นักบริหารโรงไฟฟ้าแสนล้าน .... ปรียนาถ สุนทรวาทะ ยึดหลัก “เก่งได้แต่ห้ามโกง”

Strict Standards: Only variables should be assigned by reference in /home/admin/web/changeintomag.com/public_html/plugins/content/fcomment/fcomment.php on line 103

นักบริหารโรงไฟฟ้าแสนล้าน .... ปรียนาถ สุนทรวาทะ ยึดหลัก “เก่งได้แต่ห้ามโกง”

 เรื่อง : สุทธิคุณ  กองทอง  ภาพ : ชวกรณ์  สะอาดเอี่ยม 

 

BG (1)
BG (2)
BG (3)
BG (4)
1/4 
start stop bwd fwd

 

 

 นักบริหารผู้หญิงคนเก่ง

ผู้นำทัพดำเนินการโรงไฟฟ้า

กลุ่ม บี.กริม เพาเวอร์ 

 

 

ชีวิตกว่าที่จะประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกับ ปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด เป็นผู้ร่วมปลุกปั้น "ธุรกิจโรงไฟฟ้า" ให้กลายเป็นอีกหนึ่งในธุรกิจหลักของ “กลุ่มบี.กริม” มาตั้งแต่ต้น จนวันนี้สามารถนำพาโรงไฟฟ้าของภาคเอกชนเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทย

 

//คำสอนตา “ไม่เคยตาย”

 

กว่าจะก้าวสู่นักบริหารหญิงที่เก่งในปัจจุบัน  เธอจบการศึกษามัธยมศึกษา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา  ปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาการธนาคารและการเงิน ปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ชีวิตเริ่มต้นทำงานที่ Ocean Insurance Group เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีภายใน จากนั้นมาเป็นผู้จัดการทางด้านการเงินและการบริหาร บริษัท Kris & Associated จำกัด ศูนย์กลางบัญชี และการบริหารของกลุ่มบริษัท Ocean Insurance กระทั่งดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) และ กรรมการบริหาร กลุ่ม     บี.กริม จากการชักชวนของ มร.ลิงค์ (ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และ ประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์)

 

ย้อนกลับไปเธอเป็นชาวอำเภอเมืองเพชรบุรีโดยกำเนิด มีคุณพ่อเป็นทนายความ คุณแม่เป็นครู  ส่วนคุณตาเป็นเจ้าเมืองเพชรบุรี ร.อ.ขุน ชาญใช้จักร ร.น. ( ชาญ ชาญใช้จักร ) และเป็นนักปราชญ์  “สมัยเด็กๆเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง แต่สิ่งที่หล่อหลอมมาตั้งแต่เป็นเด็กคือความซื่อสัตย์สุจริต เนื่องจากจะได้ยินคุณตาพูดถึงเรื่องการทุจริตเสมอๆ เพราะคุณตาเองทำงานโดยยึดหลักความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง ด้วยความเป็นเด็กเห็นผู้ใหญ่คุยกันและพูดตรงกันว่า คุณตาจะไม่ชอบการคอรัปชั่น ท่านจะเกลียดมาก ส่วนทางด้านคุณพ่อเองก็ยึดถือปฏิบัติเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเช่นกัน

 

“คุณพ่อเป็นทนายความก็จะมีลูกความมาหาทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นลูกความยากจนแล้วถูกโกง    คุณพ่อมักจะโกรธแทน ทุกเช้าก็จะได้ยินคุณพ่อพูดคุยกับลูกความเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้เสมอ พอคุณพ่อมาทำหนังสือพิมพ์ แล้วเขียนอะไรที่ตรงๆ ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจ สุดท้ายคุณพ่อก็ถูกยิงเสียชีวิต ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เป็นเด็ก” เธอฉายภาพอดีตที่ไม่เคยลืมจากคำสอนของคุณตาและคุณพ่อ

 

//นำทัพสู่บริษัท(มหาชน)

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 26 ปีที่ผ่านมา จากนักบริหารการเงินมาสู่นักบริหารโรงไฟฟ้าแห่งแรก ภายใต้ชื่อ 

อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี  “พี่ดูแลกลุ่มโรงไฟฟ้า

 ของบี.กริม ตอนนี้เราดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 9 แห่งแล้ว และ 

เรายังพัฒนาโรงไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่ง ณ ขณะนี้ เรามีโรงไฟฟ้าที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการ อยู่ใน 

ระหว่างการก่อสร้าง รวมถึงเปิดดำเนินการแล้วทั้งหมด 18 โรง (โรงไฟฟ้าพลังความร้อน 

ร่วม) มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมดประมาณ 2,400 เมกะวัตต์ หากรวมมูลค่าการลงทุนแล้วประมาณ 

กว่า 9 หมื่นล้านบาท และมีแผนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้า เพราะเรามีพนักงานมืออาชีพ และมี 

ประสิทธิภาพสูงที่สุด จึงทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี

 

“ปัจจุบันเราเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่อยู่ในสองอันดับต้นๆของประเทศ เรียกได้ว่าเราก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านของความน่าเชื่อถือ เพราะวันนี้เรามีลูกค้ากว่าสองร้อยราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าญี่ปุ่นที่มาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า โซนี่ ไดกิ้น หรือ บริสโตน เป็นต้น และตอนนี้เราก็กำลังทำโซล่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นกระแสอยู่ในเวลานี้ โดยอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นประมาณ 114 เมกะวัตต์  ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นอย่างดี”

 

//บุกตลาดเพื่อนบ้าน

 

 “เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วเราได้ไปลงทุนที่เวียดนามเป็นเจ้าแรก เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม มีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 40 เมกะวัตต์ และตอนนี้เราก็กำลังเริ่มลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ประเทศลาว อีกประมาณ 20.1 เมกะวัตต์ และกำลังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนอีกหลายโครงการในต่างประเทศเพิ่มขึ้น แผนพัฒนาของบริษัทก็มีการขยายงานไปเรื่อยๆ เนื่องจากเรามีทีมงานที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ พนักงานมีกำลังใจที่ได้ทำงานในบริษัทที่มีอนาคตไกลและมีการเจริญเติบโตอย่างมั่นคง”

 

// “ต้มยำกุ้ง” บทเรียนสำคัญของชีวิต

 

ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้า ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป จากจุดเริ่มต้นที่กระโจนเข้าสู่สนามธุรกิจในปี 2539 ก็เผชิญกับวิกฤติต้มยำกุ้งพอดี ทำให้ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าธุรกิจจะกลับมาเข้มแข็งได้ในปัจจุบัน

 

“ช่วงที่เข้ามาทำงานที่ บี.กริม แรกๆ บริษัทกำลังขยายงานจำนวนมาก พอดีเป็นช่วงที่เกิดเศรษฐกิจต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540  เป็นช่วงที่บริษัทวิกฤตมากๆ แต่เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้เรียนรู้ในการแก้ปัญหาว่าเราควรทำอย่างไร การเสียสละ การช่วยเหลือกัน และการร่วมมือกันเพื่อฟันฝ่าอุปสรรค เพื่อให้บริษัทสามารถอยู่รอดได้ และเนื่องด้วยบริษัทเป็นที่น่าเชื่อถือมาตั้งแต่ยุคหนึ่งยุคสองของบี.กริม ตอนนั้นเราคุยกับ Suppliers ทุกราย เพื่อขอผลัดผ่อนหนี้สินที่เกิดขึ้น เพราะเราสั่งของนำเข้ามา แล้วของที่สั่งก็ยังอยู่กลางทะเล(หัวเราะ) ตอนนั้นเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก  แต่เราพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาสัญญา เพราะความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

 

“สุดท้ายเขาก็เชื่อใจเราให้เราผ่อนจ่ายได้   การชำระเงินตอนนั้นเราก็พยายามแก้ไปทีละเปลาะ พนักงานก็ร่วมใจกันที่จะยอมลดเงินเดือน ถือเป็นช่วงชีวิตที่เจ็บปวด แต่พี่คิดว่ามันเป็นบทเรียนชีวิตที่มีค่ามาก มันทำให้เราเข้มแข็ง สามารถหาวิธีป้องกัน และไม่ประมาท คิดอะไรก็รอบคอบมากขึ้น ตรงนี้ก็ทำให้เราฉุกคิดได้ว่า   ธุรกิจอะไรที่จะเหมาะกับเรา ไม่ใช่ขยายงานเยอะแยะไปหมด เราต้องตัดธุรกิจที่ไม่เหมาะกับเราไป โดยการหาคนมาซื้อธุรกิจตัวนั้นแทน เมื่อก่อนธุรกิจทำความสะอาดเราก็ยังเคยมีเลย(หัวเราะ)”

 

 

 

 //ยึดหลัก “เก่งได้แต่ห้ามโกง”

 

ที่ผ่านมา บี.กริม เพาเวอร์ ยึดหลัก “การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี” โดยกลุ่มบริษัทได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยเหลือและพัฒนาสังคมมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชุมชนบริเวณรอบนิคมอุตสาหกรรมที่โรงไฟฟ้าของบริษัทจัดตั้งอยู่ โดยบริษัทได้ริเริ่มและดำเนินการโครงการส่งเสริมความสัมพันธ์ร่วมกับชุมชนมากมายอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ IT สัญจร โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย โครงการปลูกป่าชายเลน และโครงการการเรียนการสอนร่วมกับกรมอาชีวศึกษา เป็นต้น

 

“ผู้หญิงเข้ามาทำงานด้านพลังงานไฟฟ้า พี่มองว่าในบางเรื่องอาจได้เปรียบกว่าผู้ชาย เพราะว่าการสร้างโรงไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่สำคัญต้องทำงานเป็นทีม พี่ก็มองว่าความเป็นผู้หญิงช่วยได้ในเรื่องของการเจรจา ไม่ว่ากับลูกค้า ผู้ถือหุ้น หรือแม้แต่ลูกน้องของเราเอง ทำให้บางเรื่องที่อาจขัดแย้งกันรุนแรงก็จะเบาลงได้ พี่จะพูดเสมอว่า ไม่มีใครเก่งทั้งหมด เราเองไม่ได้จบวิศวะ แต่ต้องทำงานกับลูกน้องที่จบวิศวะตอนนี้กว่า 700 คน มีวิศวกรกว่า 60% แล้ว (หัวเราะ) แต่เราจะรับฟังความคิดเห็นของทุกคนโดยต้องไม่พยายามเก่งกว่าเขา พยายามดึงส่วนดีของทุกคนออกมาทำงานร่วมกันเพื่อองค์กร  พี่เป็นคนพูดอะไรตรงไปตรงมาสิ่งที่รับไม่ได้คือ การทุจริต และการโกง หรือการไม่สุจริตต่อหน้าที่ และสิ่งที่ย้ำกับพนักงานทุกคนเสมอว่า จะต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต้องมีคุณธรรมและทำงานแบบมืออาชีพ   ไม่ว่าจะเป็นการโกงผู้ถือหุ้น หรือโกงลูกค้า หากเราทำอะไรแล้วเอาเปรียบหรือไม่ซื่อตรงก็จะทำให้การทำงานนั้นไม่ประสบความสำเร็จ” นี่เป็นบทบาทของนักบริหารหญิงที่ประสบความสำเร็จที่ชื่อ   “ปรียนาถ สุนทรวาทะ”