“กทม. เมืองพัทยาและ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ต้องไม่คืนภาษีป้ายให้ปตท.

“กทม. เมืองพัทยาและ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ต้องไม่คืนภาษีป้ายให้ปตท.

 

 

 

 

CHANGE The World รสนา โตสิตระกูล

 

“กทม. เมืองพัทยาและ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ต้องไม่คืนภาษีป้ายให้ปตท. มิฉะนั้นจะเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา154ซึ่งมีโทษหนักกว่ามาตรา157”

 

ตามที่มีหนังสือจากสำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2561 อ้างว่ามติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กยพ.)แจ้งให้กทม.ทราบว่าไม่ทบทวนมติเดิมของกยพ.ที่ให้กทม.ซึ่งรวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศยกเว้นภาษีป้ายให้กับปั๊มปตท.และกทม.ต้องคืนภาษีป้าย 43.2 ล้านบาทให้ บริษัท ปตท.ย้อนหลัง 7 ปีภาษีโดยอ้างว่ากทม. ไม่มีข้อเท็จจริงใหม่ที่จะขอให้ทบทวนคำตัดสิน หลัง กยพ.ชี้ขาดไปแล้ว เมื่อปี 2556

เดิมการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยได้รับยกเว้นภาษีป้ายตามพ.ร.บ ภาษีป้าย พ.ศ.2510 มาตรา 8(7) เนื่องจากเป็นองค์การของรัฐ แต่เมื่อการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยแปรรูปเป็นบริษัทเอกชนมหาชนแล้ว จึงมิได้เป็นองค์การของรัฐที่จะได้รับยกเว้นภาษีอีกต่อไป จึงต้องเสียภาษี ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยกรณีนี้ ในเรื่องเสร็จที่ 326/2549 ซึ่งระบุอยู่ใน เชิงอรรถ 10 ของมาตรา8 พ.ร.บ ภาษีป้าย พ.ศ.2510 ดังนี้

“เมื่อการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยได้แปลงสภาพเป็นบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) และต่อมาบริษัทฯได้จดทะเบียนการค้า Cafe’ Amazon ภายหลังที่ได้มีการแปลงสภาพแล้ว ป้ายดังกล่าว จึงมิใช่ป้ายที่เจ้าของป้ายได้รับ หรือเคยได้รับยกเว้นภาษีป้าย ดังนั้นบริษัทฯจึงต้องเสียภาษีป้าย เครื่องหมายการค้า Cafe’ Amazon (เรื่องเสร็จที่ 326/2549 )”

เรื่องนี้ข้อกฎหมายมีความชัดเจนคือมาตรา 8(7) ยกเว้นภาษีให้เฉพาะกรณีเป็นองค์การของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย บริษัทปตท.ไม่ใช่องค์การของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเหมือนในอดีต แต่เป็นบริษัทที่เกิดขึ้นโดยการจดทะเบียนต่อกระทรวงพาณิชย์ตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัดเหมือนบริษัทมหาชนทั่วไปจึงไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเหมือนในอดีตที่เป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นองค์การของรัฐ

ปัญหายุ่งๆมาเกิดในปี2553 ที่อดีตอัยการสูงสุดท่านหนึ่งที่เป็นบอร์ดในบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ได้ทำความเห็นเสนอต่อกยพ.ในฐานะเลขานุการ กยพ.ว่า

“ควรวินิจฉัยว่าบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน)ได้รับการยกเว้นการเสียภาษีป้ายตามพ.ร.บ ภาษีป้าย 2510 มาตรา8(7) และให้เทศบาลตำบลคลองตำหรุ คืนเงินภาษีป้ายจำนวน 33,176 บาทให้แก่บริษัทปตท.จำกัด
(มหาชน) “

แหล่งข่าววงในกล่าวว่าเรื่องนี้ ปตท.อ้างว่าเป็นกรณีพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐ จึงเสนอให้ คณะกรรมการชี้ขาดยุติคดีแพ่ง โดยมี อสส.ที่เป็นทั้งบอร์ดปตท.และเป็นเลขานุการ กยพ.เป็นคนพิจารณาชงเรื่องให้พิจารณาโดยเริ่มจากเอาภาษีป้ายของอบต.คลองตำหรุ ในปี2553 มาเสนอวางบรรทัดฐาน แล้วเรื่องก็ลามไปถึง กทม.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ซึ่งกระทบการจัดเก็บรายได้ท้องถิ่นทั่วราชอาณาจักร กระทรวงมหาดไทยเองก็ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยดังกล่าว

หลังจากนั้นอัยการสูงสุดคนต่อมา ได้บัญชาให้มีการประชุมสำนักงานอัยการสูงสุดในคราวที่พิจารณาร่วม 3 สำนักมีความเห็นว่า ปตท ไม่ได้รับยกเว้นภาษีป้ายเพราะเป็นบริษัทเอกชนแล้ว แต่ยังไม่ทันได้เสนอเรื่องต่อกยพ.พิจารณา อัยการสูงสุดท่านนั้นก็ถูกปลดกลางอากาศโดยหัวหน้าคสช. ทำให้มติที่ประชุม3สำนักในอสส.ที่กลับมติเดิมไม่ได้ถูกนำเสนอเข้าไปในกยพ. และคณะกยพ.ชุดปัจจุบันก็ยังคงอ้างมติเดิมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่บังคับให้กทม.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศต้องยกเว้นภาษีป้ายให้ปตท.ไม่เพียงเท่านั้น กลายเป็นต้องคืนภาษีย้อนหลังให้อีกด้วย

ต่อมาในปี 2559 คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพิจารณาเรื่องนี้ และมอบหมายสตง.แจ้ง กทม.ให้ประเมินเรียกเก็บภาษีป้ายจากบริษัท ปตท. หลังจากนั้น กทม.จึงแจ้งต่อบริษัทปตท.ซึ่งปตท.ยอมจ่ายโดยไม่อุทธรณ์ เรื่องจึงต้องถือว่ายุติแล้ว

การรื้อฟื้นคืนภาษีให้ปตท.ย่อมเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะกทม.มีอำนาจประเมินภาษีตามกฎหมาย ซึ่งเป็นอำนาจมหาชน ไม่ใช่เรื่องการยุติคดีแพ่งเรื่องสัญญา ละเมิดแต่อย่างใด

มาตรา8(7)ของพ.ร.บ.
ภาษี 2510 เป็นกฎหมายมหาชนที่บัญญัติยกเว้นภาษีให้เฉพาะองค์การของรัฐ บริษัทปตท.หรือบริษัทลูกไม่ใช่องค์การของรัฐเหมือนการปิโตรเลียมฯในอดีตจึงไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี ซึ่งเป็นข้อกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นความเห็นหรือมติของค์กรหรือของผู้ใด หากไม่เป็นไปบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ย่อมเป็นความเห็นหรือมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

หากมีการประเมินภาษีโดยกทม.แล้ว ปตท.ไม่อุทธรณ์ ปัญหาที่ว่าปตท.ได้รับยกเว้นภาษีหรือไม่นั้นย่อมยุติ แต่ถ้ามีการอุทธรณ์คัดค้านการประเมิน ผู้มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดคือผู้ว่ากทม.หากปตท.ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยชี้ขาดของผู้ว่ากทม.คู่กรณีก็มีสิทธิอุทธรณ์โดยฟ้อง กทม.เป็นจำเลยต่อศาลภาษีอากรกลาง เมื่อศาลภาษีอากรกลางมีคำพิพากษาแล้ว คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ภายใน 1เดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง เมื่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำพิพากษาแล้ว คู่ความจะฎีกาได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา หากไม่ได้รับอนุญาตก็ถือว่าคดีสิ้นสุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

เรื่องนี้จึงมิใช่หน้าที่ของ กยพ.ที่จะสั่งให้กทม.คืนภาษีป้ายแก่ปตท.แต่ประการใด

ดิฉันจึงขอเสนอว่า กทม. เมืองพัทยา และเทศบาล อบต.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศไม่ต้องคืนภาษีป้ายให้ปตท.เพราะปตท.ไม่ได้รับยกเว้นภาษีป้ายตามมาตรา8(7) โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ปตท.ได้แยกกิจการน้ำมันและการค้าปลีกเป็นบริษัท PTTOR (ซึ่งยังมีปัญหาว่าชอบด้วย พ.ร.บ ทุนรัฐวิสาหกิจหรือไม่) และในเมื่อปตท.ซึ่งเป็นบริษัทแม่ถือหุ้นในPTTOR ต่ำกว่า50% ทำให้รัฐมีหุ้นน้อยกว่า50% ดังนั้นปั๊มน้ำมันและการค้าปลีกของปตท.จึงเป็นบริษัทเอกชน100% ไม่ใช่องค์การของรัฐ ที่จะได้รับการยกเว้นภาษีป้ายแต่อย่างใด

กทม.และเมืองพัทยา รวมทั้งเทศบาล อบต.ทุกแห่งทั่วประเทศจึงต้องประเมินเก็บภาษีป้ายของบริษัทปตท.ต่อไปทุกปี โดยให้กระทรวงมหาดไทยซึ่งมีอำนาจหน้าที่กำกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังกล่าวแจ้งไม่ให้มีการคืนภาษีและกำชับให้ดำเนินการเรียกเก็บภาษีป้ายให้ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายต่อไป

หากหากกทม.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นใด รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยเพิกเฉยหรือคืนภาษีให้ปตท.ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา154ซึ่งมีโทษหนักกว่ามาตรา157 ดังนี้

“มาตรา 154 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่หรือแสดงว่าตนมีหน้าที่เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากร ค่าธรรมเนียม หรือเงินอื่นใด โดยทุจริตเรียกเก็บหรือละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนียมหรือเงินนั้น หรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมนั้นมิต้องเสีย หรือเสียน้อยไปกว่าที่จะต้องเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท”

นี่มิใช่การเขียนเสือให้วัวกลัว แต่กฎหมายคือดาบอาญาสิทธิ์ของจริงที่จะใช้ประหัตประหารผู้ที่ทำลายผลประโยชน์ของชาติและประชาชน

รสนา โตสิตระกูล
6 ตุลาคม 2561

https://mgronline.com/politics/detail/9610000099869