โครงการเฉลิมพระเกียรติ ๗๐ ปี ทรงครองสิริราชสมบัติ และ ๖๐ ปี ทรงผนวช

โครงการเฉลิมพระเกียรติ ๗๐ ปี ทรงครองสิริราชสมบัติ และ ๖๐ ปี ทรงผนวช

 

 

 

ครงการเฉลิมพระเกียรติ ๗๐ ปี ทรงครองสิริราชสมบัติ  และ ๖๐ ปี ทรงผนวช 

ส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี  มูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ในพระบรมราชูปถัมภ์

จัดงานเสวนา “ธรรมราชา ๖๐ ปี ทรงผนวช”

 

 

 มูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ในพระบรมราชูปถัมภ์  ได้จัดโครงการเฉลิมพระเกียรติ ๗๐ ปี ทรงครองสิริราชสมบัติ  และ ๖๐ ปี ทรงผนวช  ส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีขึ้นเมื่อเดือนเมษายน  ๒๕๕๙  เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวาระมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี และครบ ๖๐ ปี แห่งการทรงผนวช มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่างๆ เรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๑๓  ตุลาคม  ๒๕๕๙  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต ยังผลให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่จำต้องเร่งหารือแนวทางที่ควรปฏิบัติตามความเหมาะสมต่อไป รวมถึงงานเสวนา  “ธรรมราชา  ๖๐  ปี  ทรงผนวช” ที่จัดขึ้นในวันนี้  กำหนดขึ้นเพื่อให้พสกนิกรได้ร่วมน้อมกายกรรม วจีกรรม  มโนกรรม รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  โดยมุ่งเน้นไปที่พระราชจริยาวัตรของพระองค์เมื่อครั้งทรงผนวช

 

ซึ่งนับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ชาวไทยและชาวโลกต่างได้เห็นเป็นประจักษ์ว่า  ทรงอุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย โดยยึดหลักธรรมแห่งพระพุทธศาสนาตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม ทรงเป็นศูนย์รวมน้ำใจของคนไทยทั้งชาติ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่โดยไม่ทรงย่อท้อหรือเห็นแก่ความเหนื่อยยาก เพื่อความเจริญก้าวหน้า และความสงบสุขของประเทศชาติอย่างแท้จริง

 

พระราชกรณียกิจสำคัญที่มีความหมายต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากในฐานะที่ทรงเป็นพุทธมามกะ คือการเสด็จออกผนวชเมื่อวันที่  ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙  ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์  วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระราชอุปัธยาจารย์  ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ นี้  จึงเป็นมหามงคลสมัยครบ ๖๐ ปี แห่งการทรงผนวช  ซึ่งในขณะที่ทรงผนวชประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร นั้น ทรงศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ทรงปฏิบัติศาสนกิจเช่นที่พระสงฆ์ทั้งหลายพึงปฏิบัติ เสด็จออกบิณฑบาต ทรงทำวัตรเช้า-ค่ำ ที่พระอุโบสถร่วมกับพระภิกษุสามเณรมิได้ขาด ทรงเป็นพระสุปฏิปันโน คือพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทรงเป็นแบบอย่างอันประเสริฐแก่พุทธศาสนิกชนและปวงชนชาวไทย

พระองค์ให้ความสำคัญต่อสถาบันศาสนาเป็นอย่างมาก ดังเช่นพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า

“....ธรรมะในพระพุทธศาสนานั้นบริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระและเป็นประโยชน์ในทุกระดับ ซึ่งบุคคลสามารถจะศึกษาและปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ คือ ความเจริญผาสุกแก่ตนได้อย่างแท้จริง กล่าวคือผู้ปฏิบัติธรรมย่อมจะมีชีวิตและกิจการงานที่ประกอบด้วยความสว่าง สะอาดและสงบ ที่ว่าสว่างนั้น คือมีปัญญารู้เหตุรู้ผล รู้ผิดชอบชั่วดีโดยกระจ่างชัด ที่ว่าสะอาดนั้น คือไม่มีความทุจริตทั้งกายวาจาใจมาเกลือกกลั้ว เพราะเห็นจริงชัดในกุศลและอกุศล ที่ว่าสงบนั้น คือไม่ประพฤติทุจริตทุกๆ ทาง แล้วความเดือดร้อนจากบาปทุจริต ก็ไม่มาแผ้วพาล คนที่ประพฤติปฏิบัติงานโดยตั้งอยู่ในธรรมอย่างเคร่งครัดจึงเป็นผู้มีปรกติสุขอยู่ร่มเย็น ไม่ทำความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง แก่ผู้อื่น และสังคมส่วนรวม ท่านทั้งหลายผู้ตั้งใจอุทิศแรงกายแรงใจของตนเพื่อพระพุทธศาสนาและความผาสุกของประชาชน จึงควรจะได้เพียรพยายามปฏิบัติส่งเสริมให้มหาชนได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมะอย่างถูกต้องทั่วถึง ก็จะช่วยให้แต่ละบุคคลดำรงตนอยู่ได้อย่างมั่นคงและเป็นสุขในทุกสถานการณ์ และช่วยค้ำจุนส่วนรวมมิให้เสื่อมทรุดลงได้ดังที่ท่านมุ่งหวัง...”

 

นอกจากนี้ยังทรงมีแนวพระราชดำริว่า โดยที่พระภิกษุสามเณรเป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยและธำรงรักษาตลอดจนเผยแผ่พระธรรมคำสอนแก่ประชาชนทั่วไป อันเป็นการสร้างความสงบร่มเย็นให้เกิดขึ้นแก่สังคม แก่ประเทศชาติและแก่โลก หากพระภิกษุสามเณรได้มีโอกาสได้ศึกษาพุทธธรรม สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของพุทธพจน์ และนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะนำไปสั่งสอนพุทธบริษัทต่อไปได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน อันจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยจรรโลงและเผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบต่อไป นับแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๔๗ เป็นต้นมา จึงทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานทุน “เล่าเรียนหลวง” แก่ภิกษุสามเณรผู้ศึกษาภาษาบาลีได้ผลดีเด่นเป็นประจำตลอดมา ในการนี้ มูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวรฯ ได้สนองพระราชศรัทธา จัดให้มีการส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี เพื่อสนับสนุนการศึกษาภาษาบาลีของพระภิกษุสามเณร โดยมอบทุนถวายสำนักศาสนศึกษาทั่วประเทศ  ที่แม้จะมีอุปสรรคและปัญหาขวางกั้นอยู่นานัปการ แต่ก็ยังมีวิริยะอุตสาหะจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีปรากฏผลดีเด่นมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ จนถึงปัจจุบัน

 

ทางโครงการเฉลิมพระเกียรติ ๗๐ ปี ฯ แรกเริ่มได้กำหนดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติขึ้นรวม ๙ กิจกรรม กิจกรรมที่ดำเนินการสำเร็จเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์แล้วด้วยดี อาทิเช่น  กิจกรรมปฏิบัติธรรมได้รับการสนับสนุนจากยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา  กิจกรรมบรรพชาอุปสมบทหมู่พระภิกษุจำนวน  ๖๐  รูป ระหว่างวันที่ ๒๑ ตุลาคม ถึง ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙  กิจกรรมที่ยังคงดำเนินการอยู่ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น การจัดทำสารคดีชุด “ธรรมราชา  ๖๐ ปี ทรงพระผนวช” ที่ได้รับการสนับสนุนจาก ดร.สุธาสินี  นิติสาครินทร์  ซึ่โครงการได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวังและนำออกอากาศเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ด้วยแล้ว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ผ่านบัตรอวยพร(Postcard) จัดพิมพ์พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ขณะทรงผนวช ทั้งแบบแนวตั้งและแบบแนวนอน (แต่ละแบบ มีจำนวน ๙ รูปต่อ ๑ ชุด) บริจาคชุดละ ๙๙ บาท โดยรายได้ทั้งหมดจะสมทบทุนเข้ามูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวรฯ เพื่อส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี โดย Postcard ชุดทรงผนวชนี้ ได้รับการสนับสนุนเผยแพร่ภาพประชาสัมพันธ์บนสถานีรถไฟฟ้าผ่านทางบริษัทวีจีไอโกลบอลมีเดียจำกัด (มหาชน) และได้มีวางจำหน่ายแล้วที่ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทุกสาขา ร้านหนังสือนายอินทร์กว่า ๑๐ สาขา ร้าน 7- Eleven บางสาขาทั่วประเทศ และยังสามารถสั่งจองได้ที่ศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ

 

ท้ายนี้  ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนและพสกนิกรทุกหมู่เหล่าน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ  ศาสน์  กษัตริย์  อย่างพร้อมเพรียงกัน  ร่วมกันส่งเสริมและสืบสานพระพุทธศาสนาสนองพระราชศรัทธาและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชให้ยังคงดำรงคงอยู่สืบไป