20 ปี “รัก(อำ)พราง”ต้นเหตุบวชไม่สึก นราธิป กาญจนวัฒน์

20 ปี “รัก(อำ)พราง”ต้นเหตุบวชไม่สึก นราธิป กาญจนวัฒน์

 

 

 

เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ นพพล ภาคสุทธิผล

 

20 ปี “รัก(อำ)พราง”ต้นเหตุบวชไม่สึก นราธิป กาญจนวัฒน์

 


สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้บรรดาแฟนเพลงวงชาตรีอย่างมาก เมื่อ แดง-นราธิป
กาญจนวัฒน์ ในฐานะอดีตนักร้องนำ และหัวหน้าวงชาตรี โดยบทเพลงโด่งดังในอดีต อาทิ แฟนฉัน,


จากไปลอนดอน, รักครั้งแรก, อธิษฐานรัก ฯลฯ
 ที่สุดตัดสินใจบวชไม่สึกตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2532 ในครั้งนั้น เขาไม่ได้ให้ข่าวใดๆ ถึงเหตุผลของการบวชอย่างแท้จริง ผ่านไป 17 ปี สำนักพิมพ์ My Bangkok ได้ออกพ็อคเก็ตบุ๊ค ขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อ ''ไอ้หน้าโง่'' ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตก่อนบวชของนราธิป ในวันเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ ทาง


วัดลานนางฟ้าได้นำเอาซีดีเพลงชุด ''รักเหนือเมฆ'' ซึ่งจัดทำขึ้นมาจากบรรดาลูกศิษย์ที่ได้นำเอา Demo เสียงร้องของนราธิป ในอดีตมาใส่ดนตรีใหม่ด้วยเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย

มาแถลงข่าวพร้อมกัน เพื่อหารายได้เข้าวัด ในงานวันนั้นมีบรรดาแฟนเพลงมากมายได้มาอุดหนุนทั้งหนังสือ และซีดี พร้อมทั้งให้พระนราธิปในขณะนั้น เซ็นชื่อบนปกหนังสือ และปกซีดีด้วย พระนราธิปก็ยินดีเซ็นให้

กับแฟนเพลงทุกราย แต่กลับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาว่าไม่เหมาะสม ที่พระมาแจกลายเซ็นซีดีเพลงรัก ทั้งนี้ยังรวมไปถึงเนื้อหาในหนังสือ”ไอ้หน้าโง่” ที่หลายๆคนเข้าใจ และหลายๆคนไม่เข้าใจ

ทำให้เกิดการตำหนิติเตียนพระนราธิปอย่างหนักในช่วงนั้น พระนราธิป ตัดสินใจลาสิขาบท เพื่อยุติความวุ่นวายต่างๆ จากความไม่เข้าใจของผู้คนรอบข้าง และไม่ต้องการให้กระทบสถาบันพระสงฆ์ด้วย


วันนี้ CHANGE into จะพาไปดูการใช้ชีวิตประจำวันของ นราธิป หลังจากที่ได้ลาสิขาบท และกลับมาใช่ชีวิตเยี่ยงฆราวาสในปัจจุบัน พวกเราใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ-ชัยภูมิ 4 ชั่วโมง ก็ถึงบ้าน “นราธิป” ที่นั่นเราได้พบกับรอยยิ้มของ นราธิป กับ ''กุ๊กไก่''บุษบา จตุรพิธพรศิริ ศรีภรรยา ออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ซึ่งนราธิป

ยินดีเล่าเรื่องราวชีวิตส่วนตัวที่ผ่านมาในอดีต และปัจจุบันให้พวกเราฟัง ทุกแง่ทุกมุมที่เราอยากรู้แบบหมดเปลือก

 

//ตัดสินใจสึกเพื่อยุติปัญหา

ก่อนที่อดีตพระปลัดนราธิปจะตัดสินใจสึกนั้น ได้มีผลงานเพลงและผลงานหนังสือออกมาพร้อมๆ กัน จนถูกกระแสสังคมวิจารณ์อย่างรุนแรง เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการแจกลายเซ็น เพราะยังครองสมณเพศอยู่
ในที่สุด อดีตพระนราธิปในเวลานั้นตัดสินใจสึกเพื่อความเหมาะสม ไม่เช่นนั้นเรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่


ถ้าไม่ตัดสินใจแบบนั้นเรื่องคงไม่จบง่ายๆ
 
 เหตุผลทำหนังสือ ไอ้หน้าโง่(เป็นชื่อหนังสือที่ลูกสาวได้พูดขึ้นมาว่า สิ่งที่พ่อทำทุกอย่างที่ผ่านมา สังคมจะเรียกพ่อ “ไอ้หน้าโง่” ที่เป็นการต่อว่าตัวเอง และอยากให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจทุกคนที่จะมีความรัก

ครั้งแรกที่มีคนมาขอทำหนังสือเล่มนี้ออกมารู้เลยว่า จะต้องถูกกระแสวิจารณ์จนเป็นเรื่องใหญ่โตแน่ และแล้วก็เป็นไปตามคาด เหมือนเป็นทดสอบตัวเอง เมื่อขึ้นไปอยู่บนที่สูงแล้วถูกหอกดาบแบบนั้นจะ

ต้านทานได้ไหม คนจะเห็นยังยอมรับได้ไหม แต่ด้วยความเป็นพระจะไปพยายามนั่งเซ้าซี้อยู่แบบนั้นก็ไม่ได้

“ยอมรับจิตใจย่ำแย่ วินาทีนั้นเคยคิดสึกหรือหายตัวไป เสียดายเหมือนกันกับเวลาที่บวช 17 ปี แต่ทำอย่างไรได้ เพราะถูกฝึกให้อยู่กับความเป็นจริง”

 

//ผลงานเพลง”ชุดรักเหนือเมฆ”

ระหว่างที่นราธิปพูดถึงที่ไปที่มาของการทำหนังสือ “กุ๊กไก่” บอกว่า ตอนพี่แดงบวชอยู่นั้นได้สั่งเสียเอาไว้ว่า หากมรณะภาพไปให้จัดงานศพตามแบบที่วางเอาไว้ โดยขอให้เป็นโยมอุปฐาก จึงได้อาสามาช่วยท่านสร้างวัด ตามสัตย์จริงไม่ได้คิดเรื่องอื่่นเลย จากนั้น”กุ๊กไก่” ได้นำเดโม้เพลงของนราธิปที่ร้องไว้้ก่อนบวช ไปทำดนตรีออกมาเป็นอัลบั้มชุด รักเหนือเมฆ มีวัตถุประสงค์

เพื่อหาเงินเข้าวัด และเมื่อทำไปแล้วคนฟังไม่เชื่อว่าไม่ได้เข้าห้องอัด จนถูกวิจารณ์ถึงขั้นว่าผิดไหมที่พระมาร้องเพลงรัก

“พอดีว่าเทปเพลง รักเหนือเมฆ ได้ใส่ที่อยู่ของวัดลงไปเพื่อสะดวกในการจัดซื้อ เท่านั้นแหละ โดยมีการกล่าวหาว่า เป็นพระแล้วมาร้องเพลงได้ยังไง เราก็ยืนยันไปแล้วว่าเป็นเพลงที่พี่แดงร้องก่อนบวช แต่ไม่มีใครเชื่อ ยิ่งไปนั้นได้เปิดตัวหนังสือและเพลงชุดรักเหนือเมฆ พร้อมกัน จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ตอนนั้นเครียดมากเลย พี่แดงด้วยความเป็นพระในตอนนั้นเลยตัดสินใจสึกออกมา เพื่อยุติเรื่องราวต่างๆ”


//เราจะเดินให้สุดทางธรรม


ย้อนเวลากลับไปสมัยบวช ได้ให้สัจจะเอาไว้ว่า “เราจะเดินให้สุดทางธรรม” เป็นเรื่องที่อยากทำให้ถึงที่สุด แต่ตอนที่เกิดเรื่องต้องคิดหนักเหมือนกัน เมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นมันสาหัส ผลเสียที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น ขอสอนตัวเองให้พบความจริงว่า คนเราตั้งใจ หรือตั้งเป้าหมายในชีวิต ใช่ว่าจะเดินไปถึง

ตรงนั้นในเวลาที่กำหนดไว้ได้เสมอ มันอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น เหมือนน้องเดินทางมาสัมภาษณ์ ระหว่างเดินทางมามีการปิดถนนก็ทำให้เกิดการเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงเวลาได้


“ชีวิตวันนี้แม้ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แต่มันก็ยังอยู่ในจุดมุ่งหมายเดิม วันนี้ถึงแม้นราธิปไม่ได้บวชแล้ว ถึงแม้นราธิปสุดทางบวช แต่ว่ายังไม่สุดทางธรรม ยังอยู่ในภาวะเหมือนเดิม

ทุกวันนี้ตี 4 ก็ต้องลุกขึ้นสวดมนต์ทุกเช้า แล้วก็พิจารณาธรรมอยู่เหมือนเดิม ชีวิตยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เพราะบทเพลงชีวิตยังไม่หยุดขับขาน ยังบรรเลงต่อไป คงไม่มีใครหรอกที่อยากทำให้ชีวิตต้องเร้าร้อนเป็นที่โจทย์ขาน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเวลาของมันจริงๆ”


 

//“รัก(อำ)พราง”ต้นเหตุบวชไม่สึก


มาถึงเวลานี้เชื่อว่า คงมีหลายคนสงสัยถึงการตัดสินใจบวชครั้งนั้นว่า มีสาเหตุมาจากอะไรนั้น นราธิปมีคำตอบถึงเหตุผลที่ชัดเจนว่า หลังจากได้เปลี่ยนความสัมพันธ์กับ กุ๊กไก่” จากเพื่อนกลาย

เป็นคนรัก จนกระทั่งเผลอใจไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอีกหนึ่งคน ทำให้ทางครอบครัวฝ่ายหญิงต้องให้นราธิปรับผิดชอบ ในช่วงเวลาที่เขาต้องตัดสินใจค่อนข้างลำบากว่าจะเลือกฝ่ายไหน ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงหาทางออกด้วยการตัดสินใจบวช

“พอตอนไปบวชคนก็อยากรู้ว่าทำไมถึงบวช(หัวเราะ) เป็นเรื่องที่ผมปกปิดมาตลอด บอกตรงๆ เลยว่า ตอนนั้นเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ แล้วมารู้ว่า “กุ๊กไก่” กำลังมีน้องเฟิร์น ก็ไม่รู้จะทำอย่างไง แล้วในช่วงเวลานั้นพื้นฐานชีวิตเป็นคนที่สนใจเรื่องธรรมะอยู่แล้ว จึงไม่อยากจะประชดชีวิต สุดท้ายก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เลยตัดสินใจบวช ซึ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุด”

 

//“กุ๊กไก่”ผู้หญิงพิชิตหัวใจนราธิป

เกิดเรื่องราวใหญ่โตทำให้พระนราธิปในเวลานั้นต้องตัดสินใจสึก จนมีหลายคนสงสัยว่า “กุ๊กไก่” ผู้หญิงร่างท้วมยิ้มง่ายเป็นใครมาจากไหนกัน คำตอบที่ได้มา เธอเป็นเพื่อนบ้านนราธิปตั้งแต่เรียนอยู่ที่ โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา จึงมีความคุ้นเคยกันมาก บังเอิญว่า นราธิป ชอบผู้หญิงสไตล์นี้ คือ เป็นผู้หญิงเก่ง คล่องแคล้ว ปราดเปรียว คุยได้ทุกเรื่อง ร้องเพลงด้วยกันได้ แต่เป็นผู้หญิงที่ไม่อ่อนหวานเลย


จังหวะนั้น กุ๊กไก่ เล่าต่อว่า คนสมัยก่อนจะรักกันชอบกันเขาจะไม่เปิดเผยอย่างทุกวันนี้ เพราะสมัยนั้นถือเป็นเรื่องที่น่าอาย แต่ตอนนี้อายุมากขึ้นแล้วก็เลยมาเล่าสู่กันฟังได้ คนสมัยนั้นจะมาจับมือถือแขนไม่ได้เลย ใครรู้ก็จะโดนล้อ รักกันชอบกันก็ต้องเงียบอย่างเดียว ไม่เหมือนยุคนี้เป็นแฟนกันก็สามารถเปิดเผยได้

“ชีวิตของเรายิ่งกว่านิยายเสียอีก มันซับซ้อนซ่อนเงือน แล้วคนเกิดมาถึงเวลาก็ต้องตาย เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนทำแต่สิ่งที่ดีๆ เพื่อเตรียมเอาไว้ภพหน้า แล้วตอนนั้นพี่แดงเคลียร์ปัญหาไม่ได้ ก็โกรธเขามาก เลย บอกพี่แดงไปว่าถ้าตัดสินอะไรไม่ได้ ก็หมดสิทธิ์ที่จะมาเป็นสามีหรือเป็นพ่อของลูก ท้ายที่สุดคงตัดสินใจไม่ได้ เลยไปบวช แล้วไม่เจอกันอีกเลย วันนี้ยังเป็นคนเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตมากเลย เพราะจู่ๆ ทุกอย่างกลับมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ หลายคนมองว่าชีวิตคนเราเหมือนละคร” นี่เป็นภาพความทรงจำที่เธอไม่เคยลืม

 

//“น้องเฟิร์น” สร้อยทองคล้องใจ

ระหว่างที่ นราธิป อยู่ในผ้าเหลือง “กุ๊กไก่” ตัดสินใจเด็ดเดียวที่จะไม่กลับไปเรียกร้องอะไรกับคนที่ชื่อนราธิปอีกแล้ว ทำให้“กุ๊กไก่” ไปมีครอบครัวใหม่ แล้วเล่าต่อว่า เมื่อลูกสาวเริ่มโตก็ได้บอกให้ฟังว่าคุณพ่อเป็นใครเขาฟังก็เข้าใจ เนื่องจากที่ผ่านมาจะเลี้ยงลูกแบบฝรั่งให้กล้าที่จะตัดสินใจ แล้วสิ่งที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันจะ
ทำให้ลูกมีปัญหานั้นไม่ใช่ แต่พยายามสอนให้ลูกสาวอยู่กับความเป็นจริง

“มีบางคนที่พ่อแม่เลิกกันหรือแยกทางกัน ลูกก็จะทำตัวเป็นปัญหา พี่ก็เคยบอกลูกว่านี่ไม่ใช่สูตรสำเร็จ แล้วที่ผ่านมาน้องเฟิร์นก็เติบโตเป็นคนดีมาตลอด พอเราเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง มุมมองของลูกก็จะกว้างขึ้น ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วลูกต้องมีปัญหา วันนี้รู้สึกดีใจที่น้องเฟิร์นเป็นคนดี”



// ชีวิตใหม่ที่เมืองชัยภูมิ

ภายหลังสึกออกมาก็ได้เดินทางไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยไปไหว้เจ้าพ่อพระยาแล ขอให้สิ่งร้ายๆ ผ่านไป ได้อธิษฐานกับเจ้าพ่อว่า ถ้าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้วมีความสุขจะขออยู่ตลอดไป แล้วคำอธิษฐานก็เป็นจริง เพราะได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ชัยภูมิเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ทุกวันนี้เดินทางไปไหนมาไหนมีหลายคนเข้ามาทักทาย ตรงนี้ก็ช่วยให้มีความสุข

สำหรับชีวิตประจำวันของ นราธิป ตื่นนอนตั้งแต่ตี 4 เพื่อลุกขึ้นมาสวดมนต์ จากนั้นก็จะเขียนเพลง ทำผลงานเป็นอัลบั้มเพื่อให้แฟนคลับที่ยังติดตามผลงานเพลงอยู่ได้ฟังเพลงใหม่ๆกัน ส่วน”กุ๊กไก่” ก็ออกจากบ้านไปทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดิน พอตกเย็นทั้งสองคนจะมาช่วยกันดูแลร้านสเต็กเฮ้าส์ แฟนฉัน เพราะจะมีแฟน

คลับเดินทางมากินอาหารและฟังเสียงร้องสดๆ เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีเพื่อนสมาชิกในวงชาตรีจะมาเที่ยวหาบ้าง ส่วนยามว่างนอกเหนือจากนี้ จะออกไปกินอาหารนอกบ้านกับกุ๊กไก่และลูกสาวบ้าง

อยางไรก็ตาม กุ๊กไก่ พูดเสริมว่า การสึกในครั้งนี้พวกเราเสียใจมาก พอพี่แดงสึกออกมาแล้วจะไปอยู่ไหน ก็เลยบอกไปว่า ไหนๆ ไม่รู้ไปอยู่ไหน ก็เลยชวนให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้านชัยภูมิ เพราะตอนนั้นก็ยังโสด ทำให้ครอบครัวถูกเติมเต็มจนสมบูรณ์ จะว่าไปแล้วก็เหมือนฟ้าลิขิตไว้แล้ว

“ถึงเวลาสุขก็สุข ถึงเวลาทุกข์ก็ต้องยอมรับ และทุกคนที่มีชีวิตมีคู่ขออย่ามีทิฐิ ไม่เช่นนั้นอาจสายไปเหมือนกับเราสองคน แล้ว เกิดปัญหาชีวิตคู่ครั้งใหม่ขอให้หันหน้ามาพูดความจริงจะดีกว่า”

 

//“เอ็นเลสเลิฟ” แต่งให้ ”กุ๊กไก่”

ก่อนหน้านี้เคยถามว่ารัก”กุ๊กไก่”ไหม แทบไม่มีคำตอบที่เราอยากได้ยินเลย แต่วันนี้คุณนราธิปเปลี่ยนไป เพราะสามารถพูดคำว่ารักได้ แถมยังเป็นคนโรแมนติก จนลูกแอบขำก็มี เชื่อไหมว่า บางครั้งเล่นจูบกลางที่สาธารณะมาแล้ว (หัวเราะ) แต่สิ่งที่คุณนราธิปแสดงออกมาเคยถาม แล้วได้คำตอบว่า

ต้องการชดเชยกับสิ่งที่เคยขาดหายไปเมื่อครั้งตัดสินใจที่ผิดพลาด มันเจ็บปวดมาก วันนี้เราจะไม่พลาดจากกัน หากตายก็ขอตายพร้อมกันจะไม่ทิ้งให้ใครโดดเดี่ยวอีกแล้วไม่นานที่ทั้งสองมั่นใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน นราธิปจึงได้้ทำอัลบั้มเดี่ยวขึ้นมาชื่อชุด เอ็นเลสเลิฟ หมายความถึง ความรักข้ามภพชาติ โดยเป็นงานที่ถูกทำขึ้นหลังจากช่วงที่สึกออกมา ซึ่งเป็นบทเพลงแนว

หวานโรแมนติก และงานเพลงชุด เอ็นเลสเลิฟ ได้ออกมาในนามบริษัท ชาตรี ชาตรีออริจินอล จำกัด“บทเพลงที่ทำขึ้นมาในเวลานี้ไม่ได้หวังในเชิงธุรกิจ แต่ทำเพื่อดำรงความเป็นศิลปินไว้ ใครบอกว่านราธิปไม่มีน้ำยาแล้ว แต่ไม่ใช่เลยของแบบนี้ไม่เกี่ยวกับอายุ วันนี้ยังมีแรงบันดาลใจนำบทเพลงเพราะๆ กลับมาได้ตลอด เราเป็นขุนคลังเพลง ก็ไม่อยากจะเล่นร้องแล้วก็หมดยุคไป ถึงผมจะไม่ใช่นราธิปที่ครองใจคนยุคนี้ แต่มั่นใจว่ายังสามารถทำงานที่มีคุณภาพ
ได้“


 

//ความรู้สึกจากลูกถึงพ่อนราธิป

ชีวิตของผู้เป็นลูกทุกคน ต่างต้องดีใจ เมื่อชีวิตเกิดมาแล้วรู้ว่าใครคือพ่อผู้ให้กำเนิด น้องเฟิร์น-ฉัตรติยา กาญจนวัฒน์ ในวัย 19 ปี สีหน้าบ่งบอกถึงความดีใจที่วันนี้ได้อยู่กับพ่อ ทำให้ครอบครัวกาญจนวัฒน์มีความสมบูรณ์แบบ เธอได้บอกความรู้สึกว่า ดีใจที่พ่อกลับมาอยู่ด้วย รักพ่อมาก เราเป็นลูกต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และคิดไว้ว่าหากเรียนคณะมนุษย์ศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ จบแล้วอยากเรียนต่อปริญญาโท ทางด้านธุรกิจ โดยได้ตั้งเป้าเอาไว้อยากเป็น Air Traffic Controller

หากไม่ได้จริงๆ ก็จะกลับมาทำร้านอาหารของพ่อกับแม่ ร้านสเต็กเฮาส์ แฟนฉัน โดยอาจจะไปเปิดที่เมืองใหญ่กว่านี้ 
ส่วนในเรื่องแวดวงบันเทิงเป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบ เพราะไม่ถนัดที่จะไปแสดงให้ใครดู แล้วเป็นคนไม่ชอบอยู่กับคนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่เพื่อนๆจะรู้จักพ่อในฐานะคนแต่งเพลงแฟนฉัน แต่ก็ไม่ค่อยมีเพื่อนตื่นเต้น
อะไร แต่ถ้าเป็นพ่อแม่เพื่อนจะรู้จักมากกว่า เลยถูกแม่แซวถ้าพ่อเป็นกอฟ์ล-ไมค์เพื่อนๆคงรู้จัก(หัวเราะ)

“จริงๆ ส่วนตัวเฟิร์นเป็นคนชอบฟังเพลงทุกแนว แต่เฟิร์นร้องเพลงไม่เก่ง เล่นกีต้าร์แล้วเจ็บมือเลยหยุดเล่น แต่เฟิร์นชอบฮัมเพลงอธิษฐานรักของคุณพ่อ เพราะได้ยินคุณพ่อชอบร้องเพลงนี้ให้แม่ฟังอยู่บ่อยๆ(หัวเราะ)”

“นราธิป กาญจนวัฒน์” ผู้สร้างตำนานบทเพลงชาตรีให้โด่งดังข้ามทศวรรษ

และวันนี้ขอใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่าย

 


เปิดแฟ้มวงชาตรี

วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ แผนกช่างภาพ เป็นจุดเริ่มต้นของวงชาตรี เมื่อปีพ.ศ. 2518 โดยมี นราธิป กาญจนวัฒน์ (แดง) นักร้องนำ, หัวหน้าวง คทาวุธ สะท้านไตรภพ (ป้อม) ร้องนำ, คีบอร์ด ประยูร เมธีธรรมนาถ (ยุ่น) เล่นคีย์บอร์ด ประเทือง อุดมกิจนุภาพ (เหมา) เล่นเบส,ประสาน อนุสรณ์ คำเกษม(ปุ้ย) ตีกลอง เริ่มแรกจากการร่วมประกวดโฟล์คซอง แล้วเข้าตาคุณครูไพบูลย์ ศุภวารี จึงได้นำไปออกรายการ 120 นาทีมัลติเพลก กระทั่งบริษัทเมโทรแผ่นเสียงได้ติดต่อวงชาตรี ไปอัดแผ่นเสียงกับ
บริษัท และแล้วแผ่นเสียงชุดแรกของวงชาตรีก็ได้เกิดขึ้น คือชุด “ จากไปลอนดอน ( ในชุดนี้ใช้กีตาร์โปร่งทั้งหมด )

ต้นปี พ.ศ. 2519 ได้ออกผลงานชุดที่ 2 คือ “ แฟนฉัน ” และในระยะเดียวกันนั้นเอง คุณครูไพจิตร ซึ่งเป็นน้องชายของคุณครูไพบูลย์ ศุภวารี ได้ให้ครูไพบูลย์ ช่วยติดต่อวงโฟล์คซองมาแต่งเพลงให้หนังเรื่อง สวัสดีคุณครู คุณครูจึงได้แนะนำวงชาตรีให้ทำเพลงในหนังเรื่องนั้น แนวเพลงของวงชาตรีในยุคนั้น ออกไปลักษณะเป็นการเอาใจเด็กๆ เสียมากกว่า ยกตัวอย่างเพลง “ สวัสดีคุณครู ” พอหนังเรื่อง สวัสดีคุณครูดัง ก็เลยทำให้วงชาตรีเพิ่มความดังขึ้นไปอีก

และต้นปี 2520 ได้ทำผลงานชุดที่ 4 ให้กับห้างแผ่นเสียงทองคำ นั่นคือชุด “ ฝนตกแดดออก ” เป็นหนังชื่อเดียวกับเพลง นอกจากนี้ วงชาตรียังได้ทำเพลงให้กับหนังอีกหลายเรื่องเช่น

“ รักแล้วรอหน่อย ” “ จ๊ะเอ๋เบบี้ ” ต่อมาต้นปี 2522 วงชาตรีได้ทำเพลงให้กับละครช่อง 9 เรื่อง

“ นางสาวทองสร้อย ” แล้วเดือนกรกฏาคม วงชาตรีได้ออกผลงานชิ้นแรกให้กับบริษัท อี.เอ็ม.ไอ นั่นคือชุด “ รัก 10 แบบ ”

ถึงปลายปี 2523 วงชาตรีก็ได้ออกผลงานชุด “ รักครั้งแรก ” แล้วกลางปี 2524 ได้ออกผลงานชุด

“ สัญญาใจ ” และปลายปี 2524 ออกชุด “ ชะตารัก ” และเดือนพฤษภาคม ปี 2525 ออกผลงานชุด

“ ชาตรีอินคอนเสิร์ต ” และต่อมาในเดือน ตุลาคม 2525 ชาตรีก็ได้ออกชุด “ รักไม่เป็น ” และในชุดนี้เอง ก็ได้รับตุ๊กตาทองมหาชนในเพลง “ ภาษาเงิน ”

เดือนมีนาคม 2526 ชาตรีก็ได้ออกอัลบั้มชุด “ รักที่เธอลืม ” ชุดนี้ชาตรีได้รับเกียรติจากพลเอกหาญ ลีลานนท์ ได้มอบเพลงให้ 2 เพลง คือ วันรอคอย และ ใต้ร่มเย็น ซึ่งเป็นบทเพลงที่เตือนให้คนไทยรักชาติไทยมีความสามัคคี และก็มีเพลงของทางชาตรีอีก 10 เพลง รวมเป็น 12 เพลง “ รักที่เธอลืม ” เป็นอีกชุดหนึ่งที่ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว คือมียอดขายเกินกว่า 2 แสนตลับ

เดือน ตุลาคม 2526 เป็นความภูมิใจของชาตรีที่เราตั้งใจเอาไว้ว่า อยากจะมีห้องบันทึกเสียงของตนเอง ในที่สุด ผลงานชุดที่ 13 คือชุด “ แอบรัก ” ในปี 2528 วงชาตรี ได้นำความใหม่มาสู่วงการเพลง ด้วยการนำเอาบุคคลหนึ่งที่มีมันสมองเยี่ยมในด้านการเรียบเรียงเสียงประสานคือ คุณโทนี่ แองกิลา ร่วมกับ “ ชาตรี ” ผลิตผลงานชุดที่ 14 โดยใช้ชื่อ “ ชาตรีทศวรรษ ” และปีนี้ ก็มีผลงาน

ล่าสุดขื่อชุด “ อธิษฐานรัก ” โดยทาง “ ชาตรี ” ได้ถือฤกษ์ออกวางตลาด 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก และถือว่าเป็นผลงานสุดท้ายจนกลายเป็นตำนาน “วงชาตรี”

หมายเหตุ ใครสนใจไปรับประทาน สเต็กเฮาส์แฟนฉัน ติดต่อได้ที่ 086-389-5835