พระมหาเจดีย์ดวงตาแห่งปัญญา…อาศรมพรหมธาดาพุทธาสถาน จำลองจากเนปาล
@CHANGE into Magazine Sutthikhun KongthongCHANGE in-your-life เรื่อง : ปราริชาติ ปลื้มจิตต์ตระกูลพระมหาเจดีย์ดวงตาแห่งปัญญา…อาศรมพรหมธาดาพุทธาสถาน จำลองจากเนปาล…สวยเด่นตระหง่านตา แหล่งปฏิบัติธรรมล้านนาไทย..หนึ่งแลนด์มาร์คของเชียงใหม่..ไม่ต้องไปไกลถึงต่างแดน.
พระจามิกร มหาปัญโญ เจ้าอาวาส สำนักปฏิบัติธรรมอาศรมพรหมธาดาพุทธาสถาน เล่าว่า สถานที่แห่งนี้ ตั้งอยู่บนสันเขา ตำบลดอยแก้ว อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นที่พักของพระสงฆ์ และผู้ที่มาปฏิบัติธรรม โดยตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรม และกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการจัดตั้งให้เป็นวัด ตามนโยบายที่ว่าเปลี่ยนพื้นที่ป่าให้เป็นวัด สถานที่แห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2547 โดยกำนันปั้นพร้อมด้วยชาวบ้านได้ไปนิมนต์ท่านครูบาตรัยเทพ จัณทวัณโณ จากอารามห้วยบง อำเภอดอยหล่อ ให้มาจำวัดที่อาศรมพรหมธาดาพุทธาสถาน จากนั้นมีผู้เคารพศรัทธาเลื่อมใสในท่านครูบาฯ จึงร่วมทำบุญและช่วยกันสร้างกุฏิ สถานปฏิบัติธรรม ตลอดจนวัตถุ รุปหล่อ ต่างๆมากมาย บนเนื้อที่แห่งนี้
วัตถุประสงค์การก่อสร้างนั้น พระจามิกร บอกว่าเพื่อเป็นการสิบทอดและบำรุงพระพุทธศาสนา และจัดตั้งขึ้นสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรม ตลอดจนผู้คนได้เข้ามาทำบุญ ซึ่งจุดเด่นของที่นี่ คือ องค์พระมหาธาตุเจดีย์ไตรรัตนพุทธญาณรังสีปฐวีมงคล หรือ เจดีย์ดวงตาแห่งปัญญา ซึ่งการก่อสร้างจำลองตามแบบศิลปะเนปาล ที่คล้ายมหาเจดีย์พุทธนาถ แห่งกรุงกาฐมาณฑุประเทศเนปาล ส่วนศาสนพิธีต่างๆ ภายในอาศรม ก็จะมีแนวปฏิบัติเหมือนวัดทั่วไป เป็นสถานที่เปิดให้ประชาชนเข้ามาร่วมทำบุญตามศรัทธา อาตมาเองก็เป็นพระสงฆ์ที่บวชตามหลักในพุทธศาสนา และเดินทางมาจำวัดที่นี่สำหรับเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุตามแบบศิลปะเนปาลนั้น พระจามิกรบอกว่า ประเทศเนปาลก็มีศาสนาพุทธเช่นเดียวกัน เจดีย์จำลององค์นี้เป็นพุทธสถาน แต่สร้างแบบสากล โดยพระพุทธเจ้า ท่านเคยกล่าวไว้ว่า การสร้างสถานที่เก็บพระบรมธาตุของพระองค์ไว้อย่างไร ให้สร้างลักษณะไหน ในสมัยนั้นพระสาวกได้ถามว่า ถ้าพระพุทธเจ้า ปรินิพพานแล้ว กระดูกหรือพระบรมธาตุของพระองค์จะเก็บไว้ที่ใด จึงได้สร้างตามแบบอย่างที่พระพุทธเจ้าวางรูปแบบไว้กันสืบมา
“ส่วนภายในอาศรมพรหมธาดาพุทธาสถาน มีรูปหล่อ และรูปปั้น ของผู้นำทางศาสนา หรือพระศาสดา ต่างๆ ประดิษฐาน อยู่หลากหลายนั้น พระจามิกรบอกว่า เพื่อให้ผู้ที่เดินทางมายังอาศรมของเราได้รู้จักครูบาอาจารย์ในทุกศาสนา โดยท่านครูบาตรัยเทพ จันทวัณโณได้สอนไว้ว่า ทุกศาสนาเป็นหนึ่งเดียวกัน คือศาสดาทุกองค์ที่ลงมายังโลกนี้ อาทิ พระพุทธเจ้า พระเยซูนั้น ทุกองค์ลงมาเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ แต่รูปแบบ วิธีการ อาจต่างกันเพราะ ประกาศศาสนาตามเชื้อชาติของแต่ละองค์ รูปแบบการสอนจะเหมือนกันทั้งโลกไม่ได้”“สถานปฏิบัติธรรมอาศรมพรหมธาดาพุทธาสถาน ยินดีต้อนรับศรัทธาจากทุกเชื้อชาติและทุกศาสนา ที่จะได้มาเยี่ยมชมกราบไหว้สักการะบูชา ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ รวมถึงการมาศึกษาเพื่อฝึกปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดสติปัญญา พัฒนาจิตใจร่างกายนำไปสู่การหลุดพ้น โดยที่นี่จะมีรูปเหมือน รูปหล่อที่เคารพนับถือของพระอริยสงฆ์ ครูยาอาจารย์ นักบวช ผู้ปฏิบัติบำเพ็ญ ในหลายศ เพราะท่านทั้งหลายเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นผู้ทำหน้าที่ชี้แนะสั่งสอน ให้ทุกคนมีศีลมีธรรม เหมือนดังองค์ศาสดาของทุกศาสนา ที่ล้วนสอนให้มีเมตตา สอนให้เป็นคนดี แต่สิ่งที่แตกต่างกันของแต่ละองค์ คือ แนวทาง หรือ วิธีการปฏิบัติ และชื่อเรียกที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของเชื้อชาติและศาสนานั้นๆ ซึ่ง มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ความสงบแห่งจิต และเพื่อสติปัญญา”
สำหรับวิกฤตโควิด19 ที่ผ่านมา พระจามิกร บอกว่า โรคระบาดในเชิงพุทธศาสนา เหมือนเป็นกรรม ที่คนทั้งโลกต้องร่วมกันรับผิดชอบ จากที่เราได้เบียดเบียนก็ดี ทำผิดศีลต่างๆ ก็ดี เลยเกิดปรากฎการณ์ต่างๆ ขึ้นมา เหมือนภัยพิบัติ เหมือนสงครามโลกในอดีต ทางพุทธศาสนา คือ กรรมร่วม หลักธรรมที่จะใช้ในภาวะแบบนี้ คือต้องมีเมตตาต่อกัน ในภาวะแบบนี้ช่วยเหลือกันได้ก็ต้องทำ ทุกคนมีความลำบากเหมือนกัน ถ้าเรามีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันก็จะดี ถ้าเรามีความกังวลใจเกิดขึ้น กำลังใจที่ดีจะมาจากการฝึก ผู้ปฏิบัติไม่ใช่ผู้โชคดี แต่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความทุกข์ที่เกิดขึ้นได้บนโลกใบนี้ ถ้าเราฝึกปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องเราจะอยู่กับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างผู้มีสติ.
สำนักปฏิบัติธรรมอาศรมพรหมธาดาพุทธาสถาน แห่งล้านนา ..พระจามิกร มหาปัญโญ เล่าขาน เพื่อสืบสาน พุทธศาสน์ หนึ่งองค์พระมหาธาตุเจดีย์..มีดวงตาแห่งปัญญาแฝงธรรมา พระศาสดา ธรรมะธรรมดา สติมา ปัญญามี ที่นี่เมืองไทย.