...ท่องเที่ยวแบบสบายๆ 7 สิ่งมหัศจรรย์ อุบลราชธานี

...ท่องเที่ยวแบบสบายๆ 7 สิ่งมหัศจรรย์ อุบลราชธานี

 

 

 

 

 

...ท่องเที่ยวแบบสบายๆ

7 สิ่งมหัศจรรย์ อุบลราชธานี

 

 

จากวันวานกับเสียงรถไฟ  ปู๊นๆ  ของการท่องเที่ยวยังคงเป็นความทรงจำที่ดีให้ใครหลายๆคนอย่างแน่นอน  แต่ในวันนี้การเดินทางด้วยรถไฟไทยที่สร้างความสุข ความสบายให้กับนักเที่ยวอย่างเราๆ ของรถไฟไทยด้วยขบวนรถด่วนพิเศษ 4 เส้นทาง (8 ขบวน)  ที่ดูหรูทันสมัย และให้ความปลอดภัยดีเยี่ยมในยุค 4.0     ซึ่ง 4  เส้นทาง ประกอบด้วย   1.กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ   2.กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ  3.กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ  4.กรุงเทพ – ชุมทางหาดใหญ่ – กรุงเทพ ที่เดินทางได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย  เพราะใช้ความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม.

 

ขณะเดียวกัน รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษนี้ยังให้ความสำคัญในการรองรับสำหรับผู้พิการ หรือรองรับกับผู้ใช้วีลแชร์  ให้ได้เดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย   โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องน้ำที่รองรับการใช้ของผู้พิการ, อักษรเบรลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา เป็นต้น  โอกาสดีวันนี้เป็นช่วงบุญใหญ่พอดี เลยได้เลือกโดยสารด้วยรถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ   ที่เราสามารถชื่นชมและอิ่มเอมใจกับบรรยากาศของสีสันสองข้างทางให้ได้สุขจริงๆ 

 

เมื่อเดินทางไปถึงอุบลฯ ได้เข้าชมงานแห่เทียนอุบลฯที่สวยงาม  ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาอุบลราชธานี ประจำปี 2560" โดยทุกปีจะมีไฮไลท์กิจกรรมสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวันรวมต้นเทียนบริเวณรอบทุ่งศรี และวันแห่ต้นเทียน ที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมขบวนแห่เทียน ที่มีความอลังการประติมากรรมเทียนหอม หนึ่งเดียวในโลก

จากนั้นเดินทางไปทำบุญต่อที่ วัดหนองบัว ชาวอุบลนิยมเรียก วัดพระธาตุหนองบัว เป็นวัดที่มีชื่อเสียง และมีความสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี และมีสถาปัตยกรรม ที่งดงามและน่าสนใจ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ควรจะได้แวะมาเที่ยวชมและสักการะสิ่งศักดิ์ที่วัดแห่งนี้ นั่นคือ “พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ”

แล้วไปไหว้พระกันต่อที่ วัดหนองป่าพง สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สงบท่ามกลางธรรมชาติของต้นไม้ใหญ่ในวัด บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ พร้อมเข้าชม พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) หรือ พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อชา ซึ่งเก็บรวบรวมเครื่องอัฐบริขารของหลวงพ่อชาไว้ ของเก่าโบราณาน่าสนใจที่ได้สะสมไว้ รวมทั้งประวัติของหลวงพ่อ และยังมี หุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อชาที่ชั้น 3อีกด้วย สุขใจด้วยธรรมเพราะได้ย้อนรอยชีวิตหลวงพ่อชากันเลยทีเดียว

ต่อมาเดินทางไปยังวัดทุ่งศรีเมือง หอไตรกลางน้ำเลื่องลือ แห่งเมืองอุบลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างชอบไปวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน   เพื่อไหว้พระขอพร และเยี่ยมชมวัดเก่าวัดดังประจำถิ่น คราวนี้เรามาไกลถึงจังหวัดอุบลราชธานี จึงต้องขอแวะที่ “วัดทุ่งศรีเมือง” ที่แสดงถึงอิทธิพลศิลปะของพม่าที่ส่งผ่านมายังศิลปะลาวล้านช้างด้วย

 

เมื่อไหว้พระทำบุญให้ได้สุขใจกันไปแล้ว ก็ออกเดินทางไปชมธรรมชาติที่ “สามพันโบก” แก่งหินสามพันโบกตั้งอยู่ที่บ้านโป่งเป้า ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นกลุ่มหินทรายที่ถูกกระแสน้ำธรรมชาติ กัดเซาะผ่านกาลเวลามานานหลายพันปี จนเกิดเป็นร่องหินขนาดใหญ่สูง 3-7 เมตร กว้างเป็นสิบเมตร กลายเป็นโบกงามๆ แปลกตาจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายอยู่บนพื้นผิวของลานหินในละแวกนี้ 

และอยากบอกว่า  ไม่ควรพลาดที่จะต้องไปเยือน หาดหงส์ เป็นทะเลทรายกว้างใหญ่ซึ่งเกิดจากการพัดพาของน้ำและตะกอนทรายมาทับถมกัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าไปจริงๆ  และใครอยากเห็นทุ่งหญ้าสวยๆ งานนี้ขอบอกว่าไม่ควรพลาดที่จะไป ทุ่งหนองหญ้าม้า บ้านโนนเค็ง ตำบลคำขวาง อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ที่จะได้เห็น ดอกกระดุมเงินและดอกดุสิตา ที่กว้างใหญ่ไกลสุดลูกตา

 

ปิดท้ายการเที่ยวครั้งนี้กับรถไฟไทย 4.0 กันที่ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ชมภาพเขียนสี น้ำตก เดินป่าเห็นพระอาทิตย์ก่อนใคร ผาแต้มนั้นมีสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง ทั้งทางโบราณคดีและธรรมชาติ ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายด้วยถนนลาดยางเข้าถึงที่ทำการอุทยานฯ และยังเชื่อมต่อกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง  เราามารถขับรถเที่ยวได้ง่าย ในเส้นทางไปยังที่ทำการคุณสามารถจอดรถเที่ยวชมเสาเฉลียง ตั้งอยู่ที่ ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม  อยู่ริมทางก่อนถึงผาแต้มเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น   โดยเสาเฉลียงเป็นลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สืบเนื่องมาจากกระบวนการกัดเซาะและกัดกร่อนด้วยอิทธิพลของน้ำและลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการสึกกร่อนโดยแม่น้ำหรือธารน้ำไหลกัดเซาะเป็นเวลาชั่วนาตาปี เกิดขึ้นในชั้นหินที่วางตัวอยู่ในแนวราบหรือเกือบราบและในแต่ละชั้นมีส่วนประกอบของแร่ที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีความแข็งและทนทานที่ไม่เหมือนกัน  เพราะเป็นประติมากรรมชิ้นเอกร่วมกันของหินทราย 2 ยุค คือ หินทรายยุค ครีเตเซียส ซึ่งมีอายุประมาณ 130 ล้านปี เป็นส่วนดอกเห็ดอยู่ท่อนบน และหินทราย ยุคไดโนเสาร์ มีอายุประมาณ 180 ล้านปี  ใครชอบถ่ายภาพสวยๆมาที่นี่ไม่ผิดหวัง

ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไม่ลืมที่จะแวะ ร้านขายหมูยอ-ของฝาก  ในอุบลนั้นมีร้านขนมของฝาก รวมถึงหมูยออยู่หลายร้านทีเดียวครับ สำหรับร้านที่จะแนะนำในวันนี้คือร้าน สามชัยกรุ๊ป ที่มีโรงผลิตหมูยอเอง-โดยสูตรหมูยอที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น และเป็นหมูยอแท้ ไม่ใช่หมูยอแป้ง ท่านใดได้แวะผ่านไปก็ลองไปชิมกันดูได้นะครับ  จะซื้อของฝากมากแค่ไหนก็ไม่ต้องห่วงว่าน้ำหนักจะเกินนะครับ  วันนี้ต้องขอบคุณรถไฟไทยที่พามาเยือนถิ่นอีสาน อุบลราชธานี  ที่ได้รับความประทับใจแบบลืมไม่ลง สัญญาว่าจะมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

 

รถโดยสารทั้ง 115 คันนี้ ผลิตโดยบริษัท CNR Changchun Railway Vehicles Co., Ltd
 (โรงงานฉางชุน) สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นโรงงานเดียวกับรถไฟ BTS รุ่นที่ 2 (สายสีลม)  รถโดยสารปรับอากาศจำนวน 115 คัน แยกประเภท ได้ดังนี้

1. รถไฟฟ้ากำลัง จำนวน 9 คัน
2. รถนอนปรับอากาศชั้น 2 จำนวน 79 คัน
3. รถนอนปรับอากาศชั้น 2 สำหรับผู้พิการ จำนวน 9 คัน
4. รถนอนปรับอากาศชั้น 1 จำนวน 9 คัน
5. รถเสบียงปรับอากาศ จำนวน 9 คัน

แคร่รถโดยสาร(โบกี้) รองรับความเร็วได้ 120 กม./ชม.

โดยจะนำมาให้บริการเป็นขบวนรถด่วนพิเศษ 4 เส้นทาง (8 ขบวน) คือ

  • กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ
  • กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ
  • กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ
  • กรุงเทพ – ชุมทางหาดใหญ่ – กรุงเทพ

ในการให้บริการต่อ 1 ขบวน จะเป็นชุดๆ ประกอบด้วย

  • รถไฟฟ้ากำลัง 1 คัน
  • รถนอนปรับอากาศชั้น 2 จำนวน 9 คัน
  • รถนอนปรับอากาศชั้น 2 สำหรับผู้พิการ จำนวน 1 คัน
  • รถนอนปรับอากาศชั้น 1 จำนวน 1 คัน
  • รถเสบียงปรับอากาศ จำนวน 1 คัน

รถโดยสารทั้ง 115 คันนั้น จะมี คุณสมบัติพิเศษที่กำหนดไว้ใน Spec รถกับทางผู้ผลิต (สั่ง Spec ผลิต ไม่ใช่รถสำเร็จรูป) คือ

  • มีกล้อง CCTV แบบ Built-In
  • สุขาระบบปิด
  • มีประตูทางเดินเชื่อมระหว่างรถทุกคัน ยกเว้นรถไฟฟ้ากำลัง และรถนอนชั้น 1 จะมีประตูเชื่อมตู้แค่ฝั่งเดียว
  • มีระบบ Passenger Information System
  • มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ัพิการตามมาตรฐานสากล
  • ใช้ระบบ Power Car จ่ายไฟและระบบปรับอากาศทั้งขบวน ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น (เดิมในรถทุกคันของ รฟท. จะมีเครื่องปั่นไฟสำหรับจ่ายไฟ และระบบปรับอากาศในตัว)
  • บันไดขึ้นรถที่สามารถพับได้ และใช้ได้ 2 ระบบชานชาลา คือ ชานชาลาต่ำ (ตามสถานีเดิม) และชานชาลาเสมอพื้นรถ (ตามโครงการรถไฟสายสีแดง และ รถไฟทางคู่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ณ ขณะนี้ เพราะหลังจากนี้จะทยอยทำชานชาลาเสมอพื้นรถแล้วในโครงการใหม่ๆ)
  • ไฟ Warm white ที่ทำให้บรรยากาศของรถอบอุ่น ดูสบายตา
  • ทางเดินเชื่อมตู้ที่กว้างขวาง ปลอดภัย มาตรฐานเดียวกับรถไฟฟ้า BTS
  • จอแสดงสถานะ
  • จอสัมผัสส่วนตัวแต่ละเตียง (เฉพาะชั้น 1)
  • ห้องอาบน้ำ.เป็นต้น

นอกจากนี้รถไฟนี้ยังรองรับสำหรับผู้พิการ, รถนอนสำหรับผู้ใช้วีลแชร์ มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องน้ำที่รองรับการใช้ของผู้พิการ, อักษรเบรลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา เป็นต้นทั้งนี้ ตามแผนงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มีโครงการจัดหารถจักรดีเซลน้ำหนักกดเพลา 16 ตัน ทดแทนรถจักร GE อีก 50 คัน, รถโดยสารปรับอากาศ (รถนั่ง) อีก 250 คัน ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษา และเสนอคณะรัฐมนตรี