พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ พระเครื่อง...เป็นเพียงเปลือกของพุทธฯ

พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ พระเครื่อง...เป็นเพียงเปลือกของพุทธฯ

 

 

 

 

เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง /ภาพ สกล สนธิรัตน


พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์

พระเครื่อง...เป็นเพียงเปลือกของพุทธฯ

 

พระไตรปิฎก

๑.

แม้ว่าพระไตรปิฎกจะเป็นหัวใจของการศึกษาพระพุทธศานา แต่ในความเป็นจริงแล้วมีพุทธศาสนิกชนที่สนใจและศึกษาพระไตรปิฎกนั้นยังมีน้อยมาก ด้วยเหตุที่ว่า "พุทธศาสนิกชนมักคิดเอาเองว่าอ่านอยากและยากเกินกว่าจะเข้าใจ" แต่สำหรับ "พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์" หรือ "บิ๊กตุ๊ด" ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กลับมองว่า "อ่านง่ายเข้าใจไม่ยาก"

จุดเริ่มต้นของการอ่านและศึกษาพระไตรปิฎกนั้น บิ๊กตุ๊ด บอกว่า เมื่อเริ่มฟังเทปการบรรยายธรรมจาก อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นแนวทางการวิปัสสนากรรมฐาน ทำให้มาสนใจเกี่ยวกับพระไตรปิฎก เมื่อได้ฟังแล้วก็ทำให้เราได้เข้าใจและยิ่งสนใจมากขึ้น พอได้ศึกษาอย่างต่อเนื่องก็เริ่มรู้แล้วว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าล้วนเป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่ทุกคนจะต้องเจอ ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ดีกับตัวเรา โดยคิดว่ามันเกิดจากผลกรรมจากจิตที่สะสมมาจากชาติที่แล้ว หรือผ่านมากี่ชาติเป็นร้อยเป็นหมื่นเรื่อง เราไม่รู้แต่พระพุทธเจ้าท่านรู้ ว่าผลกรรมเหล่านั้นจะส่งผลที่แตกต่างกัน บางคนเกิดเป็นมนุษย์ บางคนเกิดมาเป็นสัตว์

บิกตุ๊ด อธิบายให้ฟังว่า อบายภูมิ ๔ ประกอบด้วย นรก สัตว์เดรัจฉาน ปิตติวิสัย

ผลของอกุศลกรรมที่เบากว่านั้น ก็เป็นปัจจัยให้เกิดอบายภูมิอื่น เช่น เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน จะเห็นได้ว่าสัตว์ดิรัจฉานนั้นมีรูปร่างประหลาดๆ ต่างๆ นานา บางชนิดมีขามาก บางชนิดมีขาน้อย บางชนิดไม่มีขาเลย มีปีกบ้าง ไม่มีปีกบ้าง อยู่ในน้ำบ้าง อยู่บนบกบ้าง มีรูปร่างลักษณะ ต่างๆ มากมาย ตามความวิจิตรของจิต มนุษย์มีตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ผิวพรรณวัณณะ ความสูงต่ำก็ยังวิจิตรต่างๆ กัน ไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าจำนวนคนโลกนี้จะมากสักเท่าไรก็ตาม

"ผมคิดว่าถ้าชาวพุทธทุกคนลองได้มาศึกษาพระไตรปิฎกอย่างเข้าใจแล้ว จะทำให้เราไม่สะสมกรรมเพิ่ม ที่หมายถึงอกุศล หรือเป็นบาปนั่นเอง ถ้าเราทำบาปเอาไว้มากๆ มันก็จะไปสะสมอยู่ที่จิตหรือสันดานของเรา จิตตรงนี้ก็เป็นที่รับกรรมในการส่งต่อไปยังอนาคตหรือภพภูมิหน้า วันนี้ถ้าเราสะสมแต่กุศลเกิดชาติหน้าก็จะบิกตุ๊ดกล่าวนี่เป็นความเชื่อในเรื่องผลกรรมจากการศึกษาพระไตรปิฎก


เป็นคัมภีร์หรือตำราทางพระพุทธศาสนา ซึ่งรวบรวมคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้า หรือที่เรียกรวมๆ ว่า พุทธธรรม คำว่า พระไตรปิฎก มาจากภาษาบาลี ติปิฏก แปลว่า ตะกร้าสามใบ หรือ คำสอนสามหมวด (ติ หมายถึง สาม ปิฏก หมายถึง ตำรา คัมภีร์ หรือกระจาด) คำสอนสามหมวดนี้ ประกอบด้วย พระวินัยปิฎก หรือ พระวินัย ได้แก่ประมวลระเบียบข้อบังคับของบรรพชิต ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้สำหรับภิกษุ และภิกษุณี ๒. พระสุตตันตปิฎก หรือ พระสูตร ได้แก่ประมวลพระพุทธพจน์ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยังที่ต่างๆ ให้เหมาะกับบุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ มีเรื่องราวประกอบ และ ๓.พระอภิธรรมปิฎก หรือ พระอภิธรรม ได้แก่ประมวลคำสอนที่เป็นหลักวิชาการล้วนๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคลหรือเหตุการณ์ ไม่มีเรื่องประกอบ(เปรต) และอสูรกาย ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมหนักก็เกิดในนรก ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมที่หนักมากก็เกิดในมหานรกที่สุดจะทรมาน คือ อเวจีนรก และเมื่อพ้นจากขุมนรกขุมใหญ่ๆ แล้ว ก็เกิดในนรกขุมย่อยๆ อีก เมื่อยังไม่หมดผลของอกุศลกรรม ขณะที่กระทำอกุศลกรรมนั้นไม่คิดเลยว่า ภูมินรกรออยู่แล้วข้างหน้า แต่ว่ายังไปไม่ถึง เพราะว่ายังอยู่ในโลกนี้ก็ยังไม่ไปสู่ภูมิอื่น แม้ว่าเหตุคืออกุศลกรรมมีแล้ว เมื่อทำอกุศลกรรมแล้วย่อมเป็นปัจจัยให้ไปสู่อบายภูมิใดภูมิเมื่อสิ้นชีวิตแล้ว


สำหรับพระเครื่องที่บิ๊กตุ๊ดแขวนติดตัวประจำของ คือ พระซุ้มกอ กำแพงเพชร เพราะแขวนแล้วจะดีในเรื่องเงินและทอง มีกูไว้แล้วไม่จนประมาณนั้น โดยจะแขวนสลับกับพระอีกหนึ่งชุด ประกอบด้วย พระสมเด็จวัดระฆัง ที่ได้มาจากคุณพ่อ พระผงสุพรรณ พระนางพญา พระรอด ลำพูน และรูปเหมือนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ผกค.) ที่ อ.เชียงกลาง กลุ่ม ผกค.จะไม่มีเป้าหมาย ต่อจะชอบลงมาดักยิงรถของทางราชการ ก่อนเขาเชียงกลาง ถามว่ากลังไหม คนเราต้องกลัวอยู่แล้ว แต่นั้นเป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และประมาณปี ๒๕๒๕ สมัยเป็นรองผู้การกรมต้องไปควบคุมการสู้รบชายแดนไทยเขมรแถวๆ อรัญประเทศ งานนั้นก็รอดตายมาได้อีกเช่นกัน

ส่วนเหตุการณ์เฉียดตายนั้น บิ๊กตุ๊ด เล่าว่า มีอยู่หลายครั้ง สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ ๓ จะต้องเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ประกอบสภาวะอากาศจะปิดอยู่บ่อยครั้ง แล้วจะพบเหตุการณ์ทำให้หวาดเสียวอยู่เป็นประจำ จำได้สมัยเป็นทหารหนุ่มประมาณ ๒๕๑๗-๒๕๑๘ ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์อากาศปิดมีแต่เมฆเต็มไปหมด นักบินเขาถือเป็นเรื่องปกติเราต่างหากที่มองไม่เห็นอะไรเลย บางครั้งบินตอนกลางคืนฝนก็ตก เชื่อไหมว่าใจตอนนันมันจะตุ๊มๆต่อมๆ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย

อีกครั้งประมาณปี ๒๕๑๙ กับชีวิตเสี่ยงตายเมื่อตอนเป็นผู้พัน ม.๑๓๑ รับผิดชอบอยู่ที่จังหวัดน่าน ต้องปะทะกับกลุ่มคอมมิวนิสต์

"จากชีวิตที่รอดตายมาได้มีความเชื่อว่าเกิดจากพุทธคุณขององค์พระ แต่พอได้ศึกษาพระไตรปิฎกจนลึกซึ้งแล้วก็เข้าใจว่า พระเครื่องจริงๆ เป็นเพียงเปลือกนอกของพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะจริงๆ พระเครื่องอยู่ในความเชื่อของพราหมณ์และฮินดู ส่วนพุทธไม่ได้สอนแต่พุทธเราจะสอนเรื่องจิตให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันนั่นเอง" พล.อ.วัธนชัย กล่าวทิ้งท้าย

"พระเครื่องเป็นเพียงเปลือกนอกของพระพุทธศาสนาเท่านั้น พุทธเราจะสอนเรื่องจิตให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบัน"

เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง /ภาพ สกล สนธิรัตน