เสก!...แม้กระทั่งเสื้อ ท็อป - ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : อุทร ศรีพันธ์
เสก!...แม้กระทั่งเสื้อ
ท็อป - ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี
ท็อป - ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี นอกจากเป็นดีเจชื่อดังแห่งคลื่น ๙๔ อีเอฟเอ็มแล้ว ยังมีผลงานการแสดงเรื่องล่าสุด คือ "ราชันย์ ลูกผู้ชายสุดปลายเท้า" ขณะเดียวกันกำลังเรียนจบปริญญาเอก ด้านรัฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ และในอนาคตอันใกล้นี้วงการบันเทิง จะนักแสดงที่มีดีกรี ดร.ประดับอีกคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามกว่าจะมีวันนี้ได้นั้น ท็อปได้ผ่านวิบากกรรมโดยเฉพาะในวัยเด็กเกิดอุบัติเหตุเยอะมาก ถึงขั้นต้องไปเปลี่ยนชื่อใหม่ โดยมีพระอาจารย์ท่านหนึ่งแนะนำให้เปลี่ยนชื่อ รวมทั้งเข้าวัดทำบุญเป็นประจำ ไม่น่าเชื่อว่า ชีวิตตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาดีขึ้นมาอย่างมาก
ท็อป บอกว่าสิ่งหนึ่งที่ ขาดไม่ได้ คือ การแขวนพระเครื่องติดตัว ไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็ก ก็ต้องแขวนพระ สวดมนต์ตลอด ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จวัดปากน้ำ องค์พ่อจตุคามรามเทพ พระพิฆเนศ ฯลฯ มันเป็นอะไรให้เราได้นึกถึงองค์ท่านแล้วไม่ให้เราคิดทำในสิ่งที่ไม่ดี แม้ที่ผ่านมาจะเกิดอุบัติเหตุขั้นร้ายแรงอย่างไรก็สามารถผ่านมาได้ตลอด ดังนั้น การแขวนพระเครื่องจริงๆ เพื่อเตือนสติเราว่าจะทำอะไรก็ตามให้คิดดีทำดี อย่าทำชั่ว ความเคยชินตรงนี้ถ้าวันไหนไม่ได้แขวนพระจะรู้สึกทำอะไรก็ไม่มั่นใจเลย
แม้จะเชื่อว่า องค์พระมีพุทธคุณ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยคุ้มครองผู้ที่แขวน แต่เราจะต้องทำความดี ด้วยการเข้าวัดทำบุญ ตรงนี้ได้ปฏิญาณตนแล้วว่าจะเข้าวัดเพื่อไหว้พระทำบุญทุก ๓ เดือน เพื่อขอพรบอกกล่าวให้ท่านได้รับทราบ ไม่ว่าจะเป็นวัดแขก ศาลเจ้าพ่อเสือ วัดอินทร บางขุนพรหม วัดกัลยานิมิตร มีความรู้สึกว่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เราสร้างบุญ สร้างกุศลให้กับตัวเรา มีความเชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เราทำบุญแบบนี้คนที่คิดไม่ดีกับเรา สุดท้ายคนเหล่านั้นก็จะแพ้ภัยเราไปเอง โดยที่เราไม่ต้องไปทำอะไรก็ได้
"ชีวิตผมที่พบเจอสิ่งที่ไม่ดีเชื่อไหมว่า ผมก็ผ่านมันมาได้ตลอด อุบัติเหตุที่เกิดกับผมบางครั้งคิดว่าเราน่าจะเป็นอะไรมากกว่านี้ แต่เราก็ไม่เป็นอะไรเลย แม้ว่ารถยนต์จะพังยับเยินก็ตาม ซึ่งผมไม่ได้เป็นคนขับรถไปชนคนอื่น แต่คนอื่นต่างหากที่ขับมาชนผมเอง ตรงนี้ก็เชื่อเกี่ยวกับปีชง ตามหลักโหราศาสตร์ โดยคุณแม่จะแนะนำให้ดูทั้งของจีนและของไทย ยิ่งตอนเป็นวัยรุ่นกลับจากเมืองนอกมาใหม่ๆ ชอบขับรถ คุณแม่ก็กลัวว่าเราจะเกิดอุบัติเหตุมากก็เลยจะไปดูว่าปีเกิดผมชงกับปีไหนยังไง จริงๆ แม่กลัวผมจะเกิดอุบัติเหตุถึงกับเอาเสื้อไปทำพิธีปลุกเสกให้แล้วเอาแขวนติดรถตลอดเวลา ส่วนการไปไหว้พระก็เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา" ท็อปกล่าว
พร้อมกันนี้ ท็อป ยังบอกด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญ แต่อาจเป็นเรื่องของการดลบันดาลให้กับตัวเรา การเล่าให้ใครฟังแบบนี้อาจมีหลายคนที่ไม่เชื่อ แต่ตรงนี้อยากบอกว่า มันเหมือนเรานับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับการที่เราไปกราบไหว้ สิ่งหนึ่งที่ต้องอธิษฐานเสมอ คือ เราจะคิดดี ทำดีในสิ่งที่เราทำ อะไรที่เราทำผิดก็ขออโหสิกรรมไป แล้วผลที่เราทำดีก็หวังว่าจะกลับมายังตัวเรา อีกทั้งในเรื่องของการทำบุญได้บอกกับตัวเองเอาไว้ด้วยว่า ทุกสัปดาห์ยังต้องรับประทานอาหารมังสาวิรัต ๑ วัน พร้อมกับสวดคาถาชินบัญชร
ขณะเดียวกันทำบุญมากแบบนี้ส่วนตัวมีความเชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรม เราทำอะไรไม่ดีไว้กับใครวันหนึ่งเราก็จะถูกกรรมนั้นตอบสนองเรา หรือคนที่ทำกรรมไม่ดีกับเรา เราก็ไม่ต้องไปโต้ตอบอะไรทั้งสิ้น เชื่อเถอะว่าวันหนึ่งเขาต้องได้รับผลกรรมนั้นเองไม่ช้าก็เร็ว ทั้งนี้ ความรู้สึกที่เชื่อในเรื่องเหล่านี้น่าจะเกิดจากคุณแม่ เพราะก่อนหน้านี้ท่านจะไปเรียนอภิธรรมทุกอาทิตย์ อีกทั้งท่านก็จะทำบุญเยอะมาก ตรงนี้เองที่ถูกปลูกฝังมาจากคุณแม่ แล้วเราได้เห็นในสิ่งที่เป็น วันนี้จึงมองว่าคนเราจะทำดีเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ เพราะดีที่ว่านี้เป็นการต่อบุญต่อยอดไปเรื่อยๆ ดังนั้น คนเราเกิดมาจะต้องรู้จักทำบุญเพิ่มจากอดีตชาติที่เราเคยทำมาแล้วด้วย
"หลักธรรมที่คิดอยู่เสมอว่า ไม่ว่าชีวิตเราจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าเรื่องนั้นจะร้ายแรงหรือเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ก็จะเป็นคนที่จะมองดูที่ต้นเหตุที่แท้จริง แล้วมันจะทำให้เรา มองโลกในแง่ดี เพราะเขาบอกว่า คนเราถ้ามองชีวิตในแง่ดี มองผู้คนในแง่ดี ไม่ว่าจะต้องเผชิญเหตุการณ์ใด เป็นท่าทีและแนวทางถูกต้องที่จะดำเนินชีวิตเป็นสุขอยู่ในโลกนี้ได้ แล้วผมก็ทำมาแบบนั้นจริงๆ เพราะลองคิดในเชิงลบ อารมณ์ก็ร้อนมาตลอด เชื่อไหมว่าชีวิตผมจะแย่มาตลอด วันนี้พอเราคิดว่าสิ่งที่มันเกิดมันคือเหตุ เป็นเหตุที่เราจะต้องยอมรับกับมันต่างหาก ชีวิตวันนี้มีอะไรให้เราได้เรียนรู้อีกเยอะมาก ถ้าเรามองไปยังคำสอนของพระพุทธเจ้า มันก็จะทำให้เราสบายใจขึ้นกับสิ่งที่เราทำ" ท็อปกล่าวทิ้งท้าย
"แม่กลัวผมจะเกิดอุบัติเหตุถึงกับเอาเสื้อไปทำพิธีปลุกเสกให้แล้วเอาแขวนติดรถตลอดเวลา"