"โรงเรียนทักษะพิพัฒน์” โดยเอสซีจี ร่วมสร้างสังคมการขับขี่ปลอดภัย ในเทศกาลสงกรานต์ แนะเคล็ดลับการขับขี่จักรยานยนต์ และรถฉุกเฉินทางการแพทย์ เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืน
CHANGE Life needs help เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม
"โรงเรียนทักษะพิพัฒน์” โดยเอสซีจี ร่วมสร้างสังคมการขับขี่ปลอดภัย ในเทศกาลสงกรานต์ แนะเคล็ดลับการขับขี่จักรยานยนต์ และรถฉุกเฉินทางการแพทย์ เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืน
โรงเรียนทักษะพิพัฒน์ โดยเอสซีจี ส่งมอบความห่วงใยแก่ผู้ขับขี่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้วยเคล็ดลับการขับขี่จักรยานยนต์ให้ปลอดภัยด้วยหลักการ 5 พร้อม ได้แก่ "ร่างกาย-จิตใจ-ชุด-รถ-เอกสาร พร้อม" และหลักการ "รู้-ลด-ให้-ไป" สำหรับผู้ขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์และรถพยาบาล ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำส่งผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีพร้อมแนะนำ "หลักการหลีกทางให้รถพยาบาลฉุกเฉิน" สำหรับผู้ขับขี่ทั่วไป เพื่อร่วมรณรงค์สร้างพฤติกรรมการขับขี่อย่างปลอดภัย อันจะนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืน
นายชลัช วงศ์สงวน ผู้บริหารโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ โดยเอสซีจี กล่าวว่า "ในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่ประชาชนนิยมเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับสู่ภูมิลำเนา ทำให้มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง โดยช่วงสงกรานต์ปี 2561 ที่ผ่านมา รายงานจากศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ระบุว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกว่า 3,724 ครั้ง สาเหตุหลักมาจาก 1.) การขับรถเร็วเกินกำหนด 2.) ดื่มแล้วขับ และ 3.) การขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ 1.) รถจักรยานยนต์ และ 2.) รถปิกอัพ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 418 ราย บาดเจ็ด 3,897 ราย ซึ่งอุบัติเหตุเหล่านี้นำไปสู่การสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
ด้วยความมุ่งหวังของโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ฯ ที่ต้องการเสริมสร้างความรู้ พัฒนาทักษะและศักยภาพด้านขับขี่ รวมทั้งสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เพื่อนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืนให้กับผู้ขับขี่ในทุกสาขาอาชีพ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความห่วงใยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วประเทศ โดยได้พัฒนาหลักสูตรสอนการขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัยสำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งปี 2558 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมหลักสูตรแล้วกว่า 3,000 คน และหลักสูตรขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์และรถพยาบาลให้กับพนักงานขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนในการเดินทาง"
ทั้งนี้ โรงเรียนทักษะพิพัฒน์ฯ ได้แนะเคล็ดลับการเตรียมความพร้อมในการขับขี่รถจักรยานยนต์ให้ปลอดภัย ด้วยหลักการ 5 พร้อม ได้แก่ 1.) ร่างกายพร้อม ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ และพักผ่อนให้เพียงพอ 2.) จิตใจพร้อม มีสติ มีสมาธิ มอง สังเกต และคาดการณ์อันตรายอยู่เสมอ ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด 3.) ชุดพร้อม สวมหมวกกันน็อค เสื้อแขนยาวสีสว่างมองเห็นชัดเจน สวมถุงมือ กางเกงขายาว และรองเท้าหุ้มส้น 4.) รถพร้อม ตรวจสอบกระบะเบรก ระบบไฟส่องสว่าง สภาพยาง สายหล่อลื่น และฟังเสียงผิดปกติของเครื่่องยนต์ 5.) เอกสารพร้อม พกใบอนุญาตขับขี่ สำเนาทะเบียน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ
นายชลัช กล่าวเสริมว่า "สำหรับหลักสูตรขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์และรถพยาบาลโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ฯ ได้ร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และกระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่าย จัดทำขึ้นตั้งแต่ปี 2558 เพื่ออบรมพนักงานขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ด้านการขับขี่และการนำส่งผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน โดยยึดหลัก รู้-ลด-ให้-ไป ซึ่งสามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิต หรือบาดเจ็บของผู้ป่วยฉุกเฉิน และผู้ปฏิบัติการในระบบการแพทย์ฉุกเฉินขณะปฏิบัติงานได้ โดยตั้งแต่เริ่มหลักสูตร ได้จัดอบรมมาแล้วมากกว่า 5,000 คน ในขณะเดียวกันก็ยังส่งเสริมและให้ความรู้ในการขับขี่เพื่อหลีกทางให้แก่รถพยาบาลฉุกเฉินควบคู่กันด้วย และสำหรับปีนี้หลักสูตรจะเริ่มเปิดอบรมในเดือนพฤษภาคม 2562"
ส่วนเคล็ดลับการเตรียมความพร้อมในการขับรถพยาบาลฉุกเฉิน ด้วยหลักการ รู้-ลด-ให้-ไป นั้น ประกอบด้วย 1.) รู้ หมายถึง รู้ว่าจะไปทิศทางไหน โดยองไกลไปข้างหน้า เพื่อเลือกช่องทางให้เหมาะสมแต่เนิ่นๆ 2.) ลด หมายถึง ลดความเร็วลงก่อนถึงทองร่วมหรือทางแยก (ความเร็วที่สามารถหยุดได้ทันกรณีฉุกเฉิน) 3.) ให้ หมายถึง ให้สัญญาณไฟเลี้ยว เพื่อบ่งบอกทิศทางที่เราจะผ่านทางแยกนั้นๆ 4.) ไป หมายถึง มองขวา - ซ้าย - ขวา เมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงจะขับผ่านไปได้
นอกจากผู้ขับขี่รถพยาบาลต้องมีการเตรียมพร้อมแล้ว สำหรับผู้ขับขี่ทั่วไปก็สามารถช่วยให้การนำส่งผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินไปถึงโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัยด้วยการหลีกทางรถพยาบาลฉุกเฉิน ดังนี้ 1.) ผู้ขับขี่ควรตั้งสติ เมื่อพบเห็นสัญญาณไฟและได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน 2.) พยายามมองกระจกหลัง เพื่อกะระยะของรถพยาบาลที่วิ่งมา 3.) พิจารณาปริมาณรถทั้งซ้ายและขวา ให้ลดความเร็วรถและเบี่ยงซ้าย เพื่อหลีกทางให้รถพยาบาลทันที 4.) หากไม่สามารถหลีกทางได้ ให้หยุดชะลอรถ เพื่อให้รถพยาบาลฉุกเฉินวิ่งผ่านไป และห้ามขับตามเด็ดขาด 5. ในกรณีที่รถติด เมื่อรถพยาบาลฉุกเฉินอยู่ด้านหลัง ให้หลบทางพร้อมเปิดไฟเลี้ยว เพื่อให้สัญญาณรถพยาบาลฉุกเฉินแซงผ่านไปได้สะดวก
นอกจากนี้ โรงเรียนทักษะพิพัฒน์ฯ ยังแนะนำการขับขี่ปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน ด้วยหลัก 3 มอง 2 ปฏิบัติ โดยหลัก 3 มอง ได้แก่ 1.) มองไกลไปข้างหน้า หมายถึง ผู้ขับขี่มองไปไกลข้างหน้า เพื่อรับรู้เหตุการณ์ต่างๆล่วงหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ขับขี่มีเวลาในการวางแผนและตัดสินใจ 2.) มองเคลื่อนไหวสายตา หมายถึง ผู้ขับขี่ต้องเคลื่อนไหวสายตาไปมาทุก 2 วินาที เพื่อให้สามารถมองเห็นอันตรายต่างๆ ได้อย่างชัดเจน และเลือกตัดสินใจในการหลับหลีกอันตราย 3.) มองภาพโดยรอบ หมายถึง ผู้ขับขี่ต้องมองภาพโดยรอบรถ เพื่อรับรู้อันตรายต่างๆ ที่มาจากด้านข้างและด้านหลัง โดยตรวจสอบกระจกทุกบาน ทุกๆ 5-8 วินาที และหลักการ 2 ปฏิบัติ ได้แก่ 1.) เว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม หมายถึง ผู้ขับขี่จะต้องหาพื้นที่ว่างรอบตัวในขณะขับรถอยู่เสมอ เลือกช่องทางจราจรที่ลื่นไหล เว้นระยะห่างจากรถคนหน้าอย่างน้อย 4 วินาที รวมทั้งการหยุดรถ ให้เว้นห่างเห็นล้อหลังของรถคันหน้าเพื่อสามารถเลี้ยวออกได้ทันที เมื่อรถคนหน้าเกิดเหตุฉุกเฉิน และ 2.) ก.ส.ม.ป.(มองกระจกให้สัญญาณ มองข้ามไหล่ และปฏิบัติ) หมายถึง เมื่อผู้ขับขี่มองและสังเกตเห็นอันตราย วางแผนและตัดสินใจหลบหลีกแล้ว ให้ใช้เทคนิค ก.ส.ม.ป. ในการหลบหลีก ด้วยวิธีนี้ผู้ขับขี่จะต้องมองกระจกเพื่อตรวจสอบรถที่มาจากด้านข้างและหลัง จากนั้นให้สัญญาณไฟเลียวเพื่อเตือน และให้มองข้ามไหล่เพื่อกำจัดจุดบอด เมื่อเห็นว่าปลอดภัยค่อยเปลี่ยนทิศทางของรถ เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และเสียชีวิตได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ นายแพทย์ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน(สวปถ.) กล่าวว่า "อัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนของไทยปัจจุบันขึ้นอันดับ 1 ใน 10 ของโลก โดยเฉพาะสถิติอัตราการเสียชีวิตจากมอเตอร์ไซค์ยังคงเป้นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งปัญหาอุบัติเหตุทางท้องถนนเป็นปัญหาระดับชาติมาเป็นเวลานาน แม้ว่าจะมีความพยายามในการรณรงค์จากหน่วยงานต่างๆ เช่น การรณรงค์การสวมหมวกกันน็อค ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์ความปลอดภัยทางท้องถนน ซึ่งการขับขี่อย่างปลอดภัยต้องไม่ใช่แค่ขับได้ แต่ต้องขับเป็น และคำนึงถึงองค์ประกอบด้านความปลอดภัยหลายๆ ประการ โดยเฉพาะสตินการขับขี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด การฝึกอบรมเรื่องการขับขี่ปลอดภัยของโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ฯ จึงถือว่ามีความจำเป็นและเป็นประโยชน์สำหรับคนขับรถบนท่้องถนนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการจัดอบรมเรื่องการขับขี่รถจักรยานยนต์ และการขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์และรถพยาบาลที่มีมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยสร้างพฤติกรรมการขับขี่ปลอดภัย และช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อย่างยั่งยืน"
ผู้สนใจหลักสูตรการขับขี่ต่างๆ ของโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ (Skills Development School) โดย เอสซีจี สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-816-5624 ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-18.00 น. หรือ www.facebook.com/scg.skills