‘ศิริราช’ แถลง ‘บรรหาร’ ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบ (2)

‘ศิริราช’ แถลง ‘บรรหาร’ ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบ
23 เม.ย. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวการถึงแก่อนิจกรรมแล้วของนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเข้ารับการรักษาอาการหอบหืดกำเริบที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.2559 ว่า เดิมนายบรรหารเป็นโรคหอบหืด ที่บ้านจะมียาขยายหลอดลม แต่เมื่อประมาณ 03.00-04.00 น.ของวันที่ 21 เม.ย.มีอาการหอบหืดกำเริบ ญาติให้ยาขยายหลอดลมแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้นหลอดลมบีบตัว จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ซึ่งระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลร่างกายขาดออกซิเจน คณะแพทย์ได้นำตัวเข้าห้องไอซียู ให้ยาขยายหลอดลม ยารักษาโรคหัวใจ และออกซิเจน
"ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลอาการทรง คงที่แต่ให้ยาทุกอย่างเหมือนเดิม เพื่อดูว่าร่างกายตอบสนองหรือไม่ เมื่อได้รับออกซิเจนแล้วอวัยวะต่างๆ จะฟื้นตัวหรือไม่ ซึ่งคนที่เป็นโรคหอบหืด เมื่อให้ยาขยายหลอดลมแล้วก็จะมีอาการดีขึ้น แต่ในกรณีของผู้สูงอายุถ้าร่างกายขาดออกซิเจนแม้ว่าจะได้รับออกซิเจนเข้าในร่างกาย เซลล์ต่างๆ บางครั้งจะไม่ฟื้นตัว หรือฟื้นตัวลำบาก กระทั่งเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 22 เม.ย.เกิดภาวะความดันตก แพทย์พยายามให้การช่วยเหลือเต็มที่ ให้ยาต่างๆ แต่ร่างกายตอบสนองน้อยลงจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเวลา 04.42 น.วันที่ 23 เม.ย.2559"ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ญาติจะมีการเคลื่อนย้ายศพไปบำเพ็ญกุศลที่ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส โดยเวลา 17.30 น. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานในพิธี พระราชทานน้ำหลวงอาบศพนายบรรหาร พร้อมร่วมฟังสวดพระอภิธรรม ทั้งนี้ในการสวดอภิธรรมศพ 7 คืนแรกจะอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ จากนั้นทางญาติจะสวดอภิธรรมต่ออีก 7 วัน รวมทั้งหมดเป็น 14 วัน และขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนงดถ่ายภาพทำข่าวในโรงพยาบาล เนื่องจากอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ป่วยคนอื่นๆ ขอให้รอทำข่าวที่วัดเทพศิรินทร์
‘สุวัจน์’ ยก ‘บรรหาร’ เป็นคนทำงานต้นแบบ
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา ได้เขียนไว้อาลัยต่อนายบรรหาร ศิลปาอาชา อดีตนายกฯ ผมขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับครอบครัวศิลปอาชา ที่ต้องสูญเสียนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯส่วนตัวผมถือว่าท่านบรรหารเป็นผู้ใหญ่ทางการเมือง และที่ผ่านมาได้ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไว้จำนวนมาก ดังนั้นการสูญเสียนายบรรหารไปนั้น ถือเป็นการสูญเสียผู้ใหญ่ทางการเมืองที่สำคัญคนหนึ่ง
สำหรับท่านบรรหาร ผมยกให้เป็นแบบอย่างของความเป็นผู้แทนราษฎรที่ดี ที่มีความเอาใจใส่พื้นที่ ซึ่งเห็นได้จากการผลักดันการพัฒนา และความเจริญในด้านโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัด ซึ่งท่านบรรหาร มาจากจังหวัดสุพรรณบุรี จะเห็นได้ว่าท่านเอาใจใส่เป็นอย่างดี ขณะที่การทำงาน ผมยกให้เป็นคนทำงานต้นแบบ โดยในช่วงปี 2535 ที่ท่านบรรหาร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผมเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านบรรหาร ซึ่งท่านได้ให้ความเมตตา ให้ความรู้ และคำแนะนำต่างๆ ฐานะผู้ใหญ่
“ช่วงที่พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ยังอยู่ ท่านได้กล่าวชื่นชมท่านบรรหารให้ผมฟังเสมอๆ ว่า ช่วงที่พล.อ.ชาติชาย เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทย และมีท่านบรรหารเป็นเลขาธิการพรรค ถือเป็นยุคที่ทำงานสบาย เพราะท่านบรรหารเป็นเลขาธิการพรรคที่ดีที่สุด เป็นคนเก่ง เป็นคนขยัน ซึ่งจุดนี้ผมถือว่าจะเป็นสิ่งที่นักการเมืองรุ่นหลังควรจะได้ศึกษาและนำไปเป็นแบบอย่าง”



