"พล.ต.ต.อังกูร" อดีต ผบก.ทล.ทิ้ง "พระเครื่อง" หันหน้าเข้าหาพระธรรม

"พล.ต.ต.อังกูร" อดีต ผบก.ทล.ทิ้ง "พระเครื่อง" หันหน้าเข้าหาพระธรรม

 

 

 

 

"พล.ต.ต.อังกูร" อดีต ผบก.ทล.ทิ้ง "พระเครื่อง" หันหน้าเข้าหาพระธรรม

 

 

อดีตนายพลผู้โด่งดัง พบสัจธรรมหลังเกษียณ ลูกน้องที่เคยติดตามหายหน้า ช้ำหนัก พระสมเด็จของรักของหวงที่ห้อยคอเป็นของเก๊ โมโหจนต้องโยนทิ้งแล้วหันมาศึกษาคำสอนพระศาสดาแทนบูชาวัตถุมงคล เผยวันนี้เตรียมตัวก่อนตาย สั่งอัดรูป เลือกวัดเผาศพ และของชำร่วยไว้แล้ว

 

 

 
หากพูดถึงชื่อ พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 , ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง, อดีตตำรวจสืบสวนใต้ที่โด่งดัง และหลาย ๆ คนคงจำกันได้ภาพนายตำรวจมาดเข้มถือปืน ยืนแอ๊คท่าประกาศสงครามกับยาเสพติด อยู่บนป้ายขนาดใหญ่ตามถนนในจุดต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ปัจจุบัน พล.ต.ต.อังกูร เกษียณอายุราชการมานานกว่า 19 ปี แต่ร่างกายแข็งแรง อารมณ์ดีมีเวลาออกไปร้องเพลง โดยเฉพาะการแต่งกายร้องเพลงเลียนแบบ เอลวิส เพรสลี่ย์ 
 
 
วันนี้เรามีโอกาสเดินทางเข้ามาที่บ้านพักย่าน กรุงเทพ-กรีฑา เพื่อเยี่ยมเยียน พูดคุยสารทุกข์สุกดิบ รวมถึงสอบถามเรื่อง "พระเครื่อง" คู่ใจมาฝากแฟนคอลัมน์กันด้วย
 

 
พล.ต.ต.อังกูร เล่าว่า เป็นเรื่องปกติของคนที่นับถือพุทธ ส่วนมากก็จะนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระ พ่อ แม่ โดยอัตโนมัติ ยิ่งคนที่เป็นตำรวจก็จะนึกถึงเยอะพิเศษเพราะว่าการทำงานนั้นมีความเสี่ยงต่อชีวิตและร่างกาย ส่วน "พระเครื่อง" ที่ติดตัว สมัยก่อนมีหลายองค์เก็บไว้บนห้องพระ และมีพระสมเด็จติดตัวอยู่องค์หนึ่ง มีคนบอกว่าต้องมีของดีบูชาติดตัวเพื่อป้องกันอันตราย  ก็ออกตระเวนดู สุดท้ายก็มีนายหน้ามาเชียร์ให้บูชาพระสมเด็จองค์หนึ่งปกติราคาหลักล้าน แต่องค์ที่เชียร์ให้บูชานี้มีตำหนินิดหน่อยราคาก็เลยลดลงมาอยู่ที่หลักแสน
 
 
“วงการนี้เป็นเรื่องของพุทธพานิชย์ พอเราสนใจก็มีเซียนอีกหลายคนมาการันตี ว่า "พระเครื่อง" องค์นี้เป็นของแท้ สุดท้ายเราก็บูชาไว้ มีอยู่วันหนึ่งเราก็อยากโชว์พระให้เซียนพระชื่อดังคนหนึ่งดูเขากลับบอกว่าเป็นของปลอม ผมก็ไปหาซื้อหนังสือมาศึกษาหลายเล่ม สุดท้ายรำคาญก็เขวี้ยงทิ้งไปเลยและเลิกห้อยพระตั้งแต่นั้นมา ผมไม่ได้ลบหลู่นะ แต่ผมเจ็บใจที่มาบอกผมว่าถ้าเอาเข้าประกวดก็ชนะทุกสนาม โมโหมากตอนนั้น ระยะหลังๆ ก็ยังมีคนเอาพระมาให้เช่าบูชา แต่รู้สึกเข็ด เลยท้าทุกคนว่าถ้าแขวนพระแล้วจะเอาปืนยิง หากรอดตายจะบูชาพระองค์นั้นไว้”
 
 


อย่างไรก็ดีแม้ว่าทุกวันนี้จะไม่ได้แขวนวัตถุมงคลหรือ "พระเครื่อง" แต่ก็ยังสะสมพระบูชาไว้จำนวนมาก และที่ชอบมากเป็นพิเศษคือ “พระสยามเทวาธิราช” พระคู่บ้านคู่เมือง ซึ่งองค์นี้ปลัดอำเภอท่านหนึ่งเอามาให้ สมัยนั้นยศพันตำรวจโท

 

พล.ต.ต.อังกูร  บอกว่าสมัยที่รับราชการไม่ค่อยมีเรื่องเสี่ยงชีวิตสักเท่าไหร่ เนื่องจาการทำงานทุกครั้งจะต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ยิ่งจะทำงานที่เสี่ยงมากเท่าไหร่การวางแผนจะต้องรอบคอบมากขึ้นเท่านั้น ผมมีปืนในรถ สมัยก่อนฮึกเหิมอยากเจอเหตุซึ่งหน้ากำลังยิงกัน แต่ก็ไม่เคยเจอสักที พอหลังเกษียณก็ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หรือจะเปรียบว่าฟ้ากับเหวก็คงไม่ผิด

 

“วันสุดท้ายที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ผมมีคนขับรถ 6 คน เราดูแลเขาอย่างดี มีเบี้ยเลี้ยงให้นอกเหนือจากที่ได้รับจากเงินเดือน หลังจากวันเกษียณโทรหา ไม่มีใครมาหาสักคนอ้างโน่นอ้างนี่ ถนนทุกสายมันเปลี่ยนจากบ้านเราไปที่อื่น แรกๆ ผมถึงขั้นกับมีอาการซึมเศร้า ทุกวันนี้ผมทำใจได้แล้วรู้ในสัจธรรมชีวิต ตอนนี้ผมเตรียมตัวก่อนตายแล้ว รูปหน้าศพทำไว้แล้ว หากป่วยวาระสุดท้ายก็ทำห้องไว้ ทำเหมือนโรงพยาบาลทุกอย่างมีอุปกรณ์ที่จำเป็น วัดก็ดูแล้ว ของชำร่วยก็สั่งลูกไว้แล้ว คนเราอะไรไม่แน่นอน ผมว่าแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ

 

https://www.youtube.com/watch?v=108P-GjOws0