จากมือบริหาร...สู่นักพัฒนาสังคม สุธี เกตุศิริ “รพ.หัวเฉียว จะเป็น model ที่เป็นที่พึ่งของสังคมได้”

จากมือบริหาร...สู่นักพัฒนาสังคม สุธี เกตุศิริ “รพ.หัวเฉียว จะเป็น model ที่เป็นที่พึ่งของสังคมได้”

 

 

 

CHANGE Life needs help เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม

 

จากมือบริหาร...สู่นักพัฒนาสังคม
สุธี เกตุศิริ “รพ.หัวเฉียว จะเป็น model ที่เป็นที่พึ่งของสังคมได้”

 


เปิดแนวคิดเพื่อสังคม “สุธี เกตุศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการบริหาร โรงพยาบาลหัวเฉียว รพ.เอกชนในสังกัดมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ผมมองว่า รพ.หัวเฉียว จะเป็น model ที่เป็นที่พึ่งของสังคมได้”

จากมือบริหารที่เป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจรับสร้างบ้าน บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด และบริษัทในเครือ คุณสุธี เกตุศิริ ยังสละเวลามาทำกิจกรรมเพื่อสังคมโดยการเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลหัวเฉียว ในตำแหน่งกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อสานต่อปณิธานของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ให้เป็นโรงพยาบาลเพื่อสังคม (Social Enterprise) อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีแผนจะนำโรงพยาบาลเข้าสู่โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ พร้อมรับการแข่งขันทั้งในปัจจุบันและอนาคต ในขณะเดียวกันยังทำกิจกรรมเพื่อสังคมมากมายไปพร้อมๆ กับการบริหารโรงพยาบาล

//Model ของโรงพยาบาลหัวเฉียว
คุณสุธี อธิบายว่า “การที่คนชั้นกลางจะไปโรงพยาบาลเอกชน ก็คิดหนักกลัวจ่ายไม่ไหว ครั้นจะไปโรงพยาบาลของรัฐก็รอไม่ไหว ผมมองว่า โรงพยาบาลหัวเฉียว จะเป็น model ที่เป็นที่พึ่งของสังคมได้ ด้วยอุดมการณ์ของโรงพยาบาลที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพการรักษา ซื่อสัตย์สุจริตต่อผู้รับบริการ ตรงไปตรงมากับการคิดค่าบริการ บุคลากรมีคุณภาพและเอื้ออาทร กำหนดนโยบายการคิดค่ารักษาพยาบาลที่สมเหตุสมผลหรือไม่แพง เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพและคุณค่าที่ผู้ป่วยและญาติได้รับ โดยแบ่งกลุ่มผู้ป่วยเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีฐานะดี จะรู้สึกว่าค่ารักษาพยาบาลถูกและคุ้มค่ามาก กลุ่มที่มีฐานะปานกลาง มีความรู้สึกค่ารักษาที่ไม่แพงและคุ้มค่า กลุ่มที่มีฐานะปานกลาง – ล่าง คิดว่าค่ารักษาพอที่จะจ่ายได้ และกลุ่มที่มีรายได้น้อย-ยากจน จะได้รับการช่วยเหลือสงเคราะห์ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง”

//โครงการช่วยเหลือค่าพยาบาล
กรณีผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหัวเฉียว และมีฐานะปานกลาง คณะกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ให้การสนับสนุนงบประมาณปีละ 20 ล้านบาท โดยให้ส่วนลดค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่พักอยู่ในห้องพักระดับห้องรวม 6 ถึงห้องรวม 4 ปรับอากาศ ในอัตรา 10 – 20 % และถ้าเป็นผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มการช่วยเหลืออีก 5 %

“วัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่เจ็บป่วย ที่ปกติก็มีภาระที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว เมื่อเจ็บป่วยย่อมต้องได้รับความเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปณิธานสำคัญของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เพื่อช่วยเหลือสงเคราะห์ประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากทั้งด้านการเกิด แก่ เจ็บ ตาย” เล่าด้วยน้ำเสียงภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม


//โครงการธรรมรักษา รักษาใจยามเจ็บป่วย
เป็นโครงการที่มาจากดำริของ คุณกอบชัย ซอโสตถิกุล ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลหัวเฉียวที่ได้ก่อตั้งโครงการนี้ด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัว เพื่อให้การดูแลด้านจิตใจสำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้าย หรือผู้ป่วยเรื้อรัง เราจะมีทีมจิตแพทย์ นักจิตวิทยา และพยาบาล เข้าไปให้คำปรึกษาแนะนำการใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายทั้งตัวผู้ป่วยและครอบครัว


//โครงการให้ทุนการศึกษาพยาบาล
ด้วยความร่วมมือของ 3 สถาบัน คือ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลหัวเฉียว จึงเกิด “ โครงการปลูกต้นกล้าพยาบาล 3 สถาบันฯ ” ให้ทุนรวมจำนวน 150 ทุน มูลค่า 60 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา 2556 มอบทุนให้นักเรียนที่เรียนปานกลางถึงดี มีฐานะยากจน และมีใจรักที่จะเป็นพยาบาล โดยให้ทุนเรียนพยาบาลฟรี 4 ปี ที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ปีละ 25 – 40 ทุน มูลค่าทุนละ 4 แสนบาท เมื่อจบการศึกษาแล้วจะมีโรงพยาบาลหัวเฉียวเป็นองค์กรรองรับในการทำงาน นอกจากนี้ยังให้เงินยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดือนละ 4,000 บาท ตลอดการศึกษาเล่าเรียน และให้ผ่อนชำระคืน เมื่อเริ่มทำงาน โดยไม่มีดอกเบี้ย
“วัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพยาบาลวิชาชีพ และผลิตบุคลากรรองรับการเจริญเติบโตของโรงพยาบาลหัวเฉียว ที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางในการกระจายโอกาสในการเข้าศึกษาต่อวิชาชีพพยาบาลแก่นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้มีโอกาสทางการศึกษา ได้ยกระดับคุณภาพชีวิต ซึ่งในปี 2560 นักศึกษาทุนรุ่นที่ ได้จบการศึกษาเป็นพยาบาลวิชาชีพเรียบร้อยแล้ว”


//การพัฒนาทางด้านการแพทย์สู่การเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ
ด้านอาคารสถานที่ ระบบสาธารณูปโภค และด้านระบบสารสนเทศ

คุณสุธี เล่าต่อว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลหัวเฉียว ได้ลงทุนไปกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาในทุกด้าน ทางด้านแพทย์สู่การเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ กว่า 300 ท่าน ด้านเครื่องมือทางการแพทย์ทั้งการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรค เช่น เครื่องฉีดสีสวนหัวใจ ทำบอลลูนและใส่ขดลวดขยายหลอดเลือดหัวใจ (Cath Lab) เครื่องตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เครื่องซีทีแสกน (CT Scan 160 Slices) เครื่องตรวจมะเร็งเต้านม (Digital Mammogram) มีห้องผ่าตัดที่ทันสมัยถึง 8 ห้อง เปิดศูนย์โรคทางจอประสาทตา ศูนย์รับผู้ป่วยทารกแรกเกิด ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด โดยมีแผนพัฒนาศูนย์การแพทย์ คือ ในปี 2561-2562 เปิดศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Center) และปี 2563-2564 เปิดศูนย์โรคกระดูกสันหลัง (Spine Center)

ก่อนจบการสนทนา “สุธี เกตุศิริ” กล่าวปิดท้ายว่า “พร้อมๆ กันนี้ได้สร้างอาคารบริการใหม่ และปรับปรุงพัฒนาสถานที่ของอาคาร 22 ชั้น พัฒนาระบบสาธารณูปโภค และระบบสารสนเทศ เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็ว อีกทั้งยังได้ยกระดับคุณภาพมาตรฐาน จนได้รับการรับรองมาตรฐาน HA (Hospital Accreditation) อย่างต่อเนื่องติดต่อกันถึง 3 ครั้ง ปัจจุบัน โรงพยาบาลหัวเฉียว ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิระดับสูงในหลากหลายสาขา และก้าวสู่คุณภาพมาตรฐานโรงพยาบาลระดับ AHA (Advance Hospital Accreditation)”


##
ประวัติคุณสุธี เกตุศิริ
การศึกษา : - ปริญญาตรี (B.A.) สาขา Political Science, University of Poona, India.
- ปริญญาโท (M.A.) สาขา Political Science (International Relations),
California State University, Long Beach, U.S.A.
- ปริญญาโท (Executive M.B.A.), สถาบันศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ตำแหน่งงานทางธุรกิจ : - กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด
บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด บริษัท ซีคอนคอนสตรัคชั่น ซิสเต็ม จำกัด
- กรรมการที่ปรึกษาพิเศษ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน

ตำแหน่งงานสาธารณกุศล : - กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิธารน้ำใจ
- กรรมการ โครงการเชิดชูเกียรติสถานศึกษา มูลนิธิธารน้ำใจ
ด้านการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมดีเด่น รางวัลเกียรติคุณสัญญา ธรรมศักดิ์
- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการบริหาร โรงพยาบาลหัวเฉียว
(ในสังกัดมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง)
สถานภาพ : สมรส มีบุตร 2 คน
- บุตรสาว ชื่อ นางสาวธรรมธิดา เกตุศิริ อายุ 24 ปี
สำเร็จการศึกษาจาก คณะ BIOMEDICAL ENGINEERING, DUKE University, U.S.A.
ได้รับทุนศึกษาต่อปริญญาเอกด้าน BIOMEDICAL ENGINEERING ที่ Vanderbilt University, U.S.A.
- บุตรชาย ชื่อ นายจิตเกษม เกตุศิริ อายุ 21 ปี
ขณะนี้ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล