ดีใจสุดขีด !... เมื่อได้พระร่วงเปิดโลก ไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของ อาณาจักรโบนันซ่า
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : กนต์ธีร์ เหลืองอร่าม
ดีใจสุดขีด !... เมื่อได้พระร่วงเปิดโลก ไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของ อาณาจักรโบนันซ่า
ความรู้สึกดีใจของคนเรามีสิ่งที่แตกต่างกันไป บางคนได้รถยนต์ ได้บ้านเป็นของขวัญ ในโอกาสสำคัญต่างๆ มากมาย แต่มีคนจำนวนไม่น้อย ที่ได้วัตถุมงคล จากพระอาจารย์ชื่อดังแล้ว ทำให้มีความสุข ความรู้สึกดีๆ แบบนั้นคงไม่ต่างไป หนึ่งในจำนวนคนที่ดีใจเพราะได้พระเครื่อง คือ นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ อดีตรองเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ เจ้าของอาณาจักรโบนันซ่า เขาใหญ่ กว่า ๔,๐๐๐ ไร่ โดยเขามีความรู้สึกภูมิใจมาตลอดของชีวิตที่ได้รับมอบพระร่วงเปิดโลกองค์นี้ ซึ่ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ถอดออกจากคอให้กับมือเมื่อครั้งมาร่วมงานครบรอบวันคล้ายวันเกิด ๕๗ ปี และทุกวันนี้ก็ไม่เคยลืมที่จะแขวนติดตัวเลยสักครั้งเดียว
ไพวงษ์ บอกว่า การแขวนพระร่วงเปิดโลก คนส่วนใหญ่ก็เชื่อกันว่าแขวนแล้วจะได้รับรู้เรื่องราว ที่นักบริหารที่ดีควรจะได้เปิดรับสิ่งใหม่ๆ เปิดรับโอกาสดีๆ จากสังคมเมืองใหญ่แห่งนี้นั่นเอง ส่วนพระเครื่องอีก ๔ องค์ ที่แขวนติดตัวประจำยังประกอบด้วย หลวงปู่ทวด วัดช้างให้, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ และหลวงพ่อเสน
ส่วนเหตุผลในการแขวนพระ คือ เพื่อให้เกิดความสบายใจก่อนออกจากบ้าน ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็จะมีพระอยู่ติดตัวเราตลอดเวลา ในบางครั้งคงหลีกเลี่ยงไม่ค่อยได้ที่จะคิดหรือทำอะไรที่ไม่ดีของอารมณ์ชั่ววูบก็เป็นได้ ความหนักขององค์พระทั้งหมด จะช่วยคอยเตือนสติให้คนเราใช้ปัญญา ที่จะคิดทำอะไรให้รอบคอบ
สำหรับเหตุการณ์รอดตายจากอุบัติเหตุนั้น เขาเชื่อว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชะตากรรมของชีวิต ที่ยังไม่ถึงคราวตายมากกว่า จะเป็นเรื่องปาฏิหาริย์เหมือนที่หลายคนคิด เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่ออายุประมาณ ๓๐ ปีมาแล้วเห็นจะได้ โดยจำได้ว่าครอบครัวพาญาติพี่น้องไปเที่ยวบางแสน-พัทยา ระหว่างเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ไม่รู้เหมือนกันว่ารถที่วิ่งมาได้เสียหลักตรงไหนของถนนสุขุมวิท นาทีนั้นไม่ทันได้ตั้งหลักอะไรเพียงแต่เห็นรถยนต์ที่นั่งมานั้น เกิดพลิกคว่ำลอยละลิ่วม้วนเป็นเกลียวสามตลบ
"วินาทีนั้นไม่ทันได้คิดว่า จะต้องกระโดนหนีหรือ เปิดประตูรถเพราะ มันเป็นช่วงเวลาที่เกิดขึ้นเร็วมาก จังหวะที่รถลอยหมุน สามตลบ แล้วมารู้สึกตัวอีกที รถยนต์ก็หยุดนิ่ง อยู่ด้านข้างของถนน เป็นเรื่องแปลกมากที่ไม่มีใครเสียชีวิต แต่มีป้าคนเดียวเท่านั้นที่บาดเจ็บหนักหน่อย แต่ก็ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส จนโคม่าต้องเข้าห้อง ไอซียู อะไรเลย นั่นเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่สุดของชีวิตเลยก็ว่าได้" เขาเล่าถึงเหตุการณ์รอดตายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เมื่อถามถึงความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าของอาณาจักรโบนันซ่ายืนยันว่า "สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง" โดยเขาให้เหตุผลว่า อะไรก็ตามที่เป็นคำสอนของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีประชาชน ให้ความเคารพนับถือ พระพุทธเจ้าจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนได้ยึดในคุณงามความดีที่เน้นให้คนในสังคมเป็นคนดี หรือเป็นการสอนให้รู้จักได้ สร้างบุญสร้างบารมี ดังนั้นความดีนี้ต่อให้ไปอยู่กับใคร อยู่แห่งหนตำบลใดก็ย่อมต้อง เกิดเป็นความศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครอง ความปลอดภัยให้กับ ชีวิตของคนเราได้เสมอ เขาจึงว่ากันว่าความดีความชั่วมีมากมีน้อยก็ขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรม"
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาได้พบเห็นคนชั่วคนดีมาก็มาก ทำให้เชื่อว่าคนเราถ้าเป็นคนดีทำแต่คุณงามความดีเอาไว้มากๆ ย่อมตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ การทำดีต้องมีอุปสรรคกับชีวิตก็เป็นเรื่องธรรมดาเพียงแต่ให้คนเรารู้จักอดทนต่อปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ ความดีนั่นแหละจะช่วยพังทลายอุปสรรคดังกล่าวให้ร้ายกลายเป็นดีได้ ส่วนคนทำแต่ความชั่วในชาตินี้คงไม่ต้องไปรอให้ตอบสนองในชาติหรอก มีหลายคนที่ทำชั่วแล้ว ผลของความชั่วก็ตอบสนองทันทีในชาตินี้
นอกจากนี้ ทุกวันนี้เขาพยายามคิดดีอย่างเดียว คือ
๑.เราไม่ไปทำร้ายใคร
๒.ไม่ไปคิดโกงใคร
๓.ไม่คิดให้ร้ายใคร และ
๔.ต้องคิดดีต่อผู้อื่นเสมอ
เรื่องแบบนี้เหมือนมีแรงบางอย่างตกกระทบกัน เช่น เราตีลูกเทนนิสข้ามกำแพง เมื่อตีไปด้วยความแรงคนที่ตีกลับมาก็จะตีด้วยความแรงกลับมา ฉะนั้นจึงไม่คิดทำร้ายคนอื่นให้จิตใจเราเป็นทุกข์ ตราบใดที่กายและใจของเราไม่คิดร้ายกับใคร ก็ส่งผลให้ชีวิตคนเราก็จะเกิดเป็นความสุขได้
เจ้าของอาณาจักรโบนันซ่าบอกด้วยว่า ระหว่างเรียนอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เคยเข้าไปกราบและสนทนาธรรมกับพระธรรมราชานุวัตร หรือ หลวงเตี่ย ทำให้เกิดความเคารพศรัทธาเลื่อมใสอย่างมาก จากนี้ท่านได้ขอให้สามัคคีร่วมกันสร้างวัดไทยขึ้นมา ทำให้การสร้างวัดไทยเป็นการสร้างกุศลให้กับตัวเองและครอบครัวด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างปูชนียสถานที่สำคัญให้กับชาวพุทธ เพราะสถานที่วัดแห่งนี้ยังได้ใช้เป็นที่เรียนด้าน วัฒนธรรมไทย ศึกษาพระพุทธศาสนาให้กับ เยาวชนไทย อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ช่วยเชิดหน้าชูตาให้กับคนไทยในอเมริกาได้อีกอย่างหนึ่ง
"ผมเกิดมาอายุก็มากขึ้นทุกวัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาก็มาก บางครั้งเจอปัญหาทำเอาชีวิตเราแย่ไปเลยก็มี แต่ผมไม่คิดอะไรมาก เพียงแต่ทำจิตใจให้นิ่งสงบ ปล่อยวาง ไม่ยึดติด ขนาดโดนโกงเกี่ยวกับธุรกิจก็เคยที่จะคิดฆ่าเขาเหมือนกัน แต่พอเห็นลูกเมียเขามาอ้อนวอนก็เกิดความสงสาร จึงคิดได้ว่าชาติที่แล้วคงทำกรรมไม่ดีไว้หรือแม้แต่เพื่อนโกงเงินไปก็ทำใจ คิดว่าชาติที่แล้วเราคงไปยืมเงินเขามาแล้วไม่ใช้ พอเห็นเพื่อนคนนี้เดินผ่านไปผ่านมาก็รู้สึกเฉยๆ และสิ่งสำคัญหลักธรรมที่ใช้ผมจะให้เกียรติ ให้ความยุติธรรมกับ ลูกน้องกว่าพันคน เมื่อเขาผิดก็ต้องรู้จักให้อภัย" ไพวงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
