"คดีคืนท่อก๊าซครบกำหนดแล้ว ถึงเวลาคืนความถูกต้องให้แผ่นดินหรือยัง?"
CHANGE Environment
"คดีคืนท่อก๊าซครบกำหนดแล้ว ถึงเวลาคืนความถูกต้องให้แผ่นดินหรือยัง?"
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน)และตามพ.ร.บ การตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ 2550 ผู้รับมติดังกล่าวต้องปฏิบัติภายใน60วัน หากไม่ปฏิบัติจะมีความผิดตามประมวณกฎหมายอาญามาตรา 157 และยังมีความผิดอื่นอีก ซึ่งคำสั่งให้ปฏิบัติของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินถึงกำหนดแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2559
ตามข่าวของสำนักข่าวอิศราเมื่อ 10 ตุลาคม2559 รายงานว่ามีมติคณะรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงคลังและสตง.หาข้อยุติคดีคืนท่อก๊าซปตท.ใหม่ และให้นำมารายงานคณะรมต.ก่อนวันครบกำหนด24 ตุลาคม 2542 แต่ไม่ปรากฎข่าวเรื่องนี้
และก็ไม่มีการเปิดเผยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอีกด้วย
ดิฉันได้โทรไปสอบถามคนรู้จักในสำนักนายกฯ สอบถามว่าเหตุใดจึงไม่พบมติครม.เรื่องนี้ในวาระการประชุมและไม่มีรายงานสรุปมติครม.ดังกล่าว ขอให้ช่วยส่งมติดังกล่าวมาให้ด้วย หลังจากนั้นพักใหญ่ จึงได้คำตอบว่า
"มติเป็นเรื่องลับมาก ไม่เปิดเผยค่ะ"
รู้สึกแปลกใจว่าการดำเนินการที่ถูกต้องของรัฐบาลคสช.ในการนำท่อก๊าซในทะเลที่เป็นสาธารณสมบัติคืนแผ่นดินนั้น เหตุใดจึงต้องเป็นความลับ
นึกถึงคำพูดของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลคสช. ที่ระบุว่าคสช.จะมีการออกกฎหมายว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ต่อไป แม้แต่การชาร์ตแบตเตอรี่มือถือ ใช้ไฟหลวงก็มีความผิด ดังที่ปรากฎเป็นข่าว เมื่อวันที่12 กันยายน 2559 ดังนี้
กม.ใหม่"ชาร์ตไฟหลวง"ก็ผิด
"วิษณุ"เผยจ่อชง"กม.ว่าด้วยการขัดกันระหว่างผลประโยชน์" เข้า "สนช." เตือนน่ากลัวกม.เอาผิดแม้เรื่องเล็กน้อย
แต่เรื่องใหญ่หลวงว่าด้วยสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่มีมูลค่าเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท ที่รอรัฐบาลแล้วรัฐบาลเล่ามาแก้ไข จนมาบัดนี้ ก็หวังว่ารัฐบาลคสช.จะเข้าแก้ไข แต่ก็ยังอยู่ในความมืดมิด ที่แม้แต่มติครม.เรื่องให้มีการคืนท่อก๊าซใหม่ก็ยังเป็นความลับสุดยอด
หรือว่าเรื่องนี้ยังมีลับลมคมในกว่าที่เห็น!?!
ดิฉันขอยกพุทธภาษิตบทหนึ่งเป็นอนุสติสำหรับคนที่ประสงค์จะดำรงอยู่ในความดีงามและความซื่อสัตย์สุจริตว่า
นัตถิ โลเก รโห นาเส ปาปะกัมมัง ปกุพพะโต แปลว่า ชื่อว่าที่ลับของผู้ทำบาปกรรมไม่มีในโลก
หรืออาจแปลง่ายๆได้ว่า
ในโลกนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถปกปิดความผิดที่แอบทำไว้ในที่ลับได้
รสนา โตสิตระกูล
3 พฤศจิกายน 2559