ทำสิ่งเล็กๆ เพื่อแก้ปัญหาใหญ่ๆ
CHANGE Heal the World
เรื่อง โค้ชสุรชัย โคตมี วิทยากร/นักเขียนรักษ์โลก
https://www.facebook.com/Coachsurachai
ทำสิ่งเล็กๆ เพื่อแก้ปัญหาใหญ่ๆ
ปัญหาใหญ่ที่เป็นวาระแห่งชาติ เป็นวาระของโลกก็ว่าได้ เนื่องจากส่งผลกระทบมากมาย อาทิ เกิดความขัดแย้งในสังคม ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ เกิดทัศนะอุจาด เกิดการปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำในดิน ปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์การเกษตร เกิดแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ส่งกลิ่นเหม็น ทำให้เกิดการเน่าเสียของแหล่งน้ำ และที่สำคัญ คือสูญเสียเงินงบประมาณมหาศาลในแต่ละปีในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว เกริ่นมาขนาดนี้แล้วคิดว่าคนไทยหลายท่านคงนึกออกแล้วว่าปัญหานั้นคืออะไร มันจึงส่งผลกระทบได้ขนาดนั้น ปัญหาใหญ่ของชาติและของโลก ณ เวลานี้คือปัญหาขยะล้นโลกครับ ทำไมจึงล้นโลก ก็เนื่องจากหลายปัจจัยครับ เช่นเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย สามารถผลิตสินค้าได้วันละหลายชิ้น พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป
โดยมุ่งเน้นความสะดวกสบายเพียงอย่างเดียว จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น เหล่านี้ล้วนมีผลต่อปริมาณขยะที่เกิดขึ้น ปัจจุบันคนไทยสร้างขยะหรือทิ้งขยะเฉลี่ยคนละ 1 กิโลกรัม (เป็นตัวเลขกลมๆจริงมากกว่านี้นิดหน่อย)ต่อคนต่อวัน คนไทยปัจจุบันมี 65 ล้านคน นั่นหมายความว่ามีขยะเกิดขึ้นต่อวันคือ 65 ล้านกิโลกรัม ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนมหาศาลมากๆเลยทีเดียว ถ้าระยะเวลา 1 ปี (65 ล้านกิโลกรัมX365 วัน =23,725,000,000 กิโลกรัมหรือ ประมาณ 23,725,000ตัน ต่อปี ขยะจำนวนนี้มีการสะสมมานับสิบยี่สิบปี ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นถึงแม้ว่าประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ เอกชน เทศบาล อบต. จะพยายามนำขยะไปจัดการแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าขยะที่เกิดขึ้นในแต่ละวันจะจัดการได้หมด เพราะสามารถจัดการได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักสุขาภิบาลไม่ถึง 40% ของขยะที่เกิดขึ้น อีกทั้งเทศบาล อบต.จำนวนมากกว่าครึ่งของประเทศก็ยังไม่ได้นำไปจัดการอย่างถูกต้อง
ที่ผ่านมาเราเห็นแนวทางแก้ปัญหาขยะของไทยอย่างไร เราพยายามใช้เงินทำงานหวังว่าเงินงบประมาณจะแก้ปัญหาขยะได้ ถ้าไม่มีเงินก็แก้ปัญหาไม่ได้ กลายเป็นเรื่องใหญ่ กลายเป็นเรื่องยากไปซะทุกอย่าง ในแต่ละปี เทศบาล อบต. จำนวนมากกว่า 80 % ก็จะพาชุมชนไปศึกษาดูงานในพื้นที่จังหวัดต่างๆใช้งบประมาณที่นึงก็นึงแสนบาท ไปได้ไม่กี่คนหรอก ที่สำคัญไปดูงานสูญเสียงบประมาณปีแล้วปีเล่า ก็ไม่ได้เห็นกลับมาทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ยังไงก็ไม่มีทางจัดการปัญหาขยะได้แน่นอน การพาไปดูงานเป็นการดีแต่กลับมาก็ต้องมาทำอะไรให้มันคุ้มค่าเงินงบประมาณที่เสียไปด้วย พอผู้ใหญ่ไม่เป็นผู้นำ แก้ไม่ได้ก็เริ่มโยนความคาดหวังไปที่เด็กจัดโครงการอบรมปลูกจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กปีละวันสองวัน แล้วก็เงียบไปเหมือนที่เคยเป็นอย่างนี้มาไม่น้อยกว่าสามสิบปี
ทำสิ่งเล็กๆเพื่อแก้ปัญหาใหญ่ๆ ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องเสียเวลาไปดูงานอีกแล้ว เพราะหลังๆไปดูงานกันถึงต่างประเทศ ไปไม่กี่คน เอาเงินภาษีคนอื่นเขาไปเที่ยว แล้วก็ไม่ได้เนื้อหนังอะไร เริ่มต้นง่ายๆ เลยครับ ทำไมประชาชนไม่ช่วยกันคัดแยกขยะ ทำไมประชาชนไม่ช่วยกันลดการเกิดขยะ ในเมื่อผู้นำไม่ลงมือทำ ผู้ตามเขาไม่ทำเช่นกัน มันเป็นเรื่องสามัญมากๆ เริ่มเลยครับ สำหรับเทศบาล อบต.ที่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาขยะ เริ่มต้นที่บ้านนายกเทศมนตรี นายกอบต. รวมถึงสมาชิกสภาทุกท่าน เริ่มต้นคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง ทำปุ๋ยหมัก ทำน้ำหมัก เลี้ยงไส้เดือนเพื่อกำจัดขยะ โดยใช้พื้นที่บ้านของท่านนั่นแหละครับ ทำเป็นตัวอย่าง เป็นที่ศึกษาดูงานให้กับชาวบ้านส่วนใหญ่ที่เขาไปได้ดูงานต่างประเทศ ซึ่งมันเป็นเรื่องเล็กๆเพียงเริ่มต้นที่บ้าน
ถ้าทำได้แบบนี้มีแต่จะได้รับคำชื่นชมยกย่อง เป็นแบบอย่างที่ดี มีวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม เริ่มต้นที่จะใช้หลัก 3R = REDUCE ,REUSE,RECYCLE พ่อแม่ ผู้ปกครองก็เช่นกันจะต้องทำหน้าที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กในการจัดการคัดแยกขยะ ให้รู้จักคุณค่าของขยะที่ทิ้งไป และสามารถสร้างมูลค่าได้ ฉะนั้นเริ่มต้น ทำสิ่งเล็กๆที่บ้านเราก่อน เมื่อทุกบ้านทำ มันจะขยายผลเป็นภาพรวมที่จะขับเคลื่อนไปสู่การแก้ปัญหาในภาพใหญ่ได้อย่างแน่นอน ....มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น คือ ลงมือทำ...เดี๋ยวนี้
เราจะรอถึงวันไหนถึงจะช่วยกัน รอจนลูกหลานตัดตักน้ำดื่มจากบ่อขยะ รอจนลูกหลานสร้างบ้านบนกองขยะเช่นนั้นหรือ อย่าเพียงคิดแค่ว่าขยะพ้นหน้าบ้านตัวเองก็ดีใจโดยมีคิดว่ามีกี่ชีวิตที่เขาต้องรับผลกระทบจากกองขยะแทนเรา รู้จักใช้น้อย ใช้ซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็กๆที่เริ่มต้นที่บ้านของเรานะครับ “โลกใบนี้มันอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์แม้แต่คนเดียว...แต่เราทุกคนไม่มีใครอยู่ได้ถ้าไม่มีโลกใบนี้“ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เกิดมาใช้ทรัพยากรบนโลก และทิ้งให้กลายเป็นขยะ..คุณคือคนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน