19 ปีแห่งความภูมิใจ “มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด” บุญชัย เบญจรงคกุล “สายใยแห่งความดี คือ พืชพันธุ์ของแผ่นดิน”

19 ปีแห่งความภูมิใจ “มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด” บุญชัย เบญจรงคกุล “สายใยแห่งความดี คือ พืชพันธุ์ของแผ่นดิน”

 

 

 

 

เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวรินทร์ เผงสวัสดิ์
สถานที่ : โรงแรม โนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค

 

19 ปีแห่งความภูมิใจ
“มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด”
บุญชัย เบญจรงคกุล
“สายใยแห่งความดี คือ พืชพันธุ์ของแผ่นดิน”


เศรษฐีหมื่นล้าน ประกาศเดินหน้าตามเจตนารมณ์ สำนึกรักบ้านเกิด ฉลองครบรอบ 19 ปี เชื่อมั่นเยาวชนโครงการสำนึกรักบ้านเกิดฯ ทุกคน “คือ…สายใยแห่งความดีงาม คือ…พืชพันธุ์ของแผ่นดิน” พร้อมเปิดตัว RBK Reset ต่อยอดความสำเร็จนำสินค้าไทยเชื่อมตลาดโลก



เนื่องในโอกาสครบรอบ 19 ปี ของโครงการการให้ทุนการศึกษาของมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด “พี่ใหญ่” บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด และประธานกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ ดีแทค ประกาศเจตนารมณ์หนุนให้เยาวชนเดินหน้าพันธกิจต่อไป หลังผ่านการบ่มเพาะความรู้ทางปัญญาและจิตสำนึก เพื่อให้เป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศในการดูแลสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของการพัฒนาบ้านเกิด


// เว็บไซต์ “รักบ้านเกิด” มุ่งสู่ตลาดโลก
เมื่อโครงการเสร็จสิ้นโดยบรรลุเป้าหมายของการก่อตั้งมูลนิธิแล้ว ถือเป็นโอกาสอันดีในการเริ่มพันธกิจใหม่ RBK Reset เพื่อสร้างความสำเร็จให้แก่บ้านเกิดประเทศไทย รวมถึงการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ตนเองอย่างยั่งยืน

RBK Reset เป็นการพัฒนาระดับการเชื่อมโยงเครือข่ายของบัณฑิตไปสู่การเชื่อมโยงสังคม โดยการช่วยเหลือเกื้อกูลภาคเกษตรกรรมแบบบูรณาการ เพื่อให้เกษตรกรเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ เมื่อเครือข่ายได้ถูกเชื่อมโยงสมบูรณ์ด้วยการสนับสนุนจากองค์กรพันธมิตรต่างๆ ได้แก่ ดีแทค ร่วมด้วยช่วยกัน สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA Bangkok และ บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด แล้ว จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อส่วนรวมและหนุนให้เศรษฐกิจของชาติขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บุญชัย กล่าวว่า “ด้วยความเชื่อว่าเกษตรกรคือรากแก้วของแผ่นดิน หากมีความแข็งแรงก็จะเสริมให้ลำต้นและใบงอกงาม เราจึงมุ่งมั่นส่งเสริมให้บุคคลที่อยู่ในภาคเกษตรกรรมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยการสร้างให้เกษตรกร ผู้ผลิตสินค้าจากชุมชน หรือธุรกิจขนาดเล็กมีอำนาจทางเศรษฐกิจอยู่ในมือ ให้ผู้ผลิตเลือกขายสินค้าแก่ผู้ซื้อด้วยราคาที่น่าพอใจที่สุดผ่านพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ด้วยเหตุนี้ บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด จึงได้พัฒนาเว็บไซต์ รักบ้านเกิดดอทคอม (www.rakbankerd.com) ให้เกษตรกรจากทุกภูมิภาคของประเทศสามารถนำสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ และบริการอื่นๆ ซึ่งจะมีการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจากรักบ้านเกิด มาโพสต์ขายให้กับคนไทยและผู้บริโภคทั่วโลกผ่านระบบออนไลน์ โดยมีบัณฑิตรักบ้านเกิดจากทั่วประเทศเป็นตัวเชื่อม

“เรายังมุ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันด้านการท่องเที่ยว เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 โดยจะดำเนินการขยายตลาดทั้งภาคบริการและการท่องเที่ยวให้กว้างขวางออกไป ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ นอกจากนี้จะยังมีการบูรณาการระหว่างมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด กับ ดีแทค และบริษัทในเครือเบญจจินดา เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการสร้างรายได้ และยังได้เห็นวิถีความเป็นไทยอีกด้วย เหมือนเรามาสอนให้พวกเขาได้ค้าขายบนเว็บไซต์ ที่ไหนมีวัดไทย ที่นั่นมีโอกาสให้เรา”

เว็บไซต์ www.rakbankerd.com ยังเปิดโอกาสให้สมาชิกที่สนใจเข้ามาโพสต์ขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ โดยแบ่งหมวดหมู่สินค้าออกเป็น 1.รักบ้านเกิด แบรนด์ จำหน่ายข้าวหอมมะลิปลอดสารเคมีคุณภาพดีที่สั่งตรงจากเกษตรกรไทย 2.รักบ้านเกิด มอลล์ สินค้าที่ผ่านการคัดสรร ตรวจสอบมาตรฐานและรับรองคุณภาพด้วยตราสัญลักษณ์ “RBK Selected” จากรักบ้านเกิด และ 3.สินค้าทั่วไป เปิดให้สมาชิกที่ไม่มีหน้าร้าน และไม่มีช่องทางเชื่อมต่อกับระบบการชำระเงินกับธนาคาร มาใช้พื้นที่เป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าและอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อกับระบบการชำระเงินออนไลน์ผ่าน บริษัท เพย์สบาย จำกัด (PAYSBUY) บริษัทในเครือของดีแทค ที่มีความปลอดภัยในการใช้งานด้วยมาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ยังมีแผนที่จะเปิดให้บริการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนสำหรับลูกค้าของดีแทคที่มีอยู่กว่า 28 ล้านรายทั่วประเทศอีกด้วย

// เดินตามรอยพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง”
ย้อนไปในปี 2540 ที่คุณบุญชัยยิ้มสู้จนผ่านช่วงวิกฤตมาได้อย่างแข็งแกร่ง
“ฝ่ายการตลาดมารายงานผมว่า ลูกค้ากำลังหายไปเดือนละ 10% ก็ตกใจ เดือนที่ 2 มารายงานว่า หายอีก 10% ตอนนั้นก็เลยกังวลว่า แล้วอีก 10 เดือน ต้องปิดดีแทคหรือเปล่า ทำให้เราเกิดความรู้อย่างหนึ่งว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม คนอื่นวินาศ เราก็วินาศด้วย ถ้าเราจะไม่วินาศ เราก็ต้องไปอยู่ต่างประเทศ แต่ไปอยู่ต่างประเทศเราก็ต้องคิดถึงบ้าน เพราะไปอยู่เมืองนอกก็ไม่เหมือนอยู่บ้านเราเอง หน้าที่ผมตอนนั้นก็ต้องหาคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้เข้ามา และน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ทำให้องค์กรยั่งยืน สิ่งที่เกิดขึ้นกับดีแทคช่วงนั้น สอนให้เรารู้ว่าเราโง่ เรายืมเงินมาลงทุนเยอะ คาดหวังว่าจะดี แต่เมื่อยอมรับแล้วว่าโง่ ต่อไปก็ฉลาดได้

“คำว่าพอเพียงของพระองค์ท่านหมายความว่า พอดี เพราะพระองค์ท่านเคยรับสั่งว่า ถ้าเราใช้คำว่า พอเพียง คนจะคิดว่าเป็นเรื่องความจน เพราะเคยไปสอบถามชื่อ บริษัท เศรษฐกิจพอเพียง ที่กระทรวงพาณิชย์แล้วมันยังว่าง ผมก็กราบบังคมทูลไปว่า ชื่อนี้ยังว่างอยู่ พระองค์ท่านรับสั่งว่า ก็ใช่นะสิ เพราะคนเขาเห็นคำว่า พอเพียง มันจน ก็เลยไม่มีใครมาจดไป (หัวเราะ) จริงๆ มันเป็นเรื่องเดียว ถ้าเราจะแก้ไขหรือจะปฏิรูปความคิดความเป็นอยู่ของคน มันสามารถมาได้ถึงสองสามทาง คือจากราชการ เอกชน และชุมชน จากเอกชนมันเป็นเรื่องยากที่จะให้มีการรวมกลุ่ม ผมเลยเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเขา จากตัวแทนของชุมชน แล้วก็พุ่งไปที่เด็ก จึงเป็นที่มาของโฆษณาชุดสำนึกรักบ้านเกิดให้เป็นที่รู้จักจนทุกวันนี้ เพราะทำให้เด็กๆ เหล่านี้ได้ภูมิใจที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ตอนที่คิดคำว่า รักบ้านเกิด ก็คิดว่ามันโดนใจ” ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของนักธุรกิจหมื่นล้านคนนี้จริงๆ

// สร้างเมล็ดพันธุ์พืชแห่งความดี

เมื่อถามถึงความตั้งใจในการก่อตั้งมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด คุณบุญชัยยิ้มแล้วตอบด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่า “ตอนนั้นที่ผมมีเครื่องบินเจ็ต หรูหรา คิดว่าตราบใดที่สนามบินไม่ปิด เราจะขึ้นบินเมื่อไหร่ก็ได้ ผมนึกถึงตัวเองตอนเป็นวัยรุ่นว่า ทำไมเราถึงได้โชคดีแบบนี้ คิดอะไรหลายๆ อย่าง รวมถึงผู้ใหญ่พูดอะไรก็เข้ามาในหัว สุดท้ายพอสรุปได้ก็คือ เราโชคดีเพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าเราไม่ได้พระองค์ท่าน เราคงไม่โชคดีขนาดนี้หรอก เพราะในเอเชียโอกาสที่ผู้คนเชื้อสายจีนจะโชคไม่ดีเยอะ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม เขมร โอเคหน้าเราเป็นแบบนี้ เปลี่ยนได้ไหม ก็ต้องตอบว่าไม่ได้ เราต้องทำให้เขาเห็นว่าไม่ได้อยู่ที่หน้าตาหรือเผ่าพันธุ์ แต่มันอยู่ที่นิสัยของแต่ละคน เราก็เลยดูว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอะไรบ้าง แล้วเราทำต่อ มองออกไปว่าคนต่างจังหวัดขาดความรู้เรื่องค้าขาย เราก็เข้าไปช่วย

“คนที่มีไม่ได้มีมาด้วยความยากลำบาก แต่คนที่ปากกัดตีนถีบแล้วสร้างตัวเองมาได้ รับรองเขาจะไม่ซื้อรถคันละ 35 ล้าน ดังนั้น ผมยังไม่ถึงจุดที่จะเป็นตัวอย่างได้ ผมคิดว่าการที่คิดจะทำให้คนอื่นมันสูญหายไปตั้งแต่คนเราเลิกเข้าวัด พอเลิกเข้าวัดก็ไม่เชื่อว่าชาติหน้ามีจริง หรือผลของชาติหน้ามีจริง ไม่เชื่อว่าสวรรค์อยู่นานกว่าโลกมนุษย์ ผมอยากจะบอกว่า สิ่งที่ผมอยากไปคือ สวรรค์ชั้นดุสิต เป็นสวรรค์ชั้นที่ 4 อายุขัยบนนั้น 576 ล้านปี ชีวิตบนโลกมนุษย์เทียบไม่ได้เลย แล้วความงามบนสวรรค์ชั้นดุสิต โลกนี้ก็เทียบไม่ได้ ผมเลยตั้งเป้าที่จะไปให้ได้ ทุกวันนี้ผมมีรถเฟอร์รารี่ 4 คัน คงไม่ซื้อใหม่อีกแล้ว เพราะขนาดปีหนึ่งยังไม่มีเวลาขับเลย (หัวเราะ)

“ผมหวังว่าพี่น้องเราจะเป็นเมล็ดพันธุ์พืชแห่งความดีงาม ไม่ว่าจะถูกเพาะอยู่ที่ไหน ก็จะงอกงามขึ้นมาสร้างความดีงามให้กับชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะถ้าได้เติบโตในพื้นแผ่นดินเกิดที่คุ้นเคย ก็เหมือนได้ปุ๋ยที่ช่วยให้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเจริญเติบโตเต็มที่ กลายเป็นดอกผลแห่งความดีของคนรุ่นใหม่ ซึ่งวันนี้เราได้เริ่มต้นที่ 456 คน แต่วันต่อๆ ไป พี่น้องเราจะค่อยๆ ขยาย เป็นพัน เป็นหมื่น เพื่อร่วมกันรับผิดชอบต่อแผ่นดินเกิดของเรา”
สำหรับหลักการบริหารงานที่สำคัญของเจ้าสัวบุญชัยจะเน้นถึงการมีน้ำใจควบคู่ไปกับหลักพอเพียง ให้เกิดความสุขกับการทำงานทั้งพนักงานและผู้รับบริการ

// สนับสนุนภรรยา...สู่เวทีนานาชาติ

เจ้าสัวบุญชัย เกิดวันที่ 25 มิถุนายน 2497 เป็นบุตรชายคนโตของ คุณพ่อสุจินต์-คุณแม่กาญจนา เบญจรงคกุล โดยมีน้องชาย-หญิง 3 คน คือ วรรณา (จิรกิติ), สมชาย เบญจรงคกุล และ วิชัย เบญจรงคกุล ปัจจุบันคุณบุญชัยมีทายาทอันเป็นแก้วตาดวงใจ 6 คน เริ่มต้นธุรกิจบทแรกโดยเข้าสืบสานงานที่บริษัทขายเครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งคุณพ่อได้วางรากฐานการทำงานเอาไว้ให้ และได้อาศัยรากฐานนั้นพัฒนาฝ่าฟันจน บริษัท ยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันในนาม ยูคอม ก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์สื่อสาร 1 ใน 4 ของประเทศไทย ภายใต้ความสำเร็จทางธุรกิจดังกล่าว คุณบุญชัยไม่เคยละทิ้งปรัชญาและอุดมการณ์อันมุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมือง
แรกเริ่มธุรกิจนั้นคุณบุญชัยสานต่อธุรกิจโทรคมนาคมต่อจากคุณพ่อ กระทั่งได้เป็นเจ้าของบริษัท ดีแทค ระยะเวลาต่อมาเขาได้ขายหุ้นดีแทคให้กับต่างชาติเพราะขาดทุนจากการสัมปทานกับภาครัฐ ทำให้บริษัทไปไม่รอด นั่นคือเหตุผลที่คุณบุญชัยต้องขายหุ้นบริษัททั้งหมดให้กับต่างชาติไปดำเนินงานต่อ และด้วยทรัพย์สินที่ได้จากการขายหุ้นและบริษัทย่อยทั้งหมดเป็นจำนวนเงินมากถึง 30,690 ล้านบาท ล่าสุด ฟอร์บส์ได้จัดอันดับเศรษฐีไทยปี 2557 คุณบุญชัยจึงอยู่อันดับที่ 17 โดยมีมูลค่าทรัพย์สิน 42,373.50 ล้านบาท


หลังวางมือจากธุรกิจ จึงมาสร้างมูลนิธิและหอศิลป์ที่ตัวเองชื่นชอบ ด้วยการสร้างพิพิธภัณฑ์มูลค่าหลายร้อยล้านบาทเพื่อเก็บรวบรวมศิลปะและภาพเขียนไว้ให้ผู้อื่นได้เข้ามาเยี่ยมชม เรียกได้ว่าคุณบุญชัยเป็นนักสะสมศิลปะตัวยงเลยทีเดียว หอศิลป์จึงมีมูลค่านับพันล้านบาทจากประติมากรรมอันสวยงามและภาพเขียนบางภาพที่มีเพียงหนึ่งเดียวได้เพิ่มมูลค่าให้กับผู้สะสมมีแต่ความมั่งคั่งขึ้น
ปัจจุบันคุณบุญชัยมีความสุขอยู่กับภรรยา ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล (คงมาลัย) กับลูกชายคนเล็กที่มีชื่อเก๋ๆ ว่า “น้องข้าวหอม”
“ผมถามตั๊กว่าอยากทำอะไร เพราะผมไม่ได้แต่งงานแล้วให้เขามาเป็นแม่บ้าน เขาคงมีสิ่งที่อยากทำ ผมเอาหนังที่เขาเล่นทุกเรื่องมาดู จะเห็นว่ามันหลากหลายมาก เรียกว่าเล่นมาแล้วทุกบทบาท แต่ตรงนี้อยากให้คนจำเขาได้ในบทที่ยากมากขึ้นและชื่นชมในฝีมือการแสดง เขาเลยต้องออกกำลังกายทุกวันด้วยการจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาสอน กินปลากับผักในมื้อเช้ากับเที่ยง ทำให้ลดน้ำหนักลงไปได้เกือบ 10 กิโลกรัม ในวันข้างหน้าถ้าเขาจะเปิดตัวภาพยนตร์ที่เขาจะแสดงและลงทุนเอง ไม่ใช่ฟอร์มใหญ่ เราก็อยากให้เขาไปถึงจุดนั้น ตอนนี้ยังไม่มีบทสรุป แต่ภายใน 2 ปี คงแสดงได้ 2 เรื่อง

“อีกอย่างหนึ่งที่ตั๊กชอบคือ การกำกับการแสดง เมื่อเขามีชื่อเสียงแล้ว ก็จะมีเพื่อนในวงการจากต่างประเทศที่เขาอาจจะหาคนร่วมทุนให้ ตรงนี้ก็จะเข้ามาอยู่ในส่วนของมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด ที่มีทั้งภาพยนตร์ ดนตรี ศิลปะ จิตรกรรม และประติมากรรม จะกำกับการแสดงเอง หรือจะร่วมลงทุน ตรงนี้จะทำให้เชื่อมโยงกับเว็บไซต์สำนึกรักบ้านเกิด พอมีมวลสารมาเพิ่ม จะทำให้เขาโต ถามว่าผมหวังอะไร ผมหวังว่าตอนที่ผมอายุครบ 70 ปี เว็บไซต์รักบ้านเกิดนี้จะมีมูลค่ามากที่สุดในประเทศไทย เว็บไซต์โต ก็เหมือนเรามีเงินแล้วก็จะได้จัดบ้านให้สวยขึ้น” นี่เป็นมุมครอบครัวของเจ้าสัวหมื่นล้าน ที่มีความสุขกับความภูมิใจที่ได้สร้างงานเพื่อสังคม

// ในหลวงรับสั่ง “ไม่ให้เล่นการเมือง”
ปัจจุบันมีนักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่ผันตัวเองสู่สนามการเมือง แต่เจ้าสัวบุญชัยกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“พระองค์ท่านรับสั่งไม่ให้เล่นการเมือง เหตุผลของพระองค์ท่านชัดเจน ถ้าผมไปเล่นการเมือง เราต้องใช้เวลาทั้งหมดไปคิดกับเรื่องที่ผ่านมา ผมเลยไม่ได้ติดอยู่ในลิสต์ คสช.ที่ต้องถูกเรียกไปรายงานตัว (หัวเราะ) พอไม่ได้เล่นการเมือง เลยมีเวลาพอที่จะทำงานช่วยเหลือสังคม ตัวเราจะมีคุณค่า เพราะว่าการที่เราเป็นประธานดีแทค คนทั่วประเทศจะให้เกียรติเรามาก ตรงนี้นักธุรกิจจะยกย่องนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ฉะนั้นเราจึงเข้าถึงประเด็นของปัญหาได้ทั้งในแง่ลบและบวก

“ผมไม่เล่นการเมือง ทำให้เราหลุดมาจากวังวนที่วุ่นวาย เพราะการเมืองไทยมันวุ่นมาก เรียกว่าวุ่นวายมาตั้งแต่ปี 2475 แล้ว มันเป็นสิ่งที่เขายังแกะกันไม่ออกว่าเขาควรจะทำอะไร ระหว่างกลุ่มข้าราชการกับกลุ่มนักธุรกิจ ขณะที่กลุ่มธุรกิจ ด้วยความสัมพันธ์ทางการเมืองมันโต จนทำให้พวกนี้เตี้ยไปเลย ผมเลยคิดว่าเรื่องไหนเขาทำแล้วผมจะไม่ทำ นักการเมืองพวกนี้เขาเห็นว่าเราไม่เล่นการเมือง เขาก็จะไม่วุ่นวายกับเรา ไม่งั้นพอลงจากเครื่องบินปุ๊บ ก็เรียกเจอหน่อย

“ดังนั้น ความร่ำรวยของคนเราจึงควรจะมีพื้นฐานของการทำมาหากินอย่างสุจริต ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้เรารู้จักที่จะทำมาหากินแบบสัมมาอาชีวะ คือ การประกอบการงานชอบ เป็นการทำงานด้วยสัมมาทิฐิ คือ คิดถูกต้อง ความถูกต้องจะทำให้ชีวิตเรานั้นไม่ประสบความยุ่งยาก หรือได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง ขอยกตัวอย่างคนหนุ่มที่รวยเป็นพันล้านแล้วเขายังนึกถึงการให้ ตอบแทนสังคมที่เขาเติบโตมาอย่าง มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ที่เลือกเดินตามรอยรุ่นพี่อย่าง บิล เกตส์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในการทุ่มเทช่วยเหลือสังคม

“วันนี้ผมอายุ 60 แล้ว พยายามดูแลสุขภาพด้วยโยคะอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 ครั้ง พร้อมกับนั่งสมาธิแบบจริงจังช่วงตอนเย็นอาทิตย์ละ 4 วัน แต่ถ้าวันอาทิตย์จะนั่งสมาธิตอนเช้า ผมไม่ได้นั่งสมาธิคนเดียวนะ แต่จะไปนั่งกับน้องๆ ที่ออฟฟิซ ที่นั่งสมาธิเก่าแก่ที่สุดจะเป็นที่ดีแทคที่จัดให้นั่งสมาธิมาเป็นปีที่ 12 แล้ว แต่ละครั้งที่ดีแทคนั่งสมาธิกัน จะมีพนักงานมาประมาณ 150 คน ก็เปรียบเหมือนวัดใหญ่ๆ หนึ่งวัด”

บทสรุปชีวิตที่ผ่านมา คุณบุญชัยให้ความสำคัญมากที่สุดคือ “การสร้างคน” อัน เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ผลักดันให้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับโครงการสำนึกรักบ้านเกิดเพื่อพัฒนาผู้นำชุมชนด้วยปณิธานที่หวังไว้ว่า เยาวชนทุกคนจะเกิดความผูกพันกับแผ่นดินแม่ พร้อมทั้งเกิดจิตสำนึกที่จะพัฒนาบ้านเกิด วันหนึ่งประเทศไทยจะมีเมล็ดพันธุ์ที่งอกงามขึ้นมาจากโครงการสำนึกรักบ้านเกิดเพื่อพัฒนาผู้นำชุมชนแพร่พันธุ์ไปทั่วแผ่นดิน ด้วยความเชื่อมั่นว่าเยาวชนโครงการสำนึกรักบ้านเกิดฯ ทุกคน “คือ…สายใยแห่งความดีงาม คือ…พืชพันธุ์ของแผ่นดิน”