ชาวพุทธตอบรับกระแส “เวียนเทียนต้นไม้” ดีเกินคาด สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่าย

ชาวพุทธตอบรับกระแส “เวียนเทียนต้นไม้” ดีเกินคาด สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่าย

 

 

ชาวพุทธตอบรับกระแส “เวียนเทียนต้นไม้” ดีเกินคาด
สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรมต่อยอด “เสวนาอารยธรรมรมณีย์”
ชูจุดเน้นชวนกันสร้างถิ่นรมณีย์ ให้สิ่งแวดล้อมเกื้อกูลดูแลใจ
 
 
 
สืบเนื่องจากวันวิสาขบูชาที่ผ่านมาได้เกิดกระแสการ “เวียนเทียนด้วยต้นไม้” แทนการใช้ธูปเทียน โดยโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ มูลนิธิปลูกต้นไม้ปลูกธรรมะ กรุงเทพมหานคร รวมถึง กรมป่าไม้ และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งลดมลพิษฝุ่น PM 2.5 เพิ่มพื้นที่สีเขียว อีกทั้งยังได้สืบสานประเพณีอันดีงาม นับได้ว่าการจัดโครงการฯ ได้รับการตอบรับที่ดี และความร่วมมือกันอย่างตั้งใจจริงจากพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จนเกิดเป็นมิติใหม่ของการเวียนเทียน ยุค 2024
 
ด้วยเหตุนี้จึงมีกิจกรรมเพื่อสร้างความเข้าใจและการเห็นความความสำคัญในประเด็นนี้อย่างลึกซึ้งและต่อเนื่อง ด้วยการจัดงาน “ปลูกต้นไม้ปลูกธรรมะ วิสาขบูชา 2567 ตอน อารยธรรมรมณีย์” ในวันที่ผ่านมา ณ บริเวณโถงชั้นล่าง หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ) เพื่อให้สังคมได้เข้าใจถึงการสร้างถิ่นรมณีย์ โดยในงานมีมินิคอนเสิร์ต โดย “เป้ สีน้ำ” ในเพลง ชีวิตสัมพันธ์,ปลูกต้นไม้ได้บุญ
 
นอกจากนี้ยังมี “โจน จันใด” ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีชีวิตที่เป็นรมณีย์ ใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติ มากล่าวสร้างแรงบันดาลใจ สรุปโดยย่อดังนี้ “คนในยุคเก่า สมัยที่ความเจริญยังไม่เข้าถึง ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ มากนัก ก็จะใฝ่หาความสงบ เย็น เพลิดเพลิน ความสงบในใจท่ามกลางความเคลื่อนไหว ค้นหาความงามในความสงบ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ความร่ำรวยทางทรัพย์สินเงินทอง คือเป้าหมายหลักของการใช้ชีวิต ผู้คนมุ่งดิ้นรนทำงานหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุ เงินทอง แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองโหยหาอะไร และไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่จะได้หยุดพัก ทั้งที่จริงแล้วแก่นแท้ของความสุขในใจคือการเพลิดเพลินกับความจริง ความดี ความงาม หาความรื่นรมย์จากความสงบ”
 
ในส่วนของไฮไลท์ของการจัดงานครั้งนี้ เป็นช่วงของการเสวนาเรื่อง “อารยธรรมรมณีย์” โดยมี “ทรงกลด บางยี่ขัน” เป็นผู้ดำเนินรายการ มีผู้เข้าร่วมเสวนาได้แก่ พระพรหมพัชรญาณมุนี(พระอาจารย์ชยสาโร),พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล” , อุ๋ย-นที เอกวิจิตร(อุ๋ย บุดด้าเบลส) , เกลือ-กิตติ เชี่ยววงศ์กุล เนื้อหาของการเสวนาว่าด้วยเรื่องของ “อารยธรรมรมณีย์” สรุปโดยย่อได้ดังนี้
 
พระพรหมพัชรญาณมุนี(พระอาจารย์ชยสาโร) กล่าวว่า “แยกคำออกจากกันคือ รมณีย์ นั้นหมายถึง เยือกเย็น สงบ ร่มเย็น ส่วนอารยธรรมก็เป็นความพยายามของมนุษย์เราที่จะจัดสรรชีวิตทั้งด้านในด้านนอกให้สงบร่มเย็น อ้างอิงจากคำสอนของหลวงปู่ชากล่าวว่าสมาธิคือความสงบร่มเย็น คำว่าสงบนั้นต้องสงบจากสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ไม่ชอบได้ด้วย สงบจากความคิดผิดๆ ค่านิยมผิดๆ ต่างๆ เท่าทันความมิจฉาทิฐิทั้งหลาย ถึงจะถือว่าเป็นการสงบที่แท้จริง ความสงบที่แท้นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเราเข้าใจชีวิต เข้าใจโลกที่ความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ต้องเรียนรู้ฝึกฝน และค่อยๆ พัฒนา จึงจะเข้าถึงคำว่า อารยธรรมรมณีย์”
 
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล กล่าวว่า “อารยธรรมรมณีย์ คือ ความเจริญและความสงบสุขที่เกิดจากการที่มนุษย์เห็นคุณค่าของสรรพชีวิต คน ต้นไม้ สัตว์ อยู่ด้วยความเคารพ ไม่เบียดเบียนกัน เห็นคุณค่า และเกื้อกูลกัน ก่อให้เกิดชีวิตที่งดงาม และโลกที่ร่มเย็น อันเป็นอารยธรรมที่ยั่งยืน และถ้าจะพูดให้เห็นเป็นรูปธรรมในยุคนี้ก็คือเราทุกคนควรร่วมมือกัน ในการสร้างถิ่นรมณีย์ให้เกิดขึ้น อย่างง่ายที่สุดคือการปลูกต้นไม้ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์กันทั้งทางกายภาพ ทางจิตใจ ที่นำไปสู่ความเป็น อารยธรรมรมณีย์ ที่แท้จริง”
 
ทางด้าน เกลือ-กิตติ เชี่ยววงศ์กุล กล่าวว่า “เราสามารถที่จะมีรมณีย์ได้ด้วยความสงบ ความสุขที่เราสัมผัสมันได้ คำตอบนั้นมันอยู่ในใจของแต่ละคนอยู่แล้ว ผมว่าคำว่ารมณีย์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าเรารู้สึกสงบกับสิ่งใด ก็คงจะได้รู้สึกรมณีย์แล้ว ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ผมเห็นพี่ รปภ.หน้าออฟฟิศ ที่เขาก็อยู่แต่ในตู้ในป้อมพื้นที่สี่เหลี่ยมของเขาตรงนั้น และก็กินข้าวฟังเพลงสนุกสนาน ก็เลยคิดว่านั่นก็คือรมณีย์ในแบบของเขาได้เหมือนกันนะ”
 
ส่วนมุมมองของ อุ๋ย-นที เอกวิจิตร นั้นได้เล่าว่า “ความรมณีย์นั้นเกิดจากความสงบร่มเย็นจากตัวเรา จากภายใจในของเราเอง เมื่อตัวเราเองมีความสงบในใจ รู้สึกเติมเต็มในใจตัวแล้ว ก็จะอยากส่งต่อสิ่งดีๆ ให้ผู้อื่นได้เอง แต่มองอีกมุมหนึ่งสำหรับผู้ที่รู้สึกเป็นทุกข์ ก็กำจัดทุกข์ด้วยการเปลี่ยนความทุกข์เป็นสิ่งอื่น บางคนอาจจะไปออกกำลังกาย หรือบางคนก็พาตัวเองไปในพื้นที่สีเขียวที่สวนสาธารณะ เหล่านั้นก็จะเป็นความรมณีย์ของแต่ละบุคคล ไม่มีผิดถูก มันเป็นเรื่องของความชอบ รสนิยม ช่วงวัย”
 
ภายในงานหลังปิดการเสวนา ยังได้มีการจัดกิจกรรมเดินภาวนาในสวนร่วมกับคณะสงฆ์ นำโดย พระพรหมพัชรญาณมุนี(พระอาจารย์ชยสาโร) และ พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้มีประสบการณ์ตรงในการสัมผัสกับความรมณีย์ผ่านความงดงามของธรรมชาติที่ร่มเย็นอีกด้วย
 
สำหรับผู้ที่สนใจอยากชมบรรยากาศวันงานหรือต้องการฟังการเสวนาดังกล่าว สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/share/v/aquCUM23qj6DJ7zo/?mibextid=oFDknk หรือ https://www.youtube.com/live/4kZQnOs4Mq0?si=jsQozqLoeXqMARI8
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ กุณฑี คำนุช (061 696 4261)