"ปู โลกเบี้ยว" กับ...ปาฏิหาริย์กงล้อสมปรารถนา

"ปู โลกเบี้ยว" กับ...ปาฏิหาริย์กงล้อสมปรารถนา

 

 

 


เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง   ภาพ :  ชวกรณ์  สะอาดเอี่ยม

 

"ปู โลกเบี้ยว"

กับ...ปาฏิหาริย์กงล้อสมปรารถนา

 

 

"ยุวดี เรืองฉาย" หรือ ปู โลกเบี้ยว หนึ่งในพิธีกรรายการ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ทางสถานีโทรทัศน์ ทีไอทีวี เป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับการดูดวง จนวันหนึ่งมีเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งแนะนำให้มาเรียนโหราศาสตร์ที่เกี่ยวกับดวงดาว เป็นศาสตร์ยูเรเนียน และล่าสุดได้มาเรียนวิชาฮวงจุ้ยกับ อ.ไอรีน ออง ประธานกรรมการบริษัท ดับบลิว โอ เอฟ เอส(ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ย

ปู โลกเบี้ยว บอกว่า วันหนึ่งได้มีโอกาสเข้ามาเรียนเรื่องราวของโหราศาสตร์จะต้องใช้จิตวิทยาสูงมาก หากเราไปเรียนเรื่องจิตวิทยาจริงๆ จะเป็นอะไรที่สูงเกินไป เพราะจะมีศัพท์อะไรมากมายทำให้เข้าใจยากพอสมควร ด้วยเหตุที่ดูดวงคนในแต่ละวัน ในแต่ละเดือนจะมีเข้ามามาก ทำให้ได้ฟังปัญหาและเรื่องราวที่หลากหลายเพื่อให้เราได้ช่วยเหลือหรือแก้ไข จึงต้องพึ่งการอ่านหนังสือธรรมะ ซึ่งถือว่าเป็นจิตวิทยาชาวบ้านอ่ายงหนึ่ง หนังสือธรรมะที่อ่านส่วนใหญ่จะเป็นของท่านพุทธทาส และของหลวงพ่อปัญญา

"ธรรมะของท่านพุทธทาส และของหลวงพ่อปัญญา แต่ถ้าจะให้ไปอ่านหนังสือธรรมะของพระอาจารย์รูปอื่นๆ อ่านแล้วจะเข้าใจยาก อาจสูงเกินไปกับการรับฟังของชาวบ้าน ธรรมะของทั้งสองท่านที่จะสอนคล้ายๆกันคือ ตัวกู คือ ทิฐิ ,ของกู คือ ตัณหา ส่วน มานะ ท่านพุทธทาสสอนรวมไว้ที่คำว่า ตัวกู สอนให้กตัญญูต่อบิดามารดา หรือพระในบ้าน สอนให้ใฝ่รู้ สอนไม่ให้คบคนพาล สอนให้ทำบุญ พอเราได้อ่านแล้วก็จะนำมาปรับใช้กับผู้คนที่เข้ามาพร้อมกับปัญหาให้เราช่วยแก้ไข"นี้คือประโยชน์จากการหนังสือธรรมะ" ปู โลกเบี้ยวกล่าว

พร้อมกันนี้ ปู โลกเบี้ยวยังบอกด้วยว่า เมื่อได้เรียนโหราศาตร์ ทำให้แนวคิดเรื่องการดูดวง การทำนายดวงชะตาราศรี ว่าเป็น้ชเรื่องงมงานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การดูดวง การทำนายดวงชะตาราศรี เป็นหลักสถิติทางคณิตศาสตร์โดยมีดวงดาวเป็นเครื่องชวยคำณวน เพราะดาว ๑ ดวง สามารถทำนายได้ ๕๐ เรื่อง ดังนั้น เราต้องใช้สมองวิเคราะห์ใจของผู้มาดูว่าต้องการอยากรู้เรื่องอะไร หลังจากได้หันมาเป็นผู้ทำนายดวงอยางเป็นจริงเป็นจัง จากนั้นก็ยึดเป็นอาชีพเลยก็ว่าได้

เมื่อถามสรณะที่พึ่งทางใจ ปู โลกเบี้ยว บอกว่า วันนี้สิ่งที่แขวนติดประจำคือสิ่งที่ช่วยเสริมโชคด้านความมั่งคั่งด้วยองค์ไชซันโป หรือ กงล้อสมปรารถนา โดยได้มาจาก อ.ไอริน เป็นชาวสิงคโปร์ ที่สอนเรืองฮวงจุ้ยให้ท่านบอกว่ากงล้อนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก หากขออะไรแล้วจะสมปรารถนา โดยเฉพาะที่อยู่ในช่วงสับสนของชีวิต หรือไม่มีกำลังใจ แล้วต้องการกำลังใจ มีสิ่งนี้แล้วจะสมหวังทุกประการ 
กงล้อที่ว่านี้เราจะเห็นได้จากชาวธิเบต หรือชาวเนปาล รวมทั้งประเทศภูฏาน เมืองเหล่านี้เขาจะมีกงล้อสมปรารถนา โดยใช้ในการสวดมนต์แล้วก็หมุน ภายในกงล้อจะมีคัมภีร์หรือบทสวดมนต์ที่พระสงฆ์ใช้สวดมีอยู่ในกงล้อนี้ด้วย คาถาที่ว่านี้สามารถป้องกันผีสาง ไสยศาสตร์ เช่นเดียวกับคงวามเชื่อเรื่องการแขวน พระเครื่อง แขวนจตุคามรามเทพ หรือเครื่องรางของขลังต่างๆ

ทั้งนี้ปู โลกเบี้ยว ได้พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "ความเป็นจริงการขอตรงนี้อาจไม่ได้สมปรารถนาตามที่เราหมุนแล้วขอกงล้ออันนี้ก็เป็นได้ แต่ความสำเร็จตรงนั้นอาจเกิดจากจิตของเราที่สั่งให้เราต้องทำให้ได้ แล้วท้ายที่สุดเราก็จะได้ดังสมปรารถนั่นเอง ขอย้ำว่า มีหินก้อนเดียวถ้าศรัทธาก็ศักดิ์สิทธิ์ได้ เหมือนทั้งหมู่บ้านมีหินอยู่ ๑ ก้อน ที่สามารถช่วยให้หมู่บ้านเขารอดจากอุบัติภัยต่างๆ มันก็คือรอด เพราะเกิดจากจิตของคนทั้งหมู่บ้านอยากให้หมู่บ้านของตนเองรอด"

ขณะเดียวกัน ปู โลกเบี้ยว ได้ยกคำพูดของ อ.ไอริน มาถ่ายทอดให้ฟังว่า "อ.ไอริน บอกว่า มีกงล้อแขวนติดตัวเอาไว้จะดีหลายๆ อย่าง เพราะได้เล่าเรื่องที่ต้องเดินทาง ไปตามจังหวัดต่างๆ แล้วไปเจอผี ทั้งที่จริงๆ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลย เวลาใครเจอ ผีเราก็ชอบคิดว่าเขาหลอกกันไปเองหรือเปล่า คืนหนึ่งเจอเต็มๆ ไปเป็นพิธีกรให้กับอีซูซุที่ แม่ฮ่องสอน ตกใจในห้องไม่มีใคร แต่หมอนมันเลื่อนเองได้ พอเล่าให้อาจารย์ฟังท่านก็เลยให้กงล้อนี้แขวนติดตัว"


อย่างไรก้ตาม ปู ดลกเบี้ยว ยอมรับว่า จากที่สมัยก่อนเป็นคนที่ไม่แขวนอะไรติดตัวเลย แต่วันนี้พอเจอกับตัวเองก็ทำให้เชื่อว่าผีมีจริง ทำให้ต้องแขวนกงล้อสมปรารถนามาตั้งแต่บัดนั้น ถ้าถามว่าขออะไรแล้วสมปรารถนาบ้างหรือยัง ตรงนี้อยากบอกว่า เคยขอแต่ไม่ได้ขออะไรที่ใหญ่โต เพราะในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่เราอยากได้แล้วได้ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ หากเราคาดหวังทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์พอไม่ได้ก็จะเป็นทุกข์ ขอเพียงให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย หรือถ้าไปไหนลำบากก็ขอให้มีคนเกื้อหนุน และยิ่งวันนี้มีคนเข้ามาให้ดูดวงเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องมีอะไรมารับแทน

"ความโชคดีไม่ได้เกิดขึ้นได้กับทุกคนมันเป็นจังหวะชีวิต เหมือนทุกขลาภเมื่อมีทุกข์ก็ต้องมีลาภ เป็นอะไรที่วนเวียนเป็นวัฏจักร บนโลกใบนี้จะต้องมีความสมดุลย์ มีขาวมีดำ มีดีมีชั่ว เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่เคยทำชั่ว อยู่ที่ว่าจะแสดงออกมาหรือเปล่าเท่านั้นเอง วันนี้ทุกคนแสดงออกมาแต่ความดี อีกสิ่งหนึ่งจะไม่ชอบอย่างมากคนที่มีทุกข์แล้วไปหาหมอดู หมอดูชอบให้ไปสะเดาะเคราะห์เสียเงินเสียทอง ถ้าอยากทำบุญแบบไม่เสียเงินมีหลายวิธีใช้แรงช่วยเหลือ การช่วยเหลือคนแค่คิดก็ได้บุญแล้ว บริจาคเลือดยิ่งได้บุญใหญ่มาก เพราะเป็นการช่วยชีวิตคน เห็นไหมว่าการทำบุญแบบนี้ก็เหมือนได้สะเดาะเคราะห์โดยไม่ต้องเสียเงิน" น.ส.ยุวดี กล่าวทิ้งท้าย

"ความโชคดีไม่ได้เกิดขึ้นได้กับทุกคนมันเป็นจังหวะชีวิต เหมือนทุกขลาภเมื่อมีทุกข์ก็ต้องมีลาภ "