พลิกวิกฤตเป็นโอกาส! “กุนเชียงโฮมเมด”
ทาทา สตีล ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนรอบโรงงาน
ปัจจุบัน หากพูดถึงกระแสการท่องเที่ยว และการซื้อสินค้าที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือที่เรียกอีกอย่างว่าเทรนด์ “Localism” นั้น กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เห็นได้จากทุกครั้งที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็จะพบเห็นแหล่งท่องเที่ยวหรือสินค้าท้องถิ่นที่แปลกใหม่ ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ชุมชนหลายๆ แห่ง ต่างตื่นตัวที่จะดึงจุดเด่นและเอกลักษณ์ของตนเอง เพื่อเป็นจุดขายสร้างรายได้ให้ชุมชน ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพจากทุนทางสังคม อาทิ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างครบวงจรที่มีโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้อยู่ร่วมกับชาวบ้าน เรียนรู้วิถีชีวิตพร้อมกับขายสินค้าที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชนไม่ว่าจะเป็นอาหารและผลไม้ขึ้นชื่อ หรือสินค้าหัตถกรรมต่างๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี กว่าแต่ละชุมชนจะสามารถหาจุดเด่นของตนเองได้ สิ่งสำคัญที่สุดนั้น ต้องมาจากการระดมความคิดร่วมกันของคนในชุมชน และต้องมีหน่วยงานสนับสนุนด้านความรู้การตลาด บัญชีการเงิน รวมถึงเทคโนโลยีกระบวนการการผลิตสินค้า วิเคราะห์หาจุดเด่นร่วมกันว่าควรจะพัฒนาต่อยอดสิ่งใดให้เป็นแหล่งรายได้หลัก ตัวอย่างชุมชนที่มีการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง และดึงจุดเด่นของตัวเองออกมาได้อย่างประสบความสำเร็จที่กำลังจะพาไปรู้จัก คือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเนินกระบก ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยสินค้าที่ชุมชนตัดสินใจเลือกนำมาพัฒนาต่อยอด ได้แก่ การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์เป็น “กุนเชียงโฮมเมด” ภายใต้การสนับสนุนหลักของโรงงานเอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในเครือของบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับบริเวณชุมชน และเล็งเห็นความสำคัญของการสนับสนุนชุมชนให้เข้มแข็งเติบโตอย่างยั่งยืน ตามแนวคิดการเป็นบริษัทพลเมืองที่ของประเทศชาติ
นางสัมฤทธิ์ ทองวิเชียร ประธานชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเนินกระบก ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า แต่เดิมชุมชนที่ตนอยู่นั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ในภายหลังได้มีการรวมตัวเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน โดยสิ่งที่ได้จากการระดมความคิดกันภายในกลุ่ม ประกอบกับที่คนในชุมชนได้เข้าร่วมอบรมการทำ “กุนเชียง” จากการส่งเสริมของทาทา สตีล เนื่องจากเห็นว่าเป็นการแปรรูปอาหารที่สามารถเก็บได้นาน เป็นอาหารสำเร็จรูปที่ทานง่าย มีรสชาติอร่อย และสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ตัดสินใจเลือกทำกุนเชียงนั้น มาจากการที่ทาทา สตีล เล็งเห็นว่าชุมชนมีแหล่งวัตถุดิบหลักที่มีคุณภาพ นั่นคือ ฟาร์มเลี้ยงหมูที่อำเภอบ้านบึง ซึ่งเป็นหมูที่ผ่านการเลี้ยงตามมาตรฐาน มีราคาต้นทุนที่ไม่สูง จึงเหมาะที่จะนำมาริเริ่มเป็นสินค้าแปรรูปในขั้นต่อไป และเมื่อชุมชนมีการพัฒนาการผลิตทั้งในเรื่องคุณภาพที่ได้การรับรองมาตรฐานสินค้า (อย.) บรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ทนทาน เก็บได้นาน รวมถึงสามารถหาฐานตลาดในการส่งผลิตภัณฑ์ไปขายเป็นประจำ จึงแปรเปลี่ยนจากการประกอบเป็นอาชีพเสริม กลายเป็นอาชีพหลักซึ่งสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชน
นางสัมฤทธิ์ อธิบายถึงจุดเด่นกุนเชียงโฮมเมด ของกลุ่มชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเนินกระบก เพิ่มว่า วัตถุดิบที่เลือกนำมาแปรรูป เป็นวัตถุดิบคุณภาพดี โดยจะเลือกใช้เนื้อหมูส่วนสะโพก มันแข็งของหมู และไส้เทียม จาการที่ชุมชนเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ประกอบกับกรรมวิธีการผลิตที่ได้รับการอบรมและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กุนเชียงของชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเนินกระบกได้คุณภาพและมีรสชาติที่อร่อย จนเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าบริเวณชุมชน และนักท่องเที่ยว โดยกลุ่มลูกค้าหลักของชุมชน ได้แก่ พนักงานโรงงานเนื่องจากชุมชนตั้งอยู่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี ตำบลบ่อวิน จังหวัดชลบุรี โดยในหนึ่งสัปดาห์มียอดจำหน่ายกุนเชียงสูงถึง 120 กิโลกรัมโดยประมาณ จึงจำเป็นต้องเร่งเพิ่มจำนวนการผลิตและต่อยอดผลิตภัณฑ์ โดยเพิ่มประเภทของกุนเชียงขึ้นเป็น 3 ชนิด ได้แก่ กุนเชียงหมู กุนเชียงปลา กุนเชียงไก่ และล่าสุดได้มีการพัฒนากุนเชียงสูตรใหม่ “หมูพริกไทยดำ” เพื่อตอบโจทย์ความชอบของลูกค้าที่หลากหลายได้อย่างครบถ้วน
นอกจากกุนเชียงที่สร้างรายได้หลักให้กับชุมชนแล้ว ชุมชนก็ยังไม่หยุดแสวงหาความรู้ เพื่อผลิตสินค้าใหม่ๆ สร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน และด้วยข้อได้เปรียบของชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณนิคมอุตสาหกรรม ทำให้มีกลุ่มลูกค้าเป็นพนักงานโรงงานจำนวนมาก นอกจากนี้ ชุมชนยังรับเอานวัตกรรมและความรู้จากโรงงานมาปรับใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า โดย “ทาทา สตีล” เป็นหนี่งในผู้ริเริ่มความร่วมมือระหว่างโรงงานกับชุมชน เข้ามาสำรวจความต้องการของชุมชน ว่ามีความต้องการให้โรงงานสนับสนุนกลุ่มอาชีพของชุมชนอย่างไรบ้าง ตลอดจนได้เข้ามาให้ความรู้เพิ่มเติม ในกระบวนการทำกุนเชียงดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้แนะนำการผลิตสินค้าอื่นๆ ที่เหมาะกับความสามารถของชาวบ้าน และใช้วัตถุดิบที่หาได้ไม่ยาก อาทิ การทำบะหมี่หมูแดง ข้าวขาหมู และขนมปังเบเกอรี่ เป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชนอีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการทำกุนเชียงด้วย
ในช่วงแรกที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาตั้งในบริเวณชุมชนนั้น สร้างความกังวลให้กับชาวบ้านถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างก็มีทัศนคติทางลบต่อโรงงานเพราะคิดว่าเจ้าของโรงงานเหล่านี้ จะไม่สนใจความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่เท่ากับผลผลิตของกิจการตนเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป โรงงานได้พิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นว่ามีการควบคุมมาตรฐานการผลิตที่ไม่สร้างผลกระทบต่อชุมชน จนเกิดเป็นความเชื่อมั่นและทำให้ทั้งสองฝ่ายเริ่มปรับตัวเข้าหากัน เหมือนสุภาษิตที่ว่า “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” โรงงานเอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในเครือของบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบรี บ่อวิน จึงกลายเป็นแหล่งรายได้ที่สร้างงานให้กับคนในพื้นที่ การค้าขายในชุมชนขยายตัวขึ้น อีกทั้งชุมชนและโรงงานยังได้สร้างสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทำให้ชาวบ้านมีความรู้สึกว่าไม่ได้ถูกโรงงานทอดทิ้ง และมีทัศนคติที่ดีต่อโรงงานมากขึ้น นางสัมฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
“สิ่งสำคัญที่สุดของการสร้างอาชีพ คือ การรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง มีความสามัคคีภายใน นอกจากนี้ ชุมชนยังต้องรู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่หยุดที่จะแสวงหาการพัฒนาใหม่ๆ ดึงจุดเด่นที่ชุมชนมีอยู่แล้วออกมาใช้ให้ได้ อีกทั้งการประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้กลุ่มอาชีพของชุมชนพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน”
ด้าน นายศิโรโรตม์ เมธมโนศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่-ทรัพยากรบุคคลและบริหาร บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป้าหมายที่ ทาทา สตีล ตั้งไว้ คือการเป็นโรงงานอันเป็นที่รักและเป็นเพื่อนแท้ของชุมชน จากการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อชุมชน ร่วมมือแก้ไขปัญหาบริเวณรอบโรงงาน รวมทั้งพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัยโดยรอบให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กลุ่มบริษัททาทา สตีล และโรงงานเอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป ตั้งใจปฏิบัติควบคู่กับการดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน สำหรับกลุ่มชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเนินกระบกนั้น ทาทา สตีล ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมอาชีพของชุมชน ทั้งอาชีพหลัก และอาชีพเสริม รวมถึงความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การทำบัญชี การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ ตลอดจนยังได้เปิดโอกาสให้ชุมชนได้นำสินค้าเข้ามาขายในโรงงานทุกสิ้นเดือน จนทำให้ ทาทา สตีล สามารถบรรลุเป้าหมายการเป็นโรงงานที่รักและเป็นเพื่อนแท้ของชุมชนได้ในที่สุด
สำหรับชุมชนหรือผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ ส่วนสื่อสารและกิจกรรมองค์กร โทรศัพท์ 02-937-1000 หรือเข้าไปที่ www.tatasteelthailand.com
เกี่ยวกับทาทา สตีล (ประเทศไทย)
บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ "TSTH" ประกอบด้วย สามบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ("NTS") ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี บริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด ("SCSC") ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง และบริษัท เหล็กสยาม (2001) จำกัด ("SISCO") ตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กทรงยาวรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิต เหล็กแท่ง 1.4 ล้านตัน และเหล็กสำเร็จรูป 1.7 ล้านตัน ประกอบด้วย เหล็กเส้นก่อสร้าง เหล็กลวด เหล็กรูปพรรณขนาดเล็ก เหล็กเพลา และเหล็กเส้นตัดและดัดสำเร็จรูป โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ รวมถึงส่งออกเหล็กเส้น และเหล็กลวด ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
รางวัลและความสำเร็จ ในปี 2560 - 2561
•บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล “Thailand Sustainability Investment Award” (รางวัลรายชื่อหุ้นยั่งยืน) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ “Sustainability Report Award 2017” (รางวัลรายงานความยั่งยืน ปี 2560) ในระดับ “Recognition” จากสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสถาบันไทยพัฒน์
•บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล “Thailand ICT Excellence Award 2017” (รางวัลความเป็นเลิศด้าน ICT ประเทศไทย ปี 2560) ประเภทโครงการพัฒนากระบวนการหลักภายใน
•บริษัท เอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2560 ประเภทการบริหารความปลอดภัย จากนายกรัฐมนตรี
•บริษัท เอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด ได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประจำปี 2560 ระดับประเทศ และบริษัทเหล็กสยาม (2001) จำกัด ได้รับรางวัลในระดับจังหวัด
•บริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด และ บริษัทเหล็กสยาม (2001) จำกัด ได้รับรางวัล CSR – DIW 2017 จากกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม
•บริษัท เอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล “โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้มีมาตรฐานสากลเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม ปี 2560” จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
ทาทา สตีล ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนรอบโรงงาน
ปัจจุบัน หากพูดถึงกระแสการท่องเที่ยว และการซื้อสินค้าที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือที่เรียกอีกอย่างว่าเทรนด์ “Localism” นั้น กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เห็นได้จากทุกครั้งที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็จะพบเห็นแหล่งท่องเที่ยวหรือสินค้าท้องถิ่นที่แปลกใหม่ ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ชุมชนหลายๆ แห่ง ต่างตื่นตัวที่จะดึงจุดเด่นและเอกลักษณ์ของตนเอง เพื่อเป็นจุดขายสร้างรายได้ให้ชุมชน ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพจากทุนทางสังคม อาทิ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างครบวงจรที่มีโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้อยู่ร่วมกับชาวบ้าน เรียนรู้วิถีชีวิตพร้อมกับขายสินค้าที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชนไม่ว่าจะเป็นอาหารและผลไม้ขึ้นชื่อ หรือสินค้าหัตถกรรมต่างๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี กว่าแต่ละชุมชนจะสามารถหาจุดเด่นของตนเองได้ สิ่งสำคัญที่สุดนั้น ต้องมาจากการระดมความคิดร่วมกันของคนในชุมชน และต้องมีหน่วยงานสนับสนุนด้านความรู้การตลาด บัญชีการเงิน รวมถึงเทคโนโลยีกระบวนการการผลิตสินค้า วิเคราะห์หาจุดเด่นร่วมกันว่าควรจะพัฒนาต่อยอดสิ่งใดให้เป็นแหล่งรายได้หลัก ตัวอย่างชุมชนที่มีการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง และดึงจุดเด่นของตัวเองออกมาได้อย่างประสบความสำเร็จที่กำลังจะพาไปรู้จัก คือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเนินกระบก ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยสินค้าที่ชุมชนตัดสินใจเลือกนำมาพัฒนาต่อยอด ได้แก่ การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์เป็น “กุนเชียงโฮมเมด” ภายใต้การสนับสนุนหลักของโรงงานเอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในเครือของบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับบริเวณชุมชน และเล็งเห็นความสำคัญของการสนับสนุนชุมชนให้เข้มแข็งเติบโตอย่างยั่งยืน ตามแนวคิดการเป็นบริษัทพลเมืองที่ของประเทศชาติ
นางสัมฤทธิ์ ทองวิเชียร ประธานชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเนินกระบก ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า แต่เดิมชุมชนที่ตนอยู่นั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ในภายหลังได้มีการรวมตัวเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน โดยสิ่งที่ได้จากการระดมความคิดกันภายในกลุ่ม ประกอบกับที่คนในชุมชนได้เข้าร่วมอบรมการทำ “กุนเชียง” จากการส่งเสริมของทาทา สตีล เนื่องจากเห็นว่าเป็นการแปรรูปอาหารที่สามารถเก็บได้นาน เป็นอาหารสำเร็จรูปที่ทานง่าย มีรสชาติอร่อย และสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ตัดสินใจเลือกทำกุนเชียงนั้น มาจากการที่ทาทา สตีล เล็งเห็นว่าชุมชนมีแหล่งวัตถุดิบหลักที่มีคุณภาพ นั่นคือ ฟาร์มเลี้ยงหมูที่อำเภอบ้านบึง ซึ่งเป็นหมูที่ผ่านการเลี้ยงตามมาตรฐาน มีราคาต้นทุนที่ไม่สูง จึงเหมาะที่จะนำมาริเริ่มเป็นสินค้าแปรรูปในขั้นต่อไป และเมื่อชุมชนมีการพัฒนาการผลิตทั้งในเรื่องคุณภาพที่ได้การรับรองมาตรฐานสินค้า (อย.) บรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ทนทาน เก็บได้นาน รวมถึงสามารถหาฐานตลาดในการส่งผลิตภัณฑ์ไปขายเป็นประจำ จึงแปรเปลี่ยนจากการประกอบเป็นอาชีพเสริม กลายเป็นอาชีพหลักซึ่งสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชน
นางสัมฤทธิ์ อธิบายถึงจุดเด่นกุนเชียงโฮมเมด ของกลุ่มชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเนินกระบก เพิ่มว่า วัตถุดิบที่เลือกนำมาแปรรูป เป็นวัตถุดิบคุณภาพดี โดยจะเลือกใช้เนื้อหมูส่วนสะโพก มันแข็งของหมู และไส้เทียม จาการที่ชุมชนเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ประกอบกับกรรมวิธีการผลิตที่ได้รับการอบรมและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กุนเชียงของชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเนินกระบกได้คุณภาพและมีรสชาติที่อร่อย จนเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าบริเวณชุมชน และนักท่องเที่ยว โดยกลุ่มลูกค้าหลักของชุมชน ได้แก่ พนักงานโรงงานเนื่องจากชุมชนตั้งอยู่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี ตำบลบ่อวิน จังหวัดชลบุรี โดยในหนึ่งสัปดาห์มียอดจำหน่ายกุนเชียงสูงถึง 120 กิโลกรัมโดยประมาณ จึงจำเป็นต้องเร่งเพิ่มจำนวนการผลิตและต่อยอดผลิตภัณฑ์ โดยเพิ่มประเภทของกุนเชียงขึ้นเป็น 3 ชนิด ได้แก่ กุนเชียงหมู กุนเชียงปลา กุนเชียงไก่ และล่าสุดได้มีการพัฒนากุนเชียงสูตรใหม่ “หมูพริกไทยดำ” เพื่อตอบโจทย์ความชอบของลูกค้าที่หลากหลายได้อย่างครบถ้วน
นอกจากกุนเชียงที่สร้างรายได้หลักให้กับชุมชนแล้ว ชุมชนก็ยังไม่หยุดแสวงหาความรู้ เพื่อผลิตสินค้าใหม่ๆ สร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน และด้วยข้อได้เปรียบของชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณนิคมอุตสาหกรรม ทำให้มีกลุ่มลูกค้าเป็นพนักงานโรงงานจำนวนมาก นอกจากนี้ ชุมชนยังรับเอานวัตกรรมและความรู้จากโรงงานมาปรับใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า โดย “ทาทา สตีล” เป็นหนี่งในผู้ริเริ่มความร่วมมือระหว่างโรงงานกับชุมชน เข้ามาสำรวจความต้องการของชุมชน ว่ามีความต้องการให้โรงงานสนับสนุนกลุ่มอาชีพของชุมชนอย่างไรบ้าง ตลอดจนได้เข้ามาให้ความรู้เพิ่มเติม ในกระบวนการทำกุนเชียงดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้แนะนำการผลิตสินค้าอื่นๆ ที่เหมาะกับความสามารถของชาวบ้าน และใช้วัตถุดิบที่หาได้ไม่ยาก อาทิ การทำบะหมี่หมูแดง ข้าวขาหมู และขนมปังเบเกอรี่ เป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชนอีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการทำกุนเชียงด้วย
ในช่วงแรกที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาตั้งในบริเวณชุมชนนั้น สร้างความกังวลให้กับชาวบ้านถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างก็มีทัศนคติทางลบต่อโรงงานเพราะคิดว่าเจ้าของโรงงานเหล่านี้ จะไม่สนใจความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่เท่ากับผลผลิตของกิจการตนเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป โรงงานได้พิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็นว่ามีการควบคุมมาตรฐานการผลิตที่ไม่สร้างผลกระทบต่อชุมชน จนเกิดเป็นความเชื่อมั่นและทำให้ทั้งสองฝ่ายเริ่มปรับตัวเข้าหากัน เหมือนสุภาษิตที่ว่า “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” โรงงานเอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในเครือของบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบรี บ่อวิน จึงกลายเป็นแหล่งรายได้ที่สร้างงานให้กับคนในพื้นที่ การค้าขายในชุมชนขยายตัวขึ้น อีกทั้งชุมชนและโรงงานยังได้สร้างสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทำให้ชาวบ้านมีความรู้สึกว่าไม่ได้ถูกโรงงานทอดทิ้ง และมีทัศนคติที่ดีต่อโรงงานมากขึ้น นางสัมฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
“สิ่งสำคัญที่สุดของการสร้างอาชีพ คือ การรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง มีความสามัคคีภายใน นอกจากนี้ ชุมชนยังต้องรู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่หยุดที่จะแสวงหาการพัฒนาใหม่ๆ ดึงจุดเด่นที่ชุมชนมีอยู่แล้วออกมาใช้ให้ได้ อีกทั้งการประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้กลุ่มอาชีพของชุมชนพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน”
ด้าน นายศิโรโรตม์ เมธมโนศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่-ทรัพยากรบุคคลและบริหาร บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป้าหมายที่ ทาทา สตีล ตั้งไว้ คือการเป็นโรงงานอันเป็นที่รักและเป็นเพื่อนแท้ของชุมชน จากการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อชุมชน ร่วมมือแก้ไขปัญหาบริเวณรอบโรงงาน รวมทั้งพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัยโดยรอบให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กลุ่มบริษัททาทา สตีล และโรงงานเอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป ตั้งใจปฏิบัติควบคู่กับการดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน สำหรับกลุ่มชุมชนแม่บ้านเกษตรกรเนินกระบกนั้น ทาทา สตีล ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมอาชีพของชุมชน ทั้งอาชีพหลัก และอาชีพเสริม รวมถึงความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การทำบัญชี การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ ตลอดจนยังได้เปิดโอกาสให้ชุมชนได้นำสินค้าเข้ามาขายในโรงงานทุกสิ้นเดือน จนทำให้ ทาทา สตีล สามารถบรรลุเป้าหมายการเป็นโรงงานที่รักและเป็นเพื่อนแท้ของชุมชนได้ในที่สุด
สำหรับชุมชนหรือผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ ส่วนสื่อสารและกิจกรรมองค์กร โทรศัพท์ 02-937-1000 หรือเข้าไปที่ www.tatasteelthailand.com
เกี่ยวกับทาทา สตีล (ประเทศไทย)
บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ "TSTH" ประกอบด้วย สามบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ("NTS") ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี บริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด ("SCSC") ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง และบริษัท เหล็กสยาม (2001) จำกัด ("SISCO") ตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กทรงยาวรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิต เหล็กแท่ง 1.4 ล้านตัน และเหล็กสำเร็จรูป 1.7 ล้านตัน ประกอบด้วย เหล็กเส้นก่อสร้าง เหล็กลวด เหล็กรูปพรรณขนาดเล็ก เหล็กเพลา และเหล็กเส้นตัดและดัดสำเร็จรูป โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ รวมถึงส่งออกเหล็กเส้น และเหล็กลวด ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
รางวัลและความสำเร็จ ในปี 2560 - 2561
•บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล “Thailand Sustainability Investment Award” (รางวัลรายชื่อหุ้นยั่งยืน) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ “Sustainability Report Award 2017” (รางวัลรายงานความยั่งยืน ปี 2560) ในระดับ “Recognition” จากสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสถาบันไทยพัฒน์
•บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล “Thailand ICT Excellence Award 2017” (รางวัลความเป็นเลิศด้าน ICT ประเทศไทย ปี 2560) ประเภทโครงการพัฒนากระบวนการหลักภายใน
•บริษัท เอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2560 ประเภทการบริหารความปลอดภัย จากนายกรัฐมนตรี
•บริษัท เอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด ได้รับรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประจำปี 2560 ระดับประเทศ และบริษัทเหล็กสยาม (2001) จำกัด ได้รับรางวัลในระดับจังหวัด
•บริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด และ บริษัทเหล็กสยาม (2001) จำกัด ได้รับรางวัล CSR – DIW 2017 จากกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม
•บริษัท เอ็น.ที.เอส. สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล “โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้มีมาตรฐานสากลเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม ปี 2560” จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม