ประธานกรรมการบริษัทชาญอิสสระฯ “ศรีวรา อิสสระ” “เหนือกว่าประชาธิปไตย คือความดีและความถูกต้อง”

ประธานกรรมการบริษัทชาญอิสสระฯ “ศรีวรา อิสสระ” “เหนือกว่าประชาธิปไตย คือความดีและความถูกต้อง”

 

 

 

 

เรื่อง : สุทธิคุณ  กองทอง  ภาพ  :  อภิชาติ สุคุณณี
 
 
ประธานกรรมการบริษัทชาญอิสสระฯ
“ศรีวรา อิสสระ”
“เหนือกว่าประชาธิปไตย คือความดีและความถูกต้อง”
 
 
ตัวแทนนักธุรกิจหญิงแกร่งแห่ง “ชาญอิสสระ” ออก มาเป็นแกนนำต่อต้านระบอบทักษิณที่มีการคอรัปชั่น กระทำผิดต่างๆ และไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ย้ำเตือนสังคมถึงหน้าที่ของพลเมืองต่อชาติบ้านเมือง
 
 
ภาย หลังกระโดดขึ้นรถปราศรัยจนเป็นฮีโร่แห่งถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ศรีวรา อิสสระ ประธานกรรมการบริษัทชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด ( มหาชน ) เรียกว่าเป็นผู้หญิงใจนักเลงจนกลายเป็นขวัญใจคนไทยรักชาติไปแล้ว เปิดใจกับ Who? ถึงการออกมาร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในทุกประเด็นร้อน“เหนือกว่าประชาธิปไตย คือความดีและความถูกต้อง”
 
//ทำไมจึงว่าครั้งนี้ร้ายแรงที่สุด?
ย้อนกลับไป คุณศรีวรา เคยเข้าร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลมาหลายครั้งแล้วรวมถึงรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในครั้งนี้“เมื่อ เห็นความไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม พี่ก็มักจะออกมาร่วมแสดงจุดยืน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ร้ายแรงที่สุด จะเรียกว่าเป็นแกนนำก็เป็นการให้เกียรติกันเกินไป เพราะแกนนำจริงๆเสียสละและเหนื่อยยากกว่าเรามาก เราเพียงแค่ริเริ่มให้ชาวถนนเพชรบุรีและข้างเคียงออกมาร่วมคัดค้านระบอบ ทักษิณ เราประทับใจความพร้อมเพรียงของชาวสีลมและอโศก  เราเองไปร่วมชุมนุมมาโดยตลอด รู้ว่ามีคนอีกมากที่คิดเหมือนเราแต่ยังไม่เคยออกไปร่วมเลย จึงอยากจะกระตุ้น ‘ไทยเฉย
 
"ให้ออกมาแสดงจุดยืน เพราะการต่อสู้กับรัฐบาลแบบสันติอหิงสาด้วยมือเปล่าๆและนกหวีด จำต้องอาศัยจำนวนคนเป็นสำคัญ พี่ประชุมกับเพื่อนและพนักงานตอนเที่ยง ออกbanner เชิญชวนพรรคพวกตอน 5 โมงเย็นให้ออกมารวมพลังกันเวลา 11 โมงเช้าวันรุ่งขึ้นไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนมาร่วมจำนวนเท่าใดเพราะมีเวลาส่ง ข่าวสั้นมาก ก่อนกลับบ้านคืนนั้นเดินแจกใบปลิวข้างถนนเอกมัย มีคนกดมือถือโชว์ bannerให้ดู จึงรู้ว่า social media ช่วย ได้มาก เช้ารุ่งขึ้นมีคนมารอร่วมขบวนมากมาย และรอต้อนรับขบวนตลอดเส้นทาง ตั้งใจจะใช้ถนนเพียงหนึ่งเลนเพื่อไม่กีดขวางจราจร ปรากฏว่าพวกที่รออยู่ข้างหน้าเขาปิดถนนกันไปเรียบร้อยแล้ว มีขบวนมอเตอร์ไซด์วิ่งนำเป็นร้อยๆคัน ต่างคนต่างมา ถึงบอกว่าเราไม่ได้ทำอะไรมาก หากชาวไทยรักชาติเขาพร้อมที่จะออกมาต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง รัฐบาลพร่ำพูดแต่คำว่า ประชาธิปไตย ซึ่งพวกเราก็รู้ว่ามันเป็นประชาธิปไตยปลอม ประชาธิปไตยจริงก็ย่อมต้องอยู่ในกรอบของความถูกต้องดีงาม การแสดงพลังประชาชนก็เป็นการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย
 
“ได้ยินผู้ที่โปรประบอบทักษิณพูดเสมอว่าไม่ว่านักการเมืองพรรคไหนมาบริหารประเทศก็ โกงกินกันทั้งนั้น แต่ระบอบทักษิณยังรู้จักแบ่งปันให้ประชาชน คิดถึงคนรากหญ้า โครงการต่างๆช่วยให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต สำหรับพี่ คอร์รัปชั่นเป็นเรื่องไม่ถูกต้องและสมควรแก้ไข ตราบใดที่นักการเมืองต้องลงทุนซื้อเสียงเพื่อให้ได้ตำแหน่ง เขาก็ต้องหาทางถอนทุนคืน พี่เห็นว่าการปกครองด้วยหลักธรรมาภิบาลและยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะช่วยแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นได้ เศรษฐกิจก็สามารถเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างมั่นคง ประชาชนจะมีความสุข มั่นใจวางใจนักการเมืองผู้ทรงเกียรติ(จริงๆ)ได้ คอร์รัปชั่น ในระบอบทักษิณเฟื่องฟูระบาดและรุนแรงที่สุด หากคอร์รัปชั่นในรัฐบาลอื่นๆตั้งแต่สมัยดั้งเดิมเหมือนขี้จิ้งจก คอร์รัปชั่นในยุคนี้อาจเปรียบเสมือนกองขี้ช้างทั้งโขลงรวมกัน ที่เคยทำกันอย่างหลบๆซ่อนๆไม่สลับซับซ้อน ยุคปัจจุบันมีทุกประเภททั้งที่เป็นกลไกสลับซับซ้อนติดตามได้ยาก ทั้งที่เป็นระดับนโยบายของประเทศ จนถึงขอกันซึ่งๆหน้าไม่ต้องอายไม่ต้องเกรงใจกัน
 
"ระบอบทักษิณเน้นนโยบายประชานิยมจนได้เสียงท่วมท้นในสภา หากในที่สุดแล้วกลับก่อให้เกิดผลร้ายต่อประเทศชาติและประชาชน เราต้องศึกษาวิเคราะห์ติดตามให้ถ่องแท้ หนี้สินประชาชนและประเทศพอกพูน นโยบายประชานิยมไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาพื้นฐานของประเทศในระยะยาว หากได้ใจชาวบ้านสุดๆรัฐบาลมีเจตนาและกล้าที่จะแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญให้เอื้อประโยชน์ส่วนตนและนำมาซึ่ง อำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารประเทศ การแก้ไขที่มาของส.ว.ด้วยกลโกง แก้ไขพ.ร.บ.มาตรา190ให้อำนาจเบ็ดเสร็จในการทำสนธิสัญญากับนานาประเทศไม่ว่าจะเรื่องเขตแดนหรือสัมปทานทรัพยากรธรรมชาติ พ.ร.ก. กู้เงิน 2 ล้านล้านนอกระบบงบประมาณทำให้ไม่ต้องผ่านการเห็นชอบของรัฐสภาและยากต่อการ คัดค้านตรวจสอบ คนกู้ใช้จ่ายเงินสบาย เอาไปใช้อะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่คนที่ต้องรับภาระหนี้สินและต้องชดใช้ คือ พวกเราชาวไทยและลูกหลานของเรา
 
//NOW OR NEVER
"การเล่นพวกพ้องเป็นไปอย่างโจ่งแจ้ง เอาคนที่ตนสั่งการได้ไปกุมตำแหน่งสำคัญๆของประเทศ โยกย้ายข้าราชการประจำรัฐวิสาหกิจตามอำเภอใจ ข้าราชการดีๆถือหลักการเป็นสำคัญถูกกลั่นแกล้ง แทรกแซงองค์กรอิสระ ทำลายระบบตรวจสอบถ่วงดุลย์อำนาจ แทรกแซงสื่อ สนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงที่ชอบความรุนแรง พี่เห็นว่าการสร้างความแตกแยกในสังคมเป็นบาปมหันต์ คุณธรรมจริยธรรมค่านิยมและคุณภาพการศึกษาตกต่ำ เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาใหญ่และหนัก แต่ที่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้คนออกมาต่อต้านรัฐบาล คือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มีเจตนาล้างผิดให้คุณทักษิณซึ่งหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ แต่ยังคงเป็นผู้สั่งการชักใยการบริหารประเทศของเรา และการที่คนในพรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เสมือนว่าบ้านเมืองเราไม่มีขื่อมีแปอีกต่อไป รัฐบาลขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ในความเห็นของพี่นั้น  หากระบอบทักษิณยังคงอยู่ ประเทศไทยจะไม่ใช่ประเทศที่ชาวไทยทุกคนสามารถดำรงอยู่อย่างมีสิทธิเสรีภาพ เท่าเทียมกันอีกต่อไป หากจะตกอยู่ในอำนาจเบ็ดเสร็จของตระกูลชินวัตรและพวกพ้อง”
 
“พี่ไม่เชื่อใครง่ายๆ ได้ยินได้ฟังอะไรมาเรื่องความไม่ถูกต้องชอบธรรมก็จะต้องศึกษาหาข้อมูลเพื่อ ให้ได้ข้อเท็จจริง โชคดีว่ารู้จักคนมากพอที่จะได้ข้อมูลจาก primary source หรือ ผู้ที่รู้ข้อมูลเบื้องลึก ซึ่งต้องเป็นคนที่เราไว้วางใจในสติปัญญาและคุณธรรม แล้วพี่มักจะตรวจสอบความคิดเห็นกับผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้ใหญ่ที่เราเคารพ สำหรับเรื่องนี้ทุกๆคนคิดตรงกันทั้งสิ้นว่า บัดนี้ภัยจากระบอบทักษิณร้ายแรงและเป็นอันตรายที่สุดแล้ว และถ้าเราชาวไทยไม่ช่วยกันออกมารวมพลังต่อต้านระบอบทักษิณและฝ่ายต่อต้าน พ้ายแพ้ในครั้งนี้ โอกาสที่จะต่อต้านในอนาคตคงเป็นไปได้ยาก ดัง Slogan ที่มีคนคิดขึ้นว่า NOW OR NEVER มันไม่ได้เกินจริงนะคะ”
 
 
//เชื่อใจคุณสุเทพหรือรู้จักเป็นส่วนตัวหรือไม่
“พี่รู้จักคุณสุเทพ ได้เคยพูดกันนานๆครั้ง เพราะลูกๆของพี่เป็นเพื่อนรักกับลูกคุณสุเทพและคุณศรีสกุล และลูกเราก็เป็นเพื่อนกับเอมลูกคุณทักษิณ หรือแม้แต่สิงห์ลูกคุณวีระก็เป็นเพื่อนรักลูกเรามาตั้งแต่เด็ก  ขอบอกว่า การต่อต้านระบอบทักษิณทำด้วยใจของพลเมืองดีที่รักชาติ ไม่เคยมีปัญหาส่วนตัว ไม่มีเรื่องพรรคพวก ไม่ใช่ด้วยความรักความชังฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด พี่ไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคใด พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน หรือสุดท้ายเปลี่ยนโฉมเป็นเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลพี่รับไม่ได้แน่นอน แต่ก็ใช่ว่าพี่จะโปรพรรคประชาธิปปัตย์ พี่ไม่เป็นเสื้อแดงแน่นอน แต่พี่ก็ไม่ใช่เสื้อเหลือง วันนี้พี่ออกมาเลือกข้างระหว่างความถูกต้องและความไม่ถูกต้อง พี่ชอบคำพูดของดร.จักรว่า เพียงเพราะคุณสุเทพเดินออกมาก่อน จึงเดินตามมา ไม่ว่าจะเป็นหมูหมากาไก่เดินนำออกมา เราก็พร้อมใจกันเดินออกมา เพราะใจมันตรงกัน อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เวลานี้พี่เชื่อว่าคุณสุเทพทุ่มสุดตัวด้วยความจริงใจ ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินด้วยการรักษาชาติบ้านเมืองไว้ โดยไม่ได้หวังประโยชน์ส่วนตน”
 
//ไม่มีกลางระหว่างผิดกับถูก
“คุณอนันต์ ปันยารชุนกล่าวว่า ไม่มีกลางระหว่างความผิดและความถูกต้อง ท่านเลือกข้างเสมอโดยหวังว่าท่านจะไม่เลือกข้างที่ผิด ยังมีคนอีกมากอ้างว่าเป็นกลาง จริงๆแล้วต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่าคุณไม่ออกมาเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะเป็นกลางแน่ หากเพราะคุณไม่ใส่ใจและไม่เข้าใจเหตุการณ์บ้านเมือง เป็นไทยเฉยโดยเนื้อแท้ หรือคุณพอใจรัฐบาลจนไม่สนใจว่า คนเขาออกมาประท้วงกันมากมายเพื่ออะไร ทั้งราชบัณฑิตและสถานบันการศึกษาสำคัญๆ ทั้งครูอาจารย์ ทั้งแพทย์พยาบาล และทุกสายอาชีพตลอดจนอดีตผบ.ทหารและตำรวจทุกเหล่าทัพ หรือคุณได้รับประโยชน์จากรัฐบาลชุดนี้และไม่อยากจะเสียไป หรือคุณไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลชุดนี้ แต่เห็นมีคนออกไปต่อต้านแทนแล้วก็ดีไป หรือคุณไม่กล้าออกมาเพราะกลัวอิทธิพล เกรงจะนำปัญหามาสู่ตัว ซึ่งคุณก็ต้องยอมรับอย่างจริงใจว่า คุณเห็นแก่ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม มันเป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ทุกคนควรรู้ว่าคุณคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ การกระทำของคุณมีผลแน่นอนต่อชาติบ้านเมือง จะเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาหรือจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา”
 
//เหมือนคนธัมมะธัมโม มากกว่าเป็นนักประท้วง
“มีคนบอกว่าพี่เหมือนแม่ชี ซึ่งก็คงมาจากผมขาวสั้นกุดนั้นเอง ความจริงแล้วพี่ชอบที่มันสะดวกสบาย อย่างไรก็ตามพี่ก็ปฎิบัติธรรมและรักษาศีล 5 โดยเคร่งครัดมานานแล้ว นั่นเป็นการปฎิบัติดีต่อตนเองซึ่งจะส่งผลดีต่อคนรอบข้างด้วย แต่เราก็มีหน้าที่ต่อชาติบ้านเมืองด้วย การฝึกปล่อยวางไม่ใช่การนิ่งดูดาย หากช่วยให้เราใช้สติวิเคราะห์เหตุปัจจัยก่อนตัดสินใจว่าเราควรทำอะไร ไม่ใช่ทำตามอารมณ์ที่ชักนำด้วยกิเลสโลภโกรธหลง พยายามรักษาการกระทำ วาจา และความคิดของเราให้ดี พยายามมีเมตตาต่อผู้ที่คิดเห็นแตกต่าง แม้จะมาไล่รัฐบาลนี้ให้ออกไป ก็ไม่ใช่ไล่ด้วยความโกรธความเกลียด แต่ไล่ด้วยเหตุผลที่ไตร่ตรองดีแล้วว่า เขาต้องลาออก”
 
//สื่อเสนอข่าวบิดเบือน
“โดยจรรยาบรรณแล้ว สื่อจะต้องเสนอข่าวอย่างเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ใจจะฝักใฝ่ก็ย่อมได้เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ในการทำงานต้องเสนอข่าวโดยปราศจากอคติ และให้ความสำคัญตามลำดับความสำคัญของเหตุการณ์ เห็นได้ชัดว่าทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์หลายฉบับหลายช่องไม่เป็นกลาง ไม่ใช่แค่บิดเบือนข่าว หากเลือกข้างเลยทีเดียวอย่างไม่น่าเชื่อ ในยุคนี้สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา ปกติบ้านพี่ดู UBC ตอนนี้ต้องติดจานดาวเทียมเพื่อดู Blue Sky ถ้าไม่ได้ดู Blue Sky ก็ แทบไม่รู้เรื่องรู้ราวรู้เหตุการณ์จริงๆ เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ได้ออกไปชุมนุม ก็จะไม่มีวันเข้าใจบรรยากาศ เรื่องราวและส่วนประกอบทั้งหมดของการชุมนุม แล้วก็ดูช่องพวกเสื้อแดงด้วยว่าเขาพูดอะไร คิดเห็นอย่างไร
 
"สื่อยักษ์ใหญ่ต่างประเทศก็เป็นเช่นเดียวกับสื่อในประเทศ บิดเบือนให้เป็นปัญหาของคนกรุงเทพ หรือบ้างก็ว่าเป็นปัญหาของคนชั้นสูงที่มีการศึกษา หรือเป็นปัญหาการแบ่งพวกตามภาค ปัญหาเรื่องชนชั้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ระบอบทักษิณใช้มาตั้งแต่ต้น เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้กับบ้านเมืองเรา เราก็รู้แล้วว่า ต่อไปนี้เราเชื่อข่าวมากไม่ได้ ต้องฟังหูไว้หู พี่ได้ข้อมูลอยู่แล้วว่าคุณทักษิณและรัฐบาลใช้ lobbyist ซื้อ สื่อต่างประเทศ ข่าวจึงบิดเบือนได้ขนาดนั้น แล้วพี่ยังมีประสบการณ์ตรงด้วย เพราะเพิ่งให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์รอยเตอร์ไปเมื่อไม่นานนี้ เจตนาก็เพื่อจะช่วยชี้แจงความจริงให้โลกตะวันตกรู้ พี่ถามนักข่าวฝรั่งเรื่องสื่อฝรั่งถูกซื้อ เขาก็ว่าเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่เขา และเขาจะเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา เราก็อุตส่าห์ให้เขาสัมภาษณ์นานถึง 2 ชั่วโมง
 
"แต่เขากลับเขียนว่าการออกมาชุมนุมของพี่ คือส่วนหนึ่งของโครงการ CSR หรือ ความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทเราเท่านั้น นักข่าวคนนี้ได้สัมภาษณ์ปาลาวีลูกสะใภ้ของพี่ คุณเพชร โอสถานุเคราะห์ และน้องตั๊น จิตภัสร์ด้วย ข่าวที่ออกมาถูกบิดเบือนให้เป็นว่าชนชั้นสูงมีการศึกษาออกมาประท้วงรัฐบาล และกล่าวหาผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลว่าเป็นชนชั้นล่างที่ยากจนและไม่มีการศึกษา เสมือนไปดูถูกเขา หนังสือพิมพ์ในประเทศที่โปรรัฐบาลก็รีบนำข่าวรอยเตอร์ไปเสนอต่อทำให้ดูน่า เชื่อถือ จนพ่อของน้องตั๊นต้องออกมาขอโทษเรื่องการให้ข่าวที่ไม่เหมาะสมของลูกสาว และให้ลูกสาวเปลี่ยนนามสกุล ทั้งคุณเพชร ลูกสะใภ้ของพี่และตัวพี่เองยืนยันได้ว่านักข่าวคนนี้มีเจตนาไม่ดี บิดเบือนข่าวอย่างมาก พี่ไม่ได้สอบถามตั๊นเอง แต่ก็เชื่อว่าคงเป็นกรณีเดียวกัน และตั๊นซึ่งตั้งใจจะมารับใช้ประชาชนก็คงไม่โง่พอที่จะพูดอะไรให้สะเทือนใจใคร”
 
นี่เป็นการต่อสู้ของกลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มไฮโซในกรุงเทพฯ?“นักข่าวรอยเตอร์ถามว่าทำไมนักธุรกิจอย่างเราและพวกไฮโซในกรุงเทพจึงออกมากัน มากมายเพื่อประท้วงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเสียงข้างมากในระบอบ ประชาธิปไตย พี่ก็เน้นว่าพวกที่มาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและระบอบทักษิณนั้นมาจากคนทุกสาย อาชีพและทุกภาคส่วนของประเทศ มารวมพลังกันด้วยหัวใจบริสุทธิ์ที่รักชาติ เป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นการชุมนุมที่น่ารักที่สุด เต็มไปด้วยมิตรจิตมิตรใจและรอยยิ้ม ที่คุณบอกว่าส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ ก็ขอบอกว่าคนกรุงเทพฯเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของผู้มาชุมนุม และคนกรุงเทพฯรู้สึกซาบซึ้งในความเสียสละของคนต่างจังหวัดเพราะพวกที่อยู่ ที่ราชดำเนินตลอดวันตลอดคืน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มาจากต่างจังหวัด เขาอยู่ยืนพื้น ไปไหนไปกัน คนกรุงเทพฯอย่างพี่อยู่ไม่กี่ชั่วโมง ก็กลับไปนอนสบายที่บ้านแล้ว เวลาเราลากลับ เขาจะบอกว่า แล้วมาอีกนะ ช่วยมาเปลี่ยนเวรกันบ้างนะ
 
“เพื่อให้รู้แน่ว่าอะไรเป็นอะไร พี่จะทักทายถามไปเรื่อยๆว่าคุณมาจากจังหวัดไหน ทำงานอะไร มากันกี่คน มาอย่างไร มารถกี่คัน มากี่วัน ใครจัดรถให้ จะพบผู้คนมาจากทุกภาคทุกอาชีพ บ้างก็มากลุ่มเล็กๆ บ้างก็มากันเป็นขบวนรถเลย เขาตอบอย่างภูมิใจว่า เราจัดรถมากันเอง ลงขันคนละ 1,000 บาท แล้วยังเอาเงินมาบริจาคให้กำนันสุเทพด้วย บางกลุ่มก็มา 2-3 ครั้ง ครั้งละ 3-4 วัน นอนมันบนถนนนั่นแหละ ที่ประทับใจคือผู้หญิงคนหนึ่งมีโรงงานเย็บโซฟาหนังที่ชะอำ เข้ามาผ่าตัดไทรอยด์ที่บำรุงราษฎร์ ออกจากโรงพยาบาลก็แวะมาดูเหตุการณ์ชุมนุม แล้วก็เลยปักหลักร่วมประท้วงต่ออีกหลายวันด้วยเหตุผลที่ว่า สงสารคนที่มาชุมนุม ทิ้งเค้าไม่ลง  ลูกสาวสวย 2 คนทำงานในกรุงเทพต้องมาประคบประหงม่ในที่ชุมนุม สังเกตได้ว่าชาวเชียงใหม่มักจะรีบประกาศตัวเลยว่าเขามาจากไหน เขาบอกว่าคนเชียงใหม่ส่วนมากต่อต้านระบอบทักษิณแต่ยังไม่ค่อยกล้าชุมนุม เพราะคนเสื้อแดงที่นั่นเขาแรง
 
“ที่นักข่าวรอยเตอร์ว่าผู้ชุมนุมส่วนมากเป็นกลุ่มนักธุรกิจ พี่ก็บอกเขาว่า บอกตามตรงนะว่า มีนักธุรกิจอีกมากที่ไม่เห็นด้วยแต่ไม่อยากออกมาแสดงตัว ไม่มีนักธุรกิจคนไหนอยากประกาศตนเป็นศัตรูกับรัฐบาลหรอก เพราะมันอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ทำให้ชีวิตยุ่งยาก พี่เองก็ห่วงอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่ห่วง พี่และสามีปรึกษากัน เห็นว่าเราต้องต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความอยู่รอดของประเทศ ประเทศชาติดีธุรกิจเราก็อยู่ได้ ประเทศชาติอับปาง ธุรกิจก็คงอับปางด้วย”
 
//ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
“สิ่งที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบันเรื่องสังคมเรื่องการเมือง มันผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่ควรเป็น ผู้คนมากมายยอมทำผิด หมดศักดิ์ศรีเพื่อเงิน ตำแหน่งและอำนาจ ความเกรงกลัวและละอายต่อบาปมันหายไปไหนหมด  รัฐบาลกล้าแถลงการณ์เท็จโกหกประชาชนอย่างที่สุดเรื่องจำนวนผู้มาชุมนุม กล้าประกาศว่าผู้ออกมาประท้วงเป็นกบฏของประเทศ ทั้งๆที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถึง 2 ครั้งแล้วว่าการชุมนุมต่อต้านด้วยความสงบถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย ตำรวจไม่ทำหน้าที่ของตำรวจ แต่กลับทำร้ายประชาชนผู้เสียภาษีจ่ายเงินเดือนให้คุณ นักการเมืองมีอำนาจใหญ่คับฟ้าชี้เป็นชี้ตาย เข้าสภาไปแก้กฎหมายหาประโยชน์ให้พวกตน มาดำรงตำแหน่งการเมืองในวาระ 4 ปี แต่ใช้สิทธิ์ไปในทางมิชอบ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ รวมถึงรัฐวิสาหกิจ  ตลอดจนองค์กรอิสระตามใจชอบ จริงๆแล้วพวกข้าราชการย่อมรู้ซึ้งดีกว่าประชาชนธรรมดา บ้างก็พลอยเป็นพวกยอมรับใช้เพื่อให้ได้ตำแหน่งและได้ประโยชน์ ส่วนพวกที่ไม่เห็นด้วยแต่ไม่กล้าแสดงออกเพราะความกลัวจะถูกลงโทษหรือถูก กลั่นแกล้งก็มากเหลือเกิน  ท่านทูตข้าราชการระดับสูงยิ่งผู้เคยดำรงตำแหน่งทูตไทยประจำสหรัฐถูกย้ายลด ระดับไปเป็นทูตที่เกาหลี เท่านั้นยังไม่พอ ยังย้ายต่อให้ไปอยู่ประเทศลิเบีย นักการเมืองแสดงอำนาจคุกคามให้ข้าราชการคนอื่นๆดู จริงๆแล้วข้าราชการที่เห็นว่าการกระทำนี้ขาดความเป็นธรรมและผิดหลักการ ปกครองที่ดี น่าจะรวมตัวกันต่อต้านรัฐมนตรีเช่นนี้ เพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของข้าราชการทั้งมวล
 
“พี่ถามเพื่อนที่รับราชการที่กระทรวงต่างประเทศในตำแหน่งสูงว่าเขาเคยออกมาร่วม ประท้วงหรือไม่ เพราะปกติเขาเป็นคนเก่งที่กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา และเขาก็รับรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ แต่เขากลับบอกว่าเขาออกมาไม่ได้ เพราะมีคำสั่งไม่ให้ข้าราชการออกมาร่วมประท้วง เขายังจำเป็นต้องรักษาเนื้อรักษาตัวไว้ก่อน ทั้งๆที่เขาเป็นโสดและมีฐานะส่วนตัวดี เขาก็ยังไม่กล้าออกมา ทำให้พี่รู้สึกละเหี่ยใจ  พี่นับถือคุณถวิล เปลี่ยนศรีซึ่งถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์โยกย้ายจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคง ไปนั่งตบยุงเฉยๆ เพื่อเปิดโอกาสให้พวกพ้องเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญๆ คุณถวิลจึงฟ้องร้องเพื่อความเป็นธรรมและกอบกู้ศักดิ์ศรีของท่านคืนมา และกล้าที่จะมาขึ้นเวทีราชดำเนินเชิญชวนให้ข้าราชการกล้าออกมาแสดงจุดยืน ร่วมกับมวลมหาประชาชน พี่ไม่รู้จักท่านรวมถึงท่านทูตลิเบียด้วย แต่ก็ได้หาข้อมูลจนรู้แน่ชัดว่าท่านเป็นคนดี คนเก่ง คนตรง และไม่เคยบกพร่องในหน้าที่การงาน
 
“นักข่าวรอยเตอร์ยอมรับว่านักการเมืองซื้อเสียงและคนต่างจังหวัดจำนวนมากต้องลงคะแนนตามคำ ชี้แนะของผู้มีอิทธิพลประจำท้องถิ่น พี่จึงถามว่านี่หรือคือประชาธิปไตย ประชาธิปไตย คือการที่ทุกคนมีสิทธิโดยชอบที่จะเลือกผู้แทนของตนไปทำหน้าที่ในสภาด้วยการ ไตร่ตรองและด้วยวิจารณญาณของตน ซึ่งหากเป็นไปโดยสุจริต คนเราย่อมต้องการที่จะเลือกคนดี คนเก่งมีวิสัยทัศน์ มีจิตวิญญาณเพื่อประเทศชาติและสังคมส่วนรวมไปบริหารประเทศ ซึ่งผู้สมัครลงเลือกตั้งจำนวนน้อยมากที่มีคุณสมบัติดังกล่าว คนที่จะมาทำงานการเมืองควรจะเป็นคนที่ได้รับการบ่มเพาะมาแต่เล็กแต่น้อยให้ มีจิตสาธารณะและมีคุณธรรมประจำใจ ต้องการจะทำประโยชน์เพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง หรือต้องการเสวยอำนาจ ผู้มีตำแหน่งสูงมากคนหนึ่งในรัฐบาลชุดนี้ได้พูดกับข้าราชการชั้นผู้น้อยว่า คุณน่าจะเลือกเรียนด้านธุรกิจ ทำธุรกิจสักพักแล้วเล่นการเมือง คุณก็จะได้สายสะพายง่ายๆ คุณรับราชการอย่างนี้ไม่รู้ว่าจะต้องดักดานไปอีกนานเท่าไหร่ ชาตินี้จะมีโอกาสได้สายสะพายหรือเปล่าก็ไม่รู้
 
"ส่วนคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และเข้าสู่การเมืองด้วยความสุจริตใจก็มักจะอยู่ไม่รอด มันเหนื่อยที่จะเป็นคนดีในหมู่คนไม่ดี วิถีการเมืองและการเป็นสส. ควรได้รับการปฎิรูป ถึงหน้าเลือกตั้งก็ไม่ต้องมาติดป้ายกันเปรอะไปหมด ทับกันไปมา รกตา และเพิ่มขยะโลกโดยไม่จำเป็น บ้านเมืองควรจัดให้ผู้สมัครทุกพรรคได้พบประชาชนเพื่อแถลงนโยบายแล้วปล่อยให้ ตัดสินใจเองว่าพอใจนโยบายของใคร ผู้สมัครไม่ต้องลงทุนค่าป้าย ไม่ต้องซื้อเสียง ไม่ต้องเจียดเงินมาใส่ซองทำบุญงานศพ งานแต่ง งานวัด แต่ให้ลงทุนแรงกายแรงใจแรงสมองและเวลาให้เต็มที่ เพื่อทำงานรับใช้บ้านเมืองโดยสุจริต ประชาชนควรเป็นผู้สนับสนุนผู้ที่เป็นตัวแทนของตนให้ได้ทำหน้าที่อย่างเต็ม ที่ด้วยดี และไม่ต้องลำบากทางการเงิน
 
"ในที่ประท้วงพี่ได้คุยกับกลุ่มคนศรีสะเกษและอุดรธานีที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เขาบอกว่าคนเฒ่าคนแก่ที่บ้าน กำนันผู้ใหญ่บ้านบอกให้เลือกใคร เขาก็เลือกคนนั้น สส.คนไหนถือซองมาร่วมงานศพงานบวช เขาก็รักแล้ว เห็นว่าเป็นคนดีมีบุญคุณกับเขา เขาเอาจานดาวเทียมมาติดให้ดูช่องแดงก็ดูกันทั้งวัน ลูกหลานบอกว่าคนนี้ไม่ดีโกงกินชาติ พ่อแก่แม่แก่ก็ว่าเขาดี ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขในเร็ววัน เป็นปัญหาสั่งสมเพราะความผิดเพี้ยนของทั้งระบบซึ่งสมควรได้รับการปฎิรูป และการปฎิรูปจะต้องทำเป็นอิสระ ไม่ใช่ภายใต้ร่มเงาของรัฐบาลที่หมดความชอบธรรมแล้ว ดังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญการเลือกตั้งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบอบ ประชาธิปไตย และเสียงที่โหวตเลือกสส. เป็นการแสดงสิทธิ์ของประชาชนในวันเลือกตั้งเท่านั้น น้องเพชรชมพู นักศึกษามหาวิทยาลัยปี2 ที่ประเทศอังกฤษขึ้นเวทีราชดำเนินบอกว่า ที่รัฐบาลบอกเสมอว่าเป็นตัวแทนของประชาชนเสียงข้างมาก หากเสียงเหล่านั้นไม่ใช่ใบอนุญาตให้คุณเข้ามาทำผิดอะไรก็ได้ หากมีการเลือกตั้งก่อนการปฎิรูป วงจรอุบาทว์ก็จะกลับมาอีก ซึ่งเราจะยอมไม่ได้ พี่ชื่นชมน้องเพชรชมพูมาก นี่เป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่จะสามารถทำหน้าที่ให้ชาติบ้านเมืองได้ดี”เธอยืนยันว่าตัวเธอเองออกมาเคลื่อนไหวทั้งที่ไม่ชอบการเมือง และไม่มีความคิดที่จะลงเล่นการเมืองด้วย
 
//พุทธปัญญาช่วยแก้ไขปัญหาสังคม
คุณศรีวรา อายุ 63 ปี จบเศรษฐศาตร์บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ1 จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท Master of Business Administration (MBA) มหาวิทยาลัย Indiana สหรัฐอเมริกา และประกาศนียบัตรหลักสูตร Director Accreditation Program (DAP) สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เคยเป็น Senior Oil Economist บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย เป็น Assistant Vice President  ธนาคาร ซิตี้แบงค์ ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการ บริษัทชาญอิสสระ ดิเวล็อปเมนท์จำกัด (มหาชน) และเป็นกรรมการคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิปัญญาประทีป มูลนิธิปิ่มสาย เป็นนักเขียน นักแปล และผู้จัดปฎิบัติธรรม
นอกจากนี้น้องสาว คือ บุปผาสวัสดิ์ รัชชตาตะนันท์  (ครูอ้อน) ได้ก่อตั้งโรงเรียนทอสี โดยได้รับการสนับสนุนจากบิดา มารดา (ดุษฎี-ทอสี สวัสดิ์-ชูโต) และครอบครัวพี่สาว เป็นโรงเรียนระดับอนุบาลและประถมศึกษาที่นำพุทธปัญญามาใช้ในการศึกษา
 
“ครอบครัวน้องสาว ครอบครัวพี่ และคุณแม่ เห็นพ้องกันถึงปัญหาระบบการศึกษาของประเทศซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างคนให้ เป็นมนุษย์ที่ดีงาม มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคม และต่อประเทศชาติ การศึกษาที่ดีจะช่วยแก้ไขปัญหาพื้นฐานของประเทศ แม้จะเป็นระยะยาวแต่ต้องมีจุดเริ่มต้น เราเห็นว่าพุทธปัญญาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ด้วยความเมตตาจากครูบาอาจารย์ คุณอ้อนและ ดร.วิทิต สามี จึงพยายามสร้างระบบการศึกษาที่นำพุทธปัญญามาใช้ในการเรียนการสอน ทำให้เป็นระบบองค์รวมที่จะพัฒนาเยาวชนตัวอย่างรุ่นใหม่ที่ทั้งเก่งทั้งดี และผลงานของโรงเรียนทอสีก็เป็นที่ประจักษ์ คุณแม่จึงบริจาคที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียนปัญญาประทีปให้เป็นโรงเรียน ตัวอย่างวิถีพุทธปัญญาระดับมัธยมศึกษา เป็นของมูลนิธิปัญญาประทีปซึ่งไม่แสวงหาผลกำไร สอนให้เด็กคิดวิเคราะห์ ศึกษาเหตุปัจจัย ใฝ่ใจศึกษาด้วยความสนุก สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตจริง รู้ดีรู้ชั่ว และมีความรับผิดชอบในทุกระดับ นี่คือหนทางที่เราได้มีส่วนช่วยเหลือสังคม เพราะในฐานะประชาชนธรรมดา ก่อนที่คุณสุเทพจะออกมาพูดเรื่องการปฎิรูป เรายังมองไม่เห็นหนทางอื่นในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง”
 
“ศรีวรา อิสสระ” ปิดท้ายการสนทนา “เหตุการณ์ บ้านเมืองนี้ทำให้ซึ้งลึกถึงอำนาจและอันตรายของกิเลสตัณหา ความโลภความหลงในเงินและอำนาจทำให้คนมืดบอดเห็นผิดเป็นชอบ กล้าทำผิดทุกอย่างแม้กระทั่งทำร้ายประชาชนผู้ออกมาปกป้องประเทศด้วยมือเปล่า ผู้ยิ่งใหญ่กล้าประพฤติผิดศีลทุกข้อโดยไม่ละอายเสมือนไม่รู้ว่าชีวิตเรานี้ สั้นนัก สิ่งที่จะติดตามเราไปทุกภพทุกชาติคือกรรมดีกรรมชั่วของเราเองเท่านั้น พี่ ออกมาแสดงความคิดเห็นและจุดยืนเช่นนี้ก็อาจจะเป็นอันตรายทั้งในแง่ส่วนตัว และในแง่ธุรกิจ เพราะพี่รู้ว่ามันเป็นการต่อสู้กับกลุ่มผู้มีอำนาจในประเทศที่จะเอาชนะได้ยา กมากๆ แต่เพื่อความดีและความถูกต้อง ก็จะขอยืนหยัดสู้ต่อไป เหตุผลที่ให้สัมภาษณ์ก็เพื่อปลุกจิตสำนึกของผู้ที่เห็นว่ารัฐบาลนี้ทำผิด มากมายจนรับไม่ได้อีกแล้ว แต่ยังไม่กล้าออกมาแสดงจุดยืน ปลุกให้เห็นว่าในเรื่องนี้ไม่มีตรงกลางระหว่างความผิดความถูก และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศที่เรารักมันมากที่สุดแล้ว
“อยาก จะบอกว่าคนเรามีหลายหน้าที่หลายบทบาท และบทบาทหนึ่งที่สำคัญไม่น้อย คือ บทบาทของพลเมืองดี ไม่ว่าจะอาชีพใดรวมทั้งข้าราชการ นักการเมือง ตำรวจ ทหาร และองค์กรอิสระ ทุกคนมีบทบาทต่อประเทศชาติด้วย หากคุณยังเป็นไทยเฉยเพราะคำสั่งนายที่เป็นฝ่ายรัฐบาลไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ก็ขอให้คุณถอดเครื่องแบบแล้วออกมาร่วมกับมวลมหาประชาชนในฐานะประชาชนธรรมดา พี่รู้ว่ามีสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ไม่เห็นด้วยกับคุณทักษิณและผู้นำพรรคคน อื่นๆ แต่ไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น ท่าน จงกล้าที่จะลาออกจากพรรค อยากให้จิตวิญญาณความรักชาติ และความต้องการจะปกป้องประเทศไทยมีอำนาจเหนือความกลัวของเราทุกคน อยากให้ผู้ที่ยังเป็นฝ่ายรัฐบาลชุดนี้เปิดใจรับฟังข้อเท็จจริงแล้วออกมาร่วม กับเรา อยากให้ตำรวจทหารปกป้องดูแลประชาชน โปรดอย่าทำร้ายประชาชนเลย”