หลักธรรมของมือปราบเวบลามก วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ประเสริฐ เทพศรี
หลักธรรมของมือปราบเวบลามก วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ปัจจุบันนี้มีเวบไซต์ประมาณ ๔๐ เวบไซต์ ที่ถูกขึ้นบัญชีดำของกระทรวงวัฒนธรรม เพราะเป็นเวบไซต์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรม และทัศนคติ รวมถึงความเห็นแก่ตัว ซึ่งมีการจัดไว้เป็น ๑๐ กลุ่มอันตราย ได้แก่ เรื่องลามก ความรุนแรง ยาเสพติด การพนัน การฉ้อโกง หยาบคาย ลามก เกมรุนแรง ฯลฯ
ผู้ที่เป็นหัวหอกสำคัญในการปราบเวบไซต์ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ คือ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือที่รู้จักในฐานะนักวิชาการ "อาจารย์เอ" ผู้ซึ่งผันตัวเองจากการทำงานในแวดวงไอทีจนกลายมาเป็น "มือปราบเวบลามก"
วีระศักดิ์ เล่าว่า ในสมัยที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ได้โค่นล้มรัฐบาล อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ จนนำมาสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ๓๕ ซึ่งมีประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้ทวงถามประชาธิปไตยจากเผด็จการทหารจนเกิดการสูญเสียเลือดเนื้อ นำมาสู่การปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ในเวลาต่อมา ทำให้สังคมไทยได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด แต่ในครั้งนั้น พล.อ.ชาติชาย พร้อมคณะถูกจับ
ขณะที่ พล.อ.ชาติชาย และคณะถูกจับอยู่นั้น ได้พยายามคิดหาวิธีการช่วยเหลือทุกทางกลับไม่สำเร็จ ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่า การบวชย่อมมีผลานิสงส์อย่างมากมาย และได้ตัดสินใจอุปสมบท ที่วัดสุปัฏตนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เมื่อเดือน ก.พ. ๒๕๓๔ ซึ่งเป็นปีที่อายุครบเบญจเพสพอดี โดยหวังเพียงว่า การบวชครั้งนี้จะได้อานิสงส์ไปช่วย พล.อ.ชาติชาย พร้อมคณะ
ครั้งแรกคิดบวชเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่พระอาจารย์ผู้สอนพระธรรมให้กับตนได้พาไปปลีกวิเวกในวัดป่าที่ห่างไกลความเจริญ ระหว่างนี้เองทำให้เริ่มซึมซับเกี่ยวกับธรรมชาติ และเมื่อยิ่งได้พูดคุยกับพระบ้านนอกซึ่งไม่เคยไปเรียนเมืองนอกเหมือนกับตัวเอง แต่ท่านสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับชีวิตและจิตได้ทุกเรื่อง
ระหว่างที่บวชได้พบกับพระรูปหนึ่งซึ่งได้พาไปนั่งอยู่เฉยๆ ในป่าช้ากับความมืด รัศมีรอบข้างห่างจากผู้คนเป็นร้อยๆ เมตร เพียงทำจิตนิ่ง คือ ไม่นึกถึงตัวเอง ไม่นึกถึงใครทั้งสิ้น การนั่งสมาธิแบบนี้เป็นการนั่งอยู่กับตัวเอง แต่จิตก็กำลังปรุงแต่งต่อไปเรื่อยๆ โดยเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงใบไม้หรือเปล่า หรือกำลังมีคนก้าวย่างฝีเท้าเข้ามา มีอะไรมายืนอยู่ด้านหลัง มีอะไรอยู่บนศีรษะของเราหรือเปล่า
การนั่งอยู่ในป่าช้าเป็นการมารบกวนผู้ที่ล่วงลับไปแล้วใช่หรือไม่ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นคำถามที่สร้างขึ้นมาจากจิตของคนเราทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่คนเราต้องเรียนรู้การทำจิตให้นิ่ง เป็นความนิ่งของการไม่ได้หวังสมาธิ ไม่ต้องเข้าถึงฌาน และความนิ่งที่ว่านี้จะทำให้จิตว่าง จนกลายเป็นพลังได้
วีระศักดิ์ บอกด้วยว่า ๔๐ วันที่อยู่ในสมณเพศ ทำให้ได้รับคำตอบล้วนแล้วสร้างความกระจ่างในทางความคิด ทำให้ฉุกคิดได้ว่า ธรรมะไม่ใช่แค่เพียงความรู้เท่านั้น แต่มันเป็นความจริง เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้เกิดความสนุกกับการบวชได้ย้ายไปจำวัดในสถานที่ต่างๆ และได้ลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตกับโลกความเป็นจริง
"การศึกษาที่ดีที่สุดคือการได้บวช" นี่คือคำยืนยันของอาจารย์เอ และผลของการบวชนี่เองทำให้เรียนจบปริญญาโทด้วยคะแนนอันดับหนึ่งของชั้นเรียนและของรุ่นด้วย พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า
เมื่อครั้งไปเรียนปริญญาโท มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ในสาขากฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เรียกได้ว่าเรียนจบได้เพราะการบวช ขณะเดียวกันมีเพื่อนๆ อีกหลายคนที่สอบได้อันดับหนึ่งของประเทศมาเรียนด้วยกัน แต่ละคนเรียนกันด้วยหน้าตาคร่ำเครียด โดยการเรียนครั้งนั้นทำให้ตัวเองมีความแตกต่างจากเพื่อนๆ ที่เราสามารถเรียนได้อย่างสนุกสนาน ยังมีเวลาว่างได้ไปเป็นบรรณาธิการที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศให้กับห้องสมุดของมหาวิทยาลัย การเรียนครั้งนั้นใช้เวลาประมาณ ๙ เดือนก็จบ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เรียนอยู่นี้เขาได้นำหลักธรรมของพุทธไปแลกเปลี่ยนกับนักคิดจากทุกมุมโลกที่มาเรียน เมื่อได้พูดถึงความเป็นไปของโลกมนุษย์ กฎแห่งกรรม กฎแห่งธรรมชาติ ทำให้รู้ทัศนคติของคนช่างคิดในตะวันตก ยุโรป เวลาที่เขาคิดถึงจุดๆ หนึ่ง ต่างก็ยอมรับเหมือนกันว่า มันมีเรื่องของธรรมชาติที่ไม่ใช่ความศักดิ์สิทธิ์ เพราะสิ่งต่างๆ สามารถผุพังไปตามกาลเวลา สังขารนั้นไม่เที่ยงแท้
ทั้งนี้ได้หยิบหลักธรรมในห้วข้อ อกาลิโก อธิบายให้เพื่อนักเรียนร่วมชั้นฟังว่า เป็นภาษาบาลีของชาวพุทธ แปลว่า ธรรมของพระพุทธเจ้าไม่ขึ้นกับกาลกับเวลา คือ ไม่เสื่อมไปกับกาลกับเวลา ไม่เหมือนกับสิ่งของต่างๆ ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีชีวิต เช่น ร่างกายของเรา หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่นวัตถุสิ่งของต่างๆ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีการแปรปรวน เปลี่ยนแปลง เสื่อมสลายไปตามกาลตามเวลา ซึ่งไปตรงกับอีกลัทธิหนึ่งที่มีอยู่ในชาวตะวันตกที่ต่างก็ยอมรับว่า โรมันยิ่งใหญ่แค่ไหนมันก็ถึงจุดเสื่อมสลาย
ดังนั้น เมื่อได้พูดถึงอริยสัจ ๔ หมายถึง ทุกข์ ความจริงที่ว่าด้วยความทุกข์ ทั้งกายและใจ สมุทัย เหตุแห่งการเกิดทุกข์ นิโรธ การดับทุกข์ มรรค คือ ศีล สมาธิ และปัญญา หรือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติที่นักคิดเหล่านี้ต่างเข้าใจว่าเป็นสัจธรรมชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น
"มีพระธรรมในใจ ก็ไม่ต้องพึ่งพระเครื่อง" นี่คือเหตุผลการไม่แขวนพระเครื่องของอาจารย์เอ โดยเขาอธิบายว่า พระในใจที่ว่านี้ก็คือ พระธรรมเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เราได้ปฏิบัติบูชา สร้างคุณงามความดี
ส่วนความเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์และแคล้วคลาดนั้น มือปราบเวบลามกบอกว่า เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจด้วยหลักวิทยาศาสตร์ได้ ส่วนหนึ่งอาจะเป็นเพราะกรรม แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การมีสติและไม่ประมาท และสิ่งนี้จะเกิดปาฏิหาริย์ได้ตลอดเวลา
อาจารย์เอบอกด้วยว่า จากประสบการณ์ที่เคยประสานงานด้านการข่าวให้กับนายกรัฐมนตรี ทุกวันมีสายลับมาประสานข้อมูลจำนวนมาก หรืออาจจะเรียกว่า ต้องกำข้อมูลความลับ ระหว่างนี้รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาก ซึ่งต้องยอมรับว่า ทำให้เหลิงอำนาจอยู่เหมือนกัน แต่ก็ได้เอาธรรมะและสติเข้าข่ม ในที่สุดก็คิดได้ว่า "ไม่มีฉันสักคนประเทศชาติหรือโลกก็อยู่ได้ อย่าคิดว่าตัวเองมีค่านัก"
มือปราบเวบไซต์ลากมกพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "คนเรายิ่งสูงมากเท่าไร ก็ต้องยิ่งทำตัวให้เล็กมากเท่านั้น ยิ่งมีอำนาจมากเท่าไร ยิ่งต้องไม่ใช้อำนาจ"