นมัสการหลวงพ่อเพชร-สักการะองค์พระธาตุ…สืบศาสน์..หลวงปู่ทอง…มองธรรม..แบบธรรมดา
CHANGE in-your-life เรื่อง : ปราริชาติ ปลื้มจิตต์ตระกูล
นมัสการหลวงพ่อเพชร-สักการะองค์พระธาตุ…สืบศาสน์..หลวงปู่ทอง…มองธรรม..แบบธรรมดา…สติมาปัญญามี…ที่…วัดพระธาตุศรีจอมทองวรหาร..แห่งล้านนาไทย.
วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ตั้งอยู่ บนถนน สายฮอต-เชียงใหม่อำเภอจอมทองจังหวัดเชียงใหม่ ถ้าคุณเดินทางมาจากตัวเมืองระยะทางประมาณ 58 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางรถยนต์ประมาณ 1ชั่วโมง…เลยสามแยกดอยอินทนนท์ แค่กิโลเมตรกว่าเป็นวัดที่มีองค์พระธาตุสีทองตั้งเด่นสวยงามวิจิตรตระการตา และเชื่อว่าเป็นพระธาตุประจำผู้ที่เกิดปีชวดหรือปีหนู โดยในแต่ละวันก็จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศบ้างเดินทางมายังวัดพระธาตุศรีจอมทอง เพื่อไหว้องค์พระธาตุ และหลายๆคนที่มีความเคารพเลื่อมใสความเชื่อความศรัทธา หลวงพ่อเพชร ว่าเป็นพระพุทธรุปที่เก่าแก่และทรงพุทธานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ต่างหลั่งไหลมากราบขอพรหลวงพ่อเพชร พระพุทธรูปสมัยเชียงแสนหล่อด้วยทองสำริดปางมารวิชัย ประดิษฐานในพระอุโบสถซึ่งเป็นองค์จำลองโดยชาวจอมทองถือว่าเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่าองค์จริงประดิษฐานที่วัดนครชุม จังหวัดพิจิตร
ตามหลักฐานวิกิพีเดียบันทึกว่า วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารเริ่มสร้างปีพ.ศ.๑๙๙๕จนปัจจุบันนี้ นับรวม 500 กว่าปีแล้ว และเป็นวัดที่เป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐาน ที่มีชื่อเสียงวัดหนึ่งทางภาคเหนือ โดนสอน การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน สำหรับภิกษุ สามเณรอุบาสกอุบาสิกา ตลอดจนผู้ที่สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เจ้ามาปฏิบัติธรรมและมีการจัดให้สอบอารมณ์ทุกวัน(ยกเว้นวันพระ) โดยวัดพระธาตุศรีจอมทอง ในช่วงที่หลวงปู่ทองพระธรรมมังคลาจารย์(ทอง สิริมังคโล) ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัด ซึ่งมีลูกศิษย์และชาวพุทธจำนวนมาก หลายจังหวัดในประเทศไทย เคารพศรัทธา จะเดินทางมาเพื่อกราบนมัสการและปฏิบัติธรรมที่วัดเจริญสติ ตามแนวทางที่หลวงปู่สอน
หลวงปู่ทอง มรณภาพ เมื่อวันที่ 13 ๒๕๖๒ ธันวาคม สิริอายุ ๙๖ ปี ๗๕ พรรษา เป็นพระนักปฏิบัติ มีศิษยานุศิษย์จำนวนมาก ทั่วสารทิศ รักเคารพศรัทธา ๒ ปีที่ผ่านมานี้ทางวัดได้เคลื่อนสังขารหลวงปู่ทอง มาไว้ยังวัดพระธาตุศรีจอมทองเพื่อให้ประชาชนที่เคารพนับถือมากราบไหว้ โดยหลวงปู่ฝากคำสอนไว้ให้สาธุชนอย่างมากมาย แต่หลักธรรมง่ายๆที่ ถูกนำมาเป็นข้อคิด คำสอน คือ “นิ่งได้ ทนได้ รอได้ ช้าได้ ดีได้” สาธุ
ปัจจุบันนี้ พระสุวรรณเมธี (แสวงปัญฺญาปโชโต) รักษาการเจ้าอาวาสวัด…เจ้าคณะอำเภอจังหวัดเชียงใหม่ พระคุณเจ้าฝากธรรมะที่เกี่ยวข้องกับผู้คนในยุคสมัยนี้ ตลอดจนข่าวคราวของคุณแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ซึ่งเสียชีวิตและเป็นกระแสสังคม ที่ผู้คนให้ความสนใจว่า ขอความผาสุกจงมีแก่ผู้รับธรรมทั้งหลาย อาตมาภาพอยากบอกว่าธรรมะเป็นของดีทั้งนั้น พระพุทธเจ้าสอนไว้ ขึ้นชื่อว่าธรรมะเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งทุกคนจะมีเหมือนกันคือเรื่องของจิต จิตเป็นส่วนสำคัญ พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัตว์โลกอันจิตย่อมนำไป ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่จิตหรือที่ใจ ใจประเสริฐที่สุดสำเร็จแล้วก็ด้วยใจ แต่ใจมี 2 ประเภท คือใจที่เป็นอกุศล หรือ กุศล ถ้าจิตอกุศลจะคิดลบ จิตกุศลจะมองบวกหรือดี
การที่ชาวพุทธเดินทางเข้ามาวัดพระธาตุศรีจอมทองจะได้อะไรกลับไป เจ้าอาวาสบอกว่า แล้วแต่โยมนั้นจะถามธรรมะจากพระ หรือแล้วแต่จะมอง เหมือนเราไปที่ไหนจะได้อะไรจากใครไม่ทราบได้ อยู่ที่สาธุชนจะนิมนต์ให้พูด ยกตัวอย่างในสมัยก่อน มีพราหมณ์ 5 คน ไปหาพระรูปแรกไม่พูดด้วยก็โกรธ ไปหาอีกรูปพูดคำสองคำก็โกรธ พอไปหาพระสารีบุตรพูดเยอะโกรธ ไปหาพระอานนท์พูดเยอะก็โกรธ ไปหาพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ธรรมะทั้งโดยย่อและพิสดารพวกเธอได้ฟังแล้วขึ้นอยู่กับความพอใจของคนนั้น ส่วนคนที่เข้าวัดจะได้อะไรกลับไปนั้น ขึ้นอยู่กับตัวเขาเช่นกัน เหมือนไปทุ่งอันเวิ้งว้างหากเราต้องการสัตว์ก็ได้สัตว์ ต้องการพืชพรรณธัญญาหารเราก็ได้ตามนั้น
ส่วนหลวงปู่ทองได้ทิ้งหลักธรรมแนวปฏิบัติ ให้พระครูสุวรรณเมธี เพื่อสานต่อแก่ศิษยานุศิษย์ต่อไปอย่างไร ท่านบอกเล่าว่า คือการดูจิต ยกตัวอย่างง่ายๆ ปฏิบัติที่ไหนอย่างไร ปฎิบัติแล้วจะได้อะไร หลวงพ่อจะให้แนวปฏิบัติวิปัสสนาสติปฐานสี่ ปฎิบัติที่ ศึลสมาธิ ปัญญา ซึ่งมองแล้วกว้างเกินไป หลวงปู่ทองท่านอธิบายว่า เพียงแค่เราทำอะไรนิดหน่อยก็เป็นศีลสมาธิปัญญาแล้ว เช่น การที่เราไหว้ จิตที่ประคับประคองการไหว้เป็นตัวศีล จิตที่แนบแน่นกับการไหว้เป็นตัวสมาธิ ตัวที่เรารู้ว่าเราไหว้เป็นตัวปัญญา โดยอาตมา ดำเนินตามรอยธรรมหลวงปู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักการปฏิบัติกายกับจิตต้องอยู่ด้วยกัน เพราะจิตมีลักษณะดิ้นรน กลับกลอก รักษายาก ห้ามยาก จิตหนึ่งมีความเครียด สองวุ่นวาย สามเร่าร้อน วิธีแก้ “จิตใจผ่อนคลาย เพราะการรู้จบ จิตใจสงบเพราะการคิดวาง จิตใจสว่างเพราะคิดเป็น จิตใจเยือกเย็นเพราะการคิดดี”
เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง กล่าวข้อคิดทางธรรมสั้นๆไว้ว่า “อยู่คนเดียวให้คิดบวก อยู่กับพวกให้เมตตา อยู่กับปัญหาให้รีบแก้ อยู่กับพ่อแม่ให้กตัญญู อยู่กับผู้รู้ให้ถ่อมตน อยู่กับประชาชนให้ทำความดี อยู่ในโลกนี้ให้ปล่อยวาง โดยไม่โจมตี ไม่บีฑารักษาศีล ไม่เห็นแก่กินไม่เห็นแก่นอน ฝึกสอนตัวเอง” สาธุ โดยพระครูสุวรรณเมธี ได้แสดงธรรมเทศนา ทางสถานีวิทยุ 104.5 MZ ทุกวันพุธ เวลา 20.30-22.00ผ น.และวันพฤหัสบดี-วันศุกร์ เวลา 22.00-23.00 น. ออกอากาศพร้อมกัน 23 สถานีทางภาคเหนือ
และที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง ยังมีพระอาจารย์เพชร หรือพระครูโสภณสุวรรณทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ที่สืบทอดแนวปฏิบัติคำสอนของหลวงปู่ทองอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด กล่าวกับเรา เกี่ยวกับผู้ที่เสพข่าว คุณแตงโมและเป็นกระแสสังคมอย่างมากในช่วงนี้ว่า โลกนี้สับสน โลกนี้วุ่นวาย…มีพระองค์หนึ่งถามว่าจะทำอย่างไรไม่ให้โลกนี้สับสนและวุ่นวาย พระพุทธองค์ตรัสว่า ยังศีลให้เกิดขึ้น ยังสมาธิให้เกิดขึ้น โลกนี้จะไม่วุ่นวายและสับสน มีผู้ถามพระพุทธองค์ต่อว่า จะทำอย่างไรให้รักษาศีลวาจาและใจให้ดีก่อน เมื่อใจดีแล้ววาจาดีแล้วศีลก็จะเกิดขึ้น พอศีลเกิดขึ้นเราก็ยังสมาธิให้เกิดขึ้น การยังสมาธิให้เกิดขึ้น แนวสติปฐานสี่คือ หลวงปู่ทอง อาจารย์ใหญ่วิปัสสนาของเราได้บอกว่า กาย เวทนา จิต ธรรม ต้องปฏิบัติเฝ้าดูจิต ซึ่ง มีทั้งสุขเวทนา และทุกขเวทนา ถ้าเราปวดขา จะทุกข์กับเวทนา หากสบายตัวจะสุขกับเวทนา
ส่วนปัญหาสังคมสับสน เรื่อง พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง ผู้คนที่วุ่นวายนั้น ควรใช้ธรรมะใดมาเป็นทางแก้นั้น พระอาจารย์เพชรบอกว่า ต้องมีสติ โดยหลักธรรมใช้ได้กับทุกสถานการณ์ คือ ต้องมีพรหมวิหารสี่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ทางวิปัสสนาของเรา เมตตาคืออย่าไปโกรธ ได้ยินหนอได้เห็นหนอ ก็ไม่โกรธเมตตาเข้าไว้ ในอดีตสมัยหลวงปู่ทองท่านยังอยู่ สมัยหนึ่งไม่ได้ว่าใครนะ บุคคลนี้เขาเป็นคนมีอิทธิพลแต่ตอนนี้ตายไปแล้ว ได้มีการสร้างพุทธมณฑลของจังหวัดเชียงใหม่ที่อำเภอดอยสะเก็ดเขาว่าหลวงปู่ไม่มาช่วย แต่ไปช่วยเงินบริจาคที่อื่น แต่เขาไม่รู้ความจริงว่าหลวงปู่ของเราร่วมบริจาคไปหลายล้านบาท พอหลวงปู่ทราบเรื่อง ท่านมีจิตเมตตาไม่โกรธ เพียงแต่สอนเป็นธรรมแกบรรดาลูกศิษย์ว่า พวกเราฟังนะอุจจาระหรือขี้มันเหม็นอยู่แล้ว เอาไม้ไปเขี่ยยิ่งจะเหม็น เดี๋ยวมันก็แห้งไปเอง เขาว่าอะไรอย่าไปตอบโต้ คืออุเบกขา แม้แต่พระสัมมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่พ้นคนนินทา
โดยวัดพระธาตุศรีจอมทอง ปัจจุบันนี้ ยังเปิดรับ อุบาสกอุบาสิกา เพื่อเข้ามาปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน แนวสติปฐานสี่ ตามที่หลวงปู่ทองเคยสอน ซึ่งพระอาจารย์เพชรบอกว่า ที่วัดของเรารับชาวพุทธทุกชนชั้นอาชีพ..และอาตมาไม่ใช่พระนักเทศน์แต่ก็ขอฝากธรรมะแก่สาธุชนไว้ ว่า ขอให้ยึดหลัก พรหมวิหารสี่ให้มีเมตตาต่อกัน มีความกรุณาปรานีเอ็นดูสงสารต่อกัน มีมุฑิตา พลอยยินดีเมื่อใครทำดี อนุโมทนา ยกตัวอย่างอย่าง…หลวงปู่ทองท่านไปทำบุญทอดกฐิน พอกลับมาวัด…หลวงปู่บอกว่าเราไปทำบุญมา เอาบุญมาฝาก ทุกคนก็เปล่งเสียง สาธุยินดี…พาให้จิตใจสบาย ส่วนอุเบกขาคือถ้าเราช่วยเขาไม่ได้กิต้องวางใจ…สาธุ
หลวงพ่อเพชรพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์…ยึดเหนี่ยวจิต..องค์พระธาตุพระสัมมาฯที่สาดส่อง…แสงธรรมที่ฝากไว้ของหลวงปู่ครูบาทอง…ท่องแดนธรรม อิ่มบุญล้ำเลิศ..ชูเชิดศาสน์..วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อีกตำนานวัดคู่บ้านคู่เมืองชาวจอมทองเต็มห้องหัวใจ.