"ปาฏิหาริย์ อภินิหาร จิตวิญญาณ" ในโลกทิพย์ ของ... ดร.คะนอง เนินอุไร
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม
"ปาฏิหาริย์ อภินิหาร จิตวิญญาณ" ในโลกทิพย์ ของ... ดร.คะนอง เนินอุไร
"หลายคนอาจไม่เชื่อว่าผีมีจริง คนเราบางส่วน ก็ยังมีคนเชื่อว่ามีจริง การนำเสนอเรื่องราว ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อภินิหาร ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำผู้คนหันเข้าหาธรรมะ หากเขียนแล้วเน้นเรื่องธรรมะ อย่างเดียวผู้อ่านไม่ค่อยสนใจ ดังนั้นจึงต้องมีอภินิหารเข้ามาก่อน พร้อมทั้งนำธรรมะเข้าไปแทรก" นี่เป็นจุดมุ่งหมายของการทำ นิตยสารโลกทิพย์-โลกลี้ลับของ ดร.คะนอง เนินอุไร ในฐานะเจ้าของและ บรรณาธิการนิตยสาร
ดร.คะนอง เล่าว่า ชีวิตคุ้นเคยกับวัด ได้เรียนรู้ในหลักพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่เป็นเด็ก อยู่ที่บ้านแพรกมะขาม ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง กระทั่งเรียนจบ คณะเกษตร (กสิกรรม) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ระหว่างเรียนหนังสือที่เกษตรต้องมา อยู่ในหอพัก ได้ไปนอนคืนแรก ก็เห็นวิญญาณ หรือที่ใครเรียกว่าผีได้เข้ามาในมุ้ง ภาพที่เห็นไม่ได้ทำให้ตกใจอะไร กลับรู้สึกเฉยๆ มากกว่า เพราะเรารู้ว่าวิญญาณในโลกนี้มีจริง
วันรุ่งขึ้นเพื่อให้ภาพวิญาญาณที่เห็นกระจ่างขึ้นไม่ใช่เรื่องความฝัน โดยได้เล่าเรื่องที่พบเห็นวิญญาณให้แม่บ้านของหอพักฟัง ทันใดนั้นเธอก็บอกว่า ภายในห้องนั้นเคยมีคนเสียชีวิตมาก่อน หูที่ได้ยินคำตอบในเวลานั้นก็ไม่รู้สึกตกใจหรือกลัวอะไร ซึ่งคิดเพียงว่าต้องแผ่เมตตาทำบุญพร้อมอุทิศส่วนกุศลทำบุญไปให้กับดวงวิญญาณที่พบเห็น หรือแม้ก่อนนอนก็จะขออนุญาตเขาด้วย จากนั้นไม่นานเท่าไรดวงวิญญาณที่ว่านี้ก็เลือนรางหายไปในที่สุด
หลังจากนั้นก็มีการพบเจอกับดวงวิญญาณอีกหลายครั้งจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ตรงนี้อยากจะบอกว่าโลกมนุษย์มีทั้งรูปธรรมและนามธรรม ทุกวันนี้มีคนอยากพิสูจน์นามธรรมด้วยรูปธรรม ซึ่งตามที่ว่านี้เป็นคนละเรื่องกัน รูปธรรมก็ต้องพิสูจน์ด้วยรูปธรรม นามธรรมต้องพิสูจน์ด้วยนามธรรม สิ่งที่คนเราต้องฝึกให้มากคือการนั่งสมาธิให้ได้ระดับหนึ่ง เช่น เราอยากจะดูเชื้อโรคเราต้องดูด้วยกล้องจุลทรรศถึงจะมองเห็น เพราะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
ดร.คะนอง บอกด้วยว่า การพิสูจน์เรื่อง วิญญาณได้นั้นต้องทำจิตให้สงบนิ่งได้ในระดับหนึ่งเรา ก็จะสามารถสัมผัสสิ่งที่เร้นลับเหล่านั้นได้ไม่ยาก คนที่มีโอกาสจะสัมผัสกับสิ่งที่ว่านี้ต้องเป็น คนนั่งสมาธิอยู่เป็นประจำก็จะสัมผัสรู้ได้ด้วยตนเอง หรือที่เรียกกันว่า ปัจตัง คือ การรู้ได้ด้วยตนเอง ส่วนตนเองเคยได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ รวมทั้งเคยเห็นผีมาแล้ว ก็เลยมองเรื่องเร้นลับว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เช่นเดียวกับนรก-สวรรค์ที่ยังมีคนไม่เชื่ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน
นรก-สวรรค์ในพระไตรปิฎกได้เขียนเอาไว้ชัดเจนว่า มีเทวดา สวรรค์ นรก ทั้งหมดนี้มีจริง อยากจะยกตัวอย่างเห็นว่ามนุษย์ต่างดาว ที่ อ.พนม เมืองแมน เคยพูดเรื่องนี้เอาไว้ ก็เคยถามท่านด้วย มีอยู่ปีหนึ่งเป็นปีวันเกิดได้ไป นั่งสมาธิที่จันทบุรีเป็นเวลา ๙ วัน เพื่อให้เป็นมงคลกับชีวิต ประมาณสองทุ่มนั่งสมาธิเสร็จ ก็เดินจงกรมนอกศาลาการเปรียญได้พบเรื่องราวของปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง
"ระหว่างเดินจงกรมอยู่นั้น ผมอธิษฐานจิตว่า มนุษย์ต่างดาวคือเทวดาชนิดหนึ่งใช่ไหม ถ้ามีขอให้มีปรากฏการณ์อะไรขึ้นมาให้เห็นบนท้องฟ้า ผมมองไปก็เห็นดาวกระโดดข้ามไปอีกดาวหนึ่ง ก็เข้าใจว่านี่คือคำตอบเลยไม่สงสัย พอเช้ามืดนอนคิดขึ้นมาว่า เมื่อคืนมันฟลุคหรือเปล่าที่ได้เจอภาพ ของมนุษย์ต่างดาว สิ้นเสียงความคิดเลยอธิษฐานขอดูใหม่อีกครั้ง เพียงห้านาทีเท่านั้น ผมก็เห็นเกิดปรากฏการณ์แบบเดิมอีก" นี่เป็นความเชื่อเกี่ยวกับเทวดาของ ดร.คะนอง
เมื่อถามถึงพระเครื่อง ดร.คะนอง พูดไว้อย่างน่าคิดว่า หลังจากที่เป็นคนศึกษาเกี่ยวกับ หลักธรรมะขององค์สัมมา สัมพุทธเจ้าแล้วทำให้ไม่แขวนพระเครื่อง โดยเน้นเรื่องของการฝึก วิชากรรมฐาน จนเกิดเป็นชมรมปฏิบัติธรรมโลกทิพย์ จะนิมนต์พระกรรมฐานมา สอนธรรมะทุกวันเสาร์ต้นเดือน ระยะเวลาที่ศึกษา พระกรรมฐานปฏิบัติธรรม ประมาณ ๒๐ ปี ทำให้ไม่ปฏิเสธเรื่องเทพพรหม หรือเหล่าวิญญาณทั้งหลาย เรารู้เพียงว่าสิ่งเหล่านี้เป็นทางผ่านเท่านั้น แท้จริงแล้ว คนเราต้องมุ่งเน้นเรื่องธรรมะ ส่วนพิธีกรรมต่างๆ ที่มีการจัดขึ้นก็จะเดินทางไปช่วยหรือไปร่วมพิธีตามปกติ
ส่วนเรื่องปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๗ ได้ร่วมในพิธีเททองหล่อพระประธาน พระยูไลมหาเมตตา เพื่อประดิษฐานในพระมหาเจดีย์ ๑๒ ชั้นฟ้า ระหว่างนั่งคุยอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ (อานนท์ พรหมนารท) อยู่ในอาคารได้สังเกตเห็นว่า แสงแดดในวันนั้นจะร้อนมาก ก็พูดออกมาว่าจะมีช่วงหนึ่งแดดจะร่ม ๓ ครั้ง แล้วจะเกิดสิ่งมหัศจรรย์ตามมา
ปรากฏว่า เวลา ๐๙.๓๙ น. ได้เกิดพระอาทิตย์ทรงกลด มีเมฆมาบดบัง ความร้อนจ้าของท้องฟ้าบังเกิดขึ้นในขณะที่อาจารย์หมอหยอง (นายสุริยัน อริยวงศ์โสภณ) เชิญแผ่นทองคำแท้ดวงพระชะตาลงเบ้าเททองหล่อ พระประธาน ถึง ๓ ครั้งติดต่อกัน มีฝนโปรยปรายลงมาด้วย สิ่งที่ตนรู้เรื่องเหล่านี้ได้ก็เชื่อว่าเกิดจากอำนาจจิต
ส่วนอีกครั้งหนึ่งนั้น เกิดขึ้นเมื่อครั้งจัดงานวิทยาศาสตร์ทางจิตครั้งที่สอง ณ มหาวิทยาลัยรามคำแหง อ.พนม ก็สื่อออกมาว่า จานบินจะมา เวลาประมาณเกือบหกโมง กว่าพันคนก็เห็นจานบินลอยสูงเท่าเสาธง คนที่เห็นว่าพลังจิตบางอย่างสามารถเห็นในเรื่องนี้ได้ บางคนก็เชื่อ บางคนไม่เห็นก็ไม่เชื่อ แต่พลังอำนาจที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงที่ได้ประสบมากับตัวเอง
นอกจากนี้แล้ว ดร.คะนอง ยังแนะนำการกรวดน้ำแก้กรรม โดยให้ใช้คำกรวดน้ำที่เฉพาะเจาะจง ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรในเรื่องนั้นๆ โดยเฉพาะ ให้ตรงกับวิญญาณที่อาฆาต หรือผู้ที่เราเคยไปก่อเรื่องเอาไว้ แล้วมีผู้เสียผลประโยชน์ เสียชีวิต เสียทรัพย์สิน และเจ็บแค้นอาฆาตอยู่ สำหรับกรณีนี้ให้ใช้คำกรวดน้ำแก้กรรม ดังนี้
"ในชาติที่ผ่านมา ข้าพเจ้า...(ชื่อคนแก้กรรม) ได้เคยไปขัดขวางกีดกัน ไม่ให้ใครได้รับการศึกษาเล่าเรียน ขอให้มารับบุญกุศลที่ได้ถวายสังฆทาน ๓ องค์ ในวันนี้ไปแทนที่ผิดพลาดโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ขอให้อโหสิกรรมกันแต่เพียงแค่นี้"
อย่างไรก็ตาม เจ้าของนิตยสารโลกทิพย์ ยังมีมุมมองเกี่ยวกับการแขวนพระเครื่องเอาไว้อย่างน่าคิดว่า "พระเครื่องถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่เป็นจุดหนึ่งในการดึงดูดคนที่เพิ่งเริ่มสนใจธรรมะ ส่วนเรื่องปาฏิหาริย์ที่เกิดจากพระเครื่องนั้น ก็เป็นจุดเริ่มต้นของคนที่สนใจในหลักพระธรรม ระยะหนึ่งถ้าพวกเขาศึกษาธรรมะได้สักช่วงหนึ่งก็จะทำให้เข้าใจหลักธรรม ประกอบกับเห็นพระเครื่องเป็นเพียงสิ่งที่เคารพบูชา ในที่สุดก็จะปล่อยวาง ไม่ต้องแขวนพระก็ได้ เพราะใจเป็นธรรมะแล้ว”