบดิจิทัล การนำนวัตกรรมธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ในเชิงพื้นที่ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์กรรวมถึงการตรวจสอบความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐผ่านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์


ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันประชากรทั่วโลกมีพฤติกรรมและทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และบางประเทศรวมถึงประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมไร้เงินสด โดยเป็นผลมาจากเทคโนโลยีที่รองรับที่มุ่งให้ความสะดวกสบาย และลดขั้นตอนต่างๆ ให้มีความรวดเร็วรวมถึงความปลอดภัย ซึ่งมีตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น การเช็คยอดเงิน การชำระเงินผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ การทำธุรกรรมที่นอกเหนือจากการรับ-จ่ายเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ฯลฯ โดยพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นหรือกระจุกตัวเพียงแค่ในสังคมเมืองเท่านั้น แต่ยังกระจายไปสู่ระดับภูมิภาครวมถึงระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะในกลุ่มคนไทยรุ่นใหม่ หรือ “มิลเลนเนียล” ที่ถือเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมการใช้อีคอมเมิร์ซมากที่สุด


อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์กันว่าตลาดการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีจึงถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้กิจกรรมดังกล่าวสามารถขยายตัวและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้ การขยายแพลตฟอร์มที่มีการเติบโตขึ้นนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาตลาดการค้าในรูปแบบใหม่ของประเทศ และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงระดับโลก จากกระแสการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของทั่วโลกที่มีการใช้ระบบออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้เกิดนวัตกรรมขึ้นมา 3 ประเภท ได้แก่


•Digital Commerce หรือแพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งจะช่วยตอบสนองทั้งวิถีชีวิตคนเมือง และผู้ที่อยู่อาศัยในระดับภูมิภาคที่อยู่ห่างไกลให้สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย การทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น โดยผู้ใช้บริการยังจะได้เห็นช่องทางในการเข้าถึงสินค้าและบริการหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ที่จะเริ่มหันมาทำตัวเป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น เฟซบุ๊ค มาร์เก็ตเพลสกูเกิ้ล ช็อปปิ้ง รวมถึงธนาคารต่างๆ ที่จะผันสู่บทบาทดังกล่าวมากขึ้น


•การเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ประโยชน์ในเชิงพื้นที่ เช่น พื้นที่ในห้างสรรพสินค้า พื้นที่ในหน่วยราชการ ที่มีการย้ายบริการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และตอบโจทย์ความต้องการของพลเมืองไปใช้พื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น เช่น การให้ข้อมูลต่างๆ ผ่านระบบคิวอาร์โค้ดในร้านสะดวกซื้อ หรือหน่วยงานในภาครัฐ การขอเอกสารทางการเงินหรือที่เกี่ยวข้อง หรือแม้กระทั่งการลดขั้นตอนที่มีความยุ่งยากซับซ้อน อาทิ AI และ BOTS ที่สามารถตอบปัญหาผู้ใช้งานทดแทน Call Center ได้เป็นต้น


•การแสดงความคิดเห็นในภาคประชาสังคม หรือการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ไหลเวียนเร็วขึ้น สร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความเชื่ออย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนเป็นสังคมไร้เงินสด และการตรวจสอบความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐผ่านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์


ดร.พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า NIA ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการปรับตัวธุรกิจให้สอดรับกับสังคมยุคดิจิทัล ล่าสุดได้ร่วมกับ ETDA ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ดำเนินความร่วมมือโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมการทำธุรกรรมและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีเป้าหมายกระตุ้นให้ผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ และบุคคลทั่วไปได้รู้จักการใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีความก้าวล้ำและทันสมัย เพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้กับทั้งทักษะการทำงาน การยกระดับธุรกิจ และก้าวทันกระแส โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินที่กำลังเปลี่ยนแปลง พร้อมปรับตัวให้อยู่รอดทั้งปัจจุบันและในอนาคต


สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและสนับสนุน การศึกษา วิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการรายย่อย ขนาดเล็ก ขนาดกลาง (MSMEs) และสตาร์ทอัพ การสร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจและระบบนิเวศด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม การร่วมมือกันในการพัฒนาบุคลากรและสร้างกำลังคนให้มีความสามารถรองรับการทำอีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้ยังจะร่วมกันพัฒนาหลักสูตรด้านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การฝึกอบรม การประชุมทางวิชาการ การเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ รวมถึงสรรหาแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ที่สนใจที่จะต่อยอดธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เกิดขึ้นเพื่อช่วยให้แต่ละธุรกิจมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งกว่าเดิม


ด้านนางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ในความร่วมมือนี้ จะเป็นการผสานองค์ความรู้เทคโนโลยี และนวัตกรรม ส่งเสริม Platform และ Ecosystem ด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ไปสู่เป้าหมายของ e-Commerce Park ที่จะสร้าง Workforce และ SMEs จำนวน 1.2 ล้านราย ซึ่ง ETDA มีภารกิจหลักในการพัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านอีคอมเมิร์ซ และเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่น ให้ความรู้ ยกระดับทักษะ ให้แก่ผู้บริโภคในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนด้านดิจิทัลของบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านกฎระเบียบ มาตรฐาน และความมั่นคงปลอดภัย โดยที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA จะเป็นผู้ให้การส่งเสริม สนับสนุน พัฒนานวัตกรรมของประเทศ และให้ทุนเพื่อสนับสนุนภาคเอกชนในการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมภายใต้โครงการต่าง ๆ


“ETDA พร้อมผลักดันให้เกิด e-Commerce Park ที่เปรียบเสมือน Silicon Valley ด้าน e-Commerce ของประเทศ ซึ่งจะเป็นแหล่งบ่มเพาะของ Start up ไฟแรง และแรงงานสำคัญป้อนให้กับตลาดอีคอมเมิร์ชไทยในอนาคตผ่าน Young Talent Platform (“ยังทะเล้น” แพลตฟอร์ม) โดย ETDA ตั้งเป้าสร้าง Workforce จำนวน 1,000,000 คน และผู้ประกอบการ SMEs 200,000 ราย ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ทำให้เข้าใกล้ภาพของ e-Commerce Platform และ Ecosystem ที่ดีในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการและแหล่งเงินทุนให้มาพบกัน ทำให้ฝันอีคอมเมิร์ชไทยไปได้ไกลขึ้น” นางสุรางคณา กล่าว


สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-0175555 และ www.nia.or.th และ ส่วนงานประชาสัมพันธ์ สำนักสื่อสารองค์กร ETDA Email : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.