ซันโทรี่ ดึง เจ-เจตริน เจ้านาย-จิณเจษฎ์ ลุยตลาดซุปไก่สกัด เผยเป็นครอบครัวแบรนด์ตัวจริง

ซันโทรี่ ดึง เจ-เจตริน เจ้านาย-จิณเจษฎ์ ลุยตลาดซุปไก่สกัด เผยเป็นครอบครัวแบรนด์ตัวจริง

 

  

 

 

 

ซันโทรี่ ดึง เจ-เจตริน เจ้านาย-จิณเจษฎ์ ลุยตลาดซุปไก่สกัด เผยเป็นครอบครัวแบรนด์ตัวจริง กับแคมเปญใหม่ “แบรนด์ซุปไก่สกัด เคล็ดลับความสำเร็จ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น” ทุ่มงบ 145 ล้าน อัดกิจกรรมการตลาดครบวงจร ดันยอดขายโตต่อเนื่อง

 

แบรนด์ ซันโทรี่เปิดตัวทีมผู้บริหาร เลือดใหม่ ฝีมือดี นำทีมโดย คุณเอ๋-นันทนา ขาวปลื้ม นั่งตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แบรนด์ ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด นำทีมบริหาร วางแผน และกำหนดกลยุทธ์ให้กับผลิตภัณฑ์ทุกตัวภายใต้ตราสินค้า “แบรนด์” พร้อมปล่อยหมัดเด็ดเปิดตัวแคมเปญ “แบรนด์ซุปไก่สกัด เคล็ดลับความสำเร็จ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น” ดึง เจ-เจตริน ควงคู่ เจ้านาย ลูกชายคนเก่งที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่เยาว์วัย ลงโฆษณาเรื่องใหม่ของ “แบรนด์ซุปไก่สกัด” เผยเป็นครอบครัวแบรนด์ตัวจริงมาตั้งแต่รุ่น คุณพ่อ ศาสตราจารย์พิเศษ เจริญ วรรธนะสิน และ ทั้ง 3 คน 3 รุ่น ต่างก็ประสบความสำเร็จ ในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งตรงกับเจตนารมณ์ของแบรนด์ที่ต้องการสร้างการรับรู้ว่า คุณก็ประสบความสำเร็จได้ หากรู้จักวางแผน และลงมือทำอย่างจริงจัง ทุ่มงบการตลาด 145 ล้านบาท กระตุ้นตลาดโต


นางสาวนันทนา ขาวปลื้ม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แบรนด์ ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงนโยบายทางการตลาดในส่วนของผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า “แบรนด์” ซึ่งปัจจุบันมีด้วยกัน 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแบรนด์ซุปไก่สกัด กลุ่มแบรนด์รังนกแท้ กลุ่มแบรนด์วีต้าสกัดเข้มข้น กลุ่มแบรนด์เจนยู โสมสกัด กลุ่มแบรนด์เห็ดสกัด และกลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์ชนิดเม็ด


นอกจากทางด้านการตลาดแล้ว ยังดูแลในเรื่องของช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันเรามีทีมขายของแบรนด์เองกว่า 1,000 คน ครอบคลุมร้านค้าสำคัญทั่วประเทศ เพื่อให้บริการที่ดีกว่า รวดเร็ว และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้า ทั้งโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) และ ร้านค้าทั่วไป (General Trade) โดยมี 2 พันธมิตรทางธุรกิจโลจิสติกส์ที่สำคัญคือ บริษัท เดอเบล จำกัด และ บริษัท ซีโน-แปซิฟิค เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ช่วยกระจายสินค้า เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น มีหน่วยรถกระจายสินค้าที่ครอบคลุมร้านค้ามากกว่า 100,000 ร้าน


ปัจจุบันแบรนด์มีโรงงานผลิตอยู่ 4 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ มีศูนย์วิจัยสมองแบรนด์ที่สิงคโปร์และญี่ปุ่น มีนักวิทยาศาสตร์กว่า 300 คน แบรนด์ซุปไก่สกัด เป็นยี่ห้อเดียวที่มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันถึงคุณประโยชน์


“แบรนด์ซุปไก่สกัด เคล็ดลับความสำเร็จ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น”

สำหรับในส่วนของผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัดอยู่เคียงคู่สุขภาพของคนทั่วโลกมานานกว่า 180 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเมืองไทย “แบรนด์ซุปไก่สกัด” เป็นผู้นำตลาดมาอย่างยาวนาน สำหรับผลประกอบการของแบรนด์ซุปไก่สกัดในปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2560) นั้น แบรนด์ซุปไก่สกัดมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จากมูลค่าตลาดรวมซึ่งอยู่ที่ 6,500 ล้านบาท


นางสาวอรญา หอมเศรษฐี ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท แบรนด์ ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงนโยบายการตลาดของแบรนด์ซุปไก่สกัด ในปี 2561 ว่าให้ความสำคัญในเรื่องของการปรับภาพลักษณ์และวางโพซิชั่นนิ่งของสินค้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสุขภาพ เป็นเคล็ดลับของความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น ในขณะเดียวกันก็ขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น เนื่องจากแบรนด์เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับบุคคลทั่วไป ทุกเพศ ทุกวัย


เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายดังกล่าวจึงได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ “แบรนด์ซุปไก่สกัด เคล็ดลับความสำเร็จ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น” เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดการซื้อผลิตภัณฑ์ ผ่านเรื่องราวความสำเร็จของครอบครัวแบรนด์ตัวจริง ที่ดื่มแบรนด์ซุปไก่สกัดเป็นประจำ และส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เน้นให้เห็นว่าคุณก็ประสบความสำเร็จได้ หากรู้จักวางแผน และลงมือทำอย่างจริงจัง


เปิดตัวครอบครัว “วรรธนะสิน” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ที่ส่งต่อความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น เผย ศ.พิเศษ เจริญ และ เจ-เจตริน เคยเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ มาแล้วเมื่อปี 2532


สำหรับแคมเปญ “แบรนด์ซุปไก่สกัด เคล็ดลับความสำเร็จ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น” ได้รับเกียรติจากครอบครัว “วรรธนะสิน” ซึ่งเป็นครอบครัวแบรนด์ตัวจริงที่ดื่มแบรนด์ซุปไก่สกัดเป็นประจำ เป็น Life Time Living Proof ตัวจริงของแบรนด์ โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ เจริญ วรรธนะสิน เจ-เจตริน วรรธนะสิน เจ้านาย-จิณเจษฎ์ วรรธนะสิน ครอบครัวตัวจริงที่ดื่มแบรนด์ซุปไก่สกัดและส่งต่อมาจากรุ่นคุณปู่ รุ่นคุณพ่อ และรุ่นหลาน เรียกว่า 3 คน 3 รุ่น อีกทั้ง 3 คนนี้ เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในแบบของตัวเองที่ไม่เหมือนกัน ที่สำคัญ ศ.พิเศษ เจริญ และ เจ-เจตริน ต่างก็เคยเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ซุปไก่สกัดมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2532


สำหรับ ศาสตราจารย์พิเศษ เจริญ วรรธนะสิน อดีตนายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ และเป็นแชมป์ในการแข่งขันแบดมินตันในรายการดังระดับโลกหลายรายการ อีกทั้งยังได้รับการยกย่องจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นบุคคลที่มีผลงานดีเด่นทางด้านวิชาการ และยังเป็นผู้แต่งหนังสือที่ขายดีอีกหลายเล่ม


ส่วน เจ-เจตริน วรรธนะสิน เป็นศิลปินชื่อดัง มีแนวความคิดที่ฉลาด ในยุค 90 เจ-เจตริน กล้าทำผลงานเพลงที่แตกต่างไปจากวงการเพลงในขณะนั้น จนได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็น เจ้าพ่อเพลงแนวแร็ปและเจ้าพ่อเพลงแดนซ์ ในยุคแรกๆ ของประเทศไทย เป็นนักแสดงที่มากความสามารถ ส่วนทางด้านกีฬาก็เก่งไม่แพ้กัน ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันเจ็ตสกีในหลายรายการ และที่ภูมิใจที่สุดคือสามารถคว้าแชมป์โลก ถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้สำเร็จ ปัจจุบันเปิดค่ายเพลงของตัวเองในนาม "เจมีดี" (Jaymidi)


พร้อมส่ง ลูกชายคนเก่ง เจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน กับซิงเกิลแรก "คนละชั้น” ซึ่งหลังจากปล่อย MV เพียงไม่กี่ชั่วโมงยอดวิวก็ทะลุล้าน ปัจจุบันยอดวิวมีมากกว่า 80 ล้านวิว เจ้านาย-จินเจษฎ์ จึงเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่กำลังสร้างความสำเร็จในรูปแบบของตัวเอง ทางด้านการศึกษาก็เก่งไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้กำลังศึกษาระดับ high school ที่ประเทศอังกฤษ


โดยสิ่งหนึ่งที่ครอบครัวทั้ง 3 รุ่นเหมือนกันคือ ไม่ว่าคนรุ่นไหน ก็มักมีความคิดที่แตกต่างจากรุ่นก่อน แต่ด้วยความคิดแบบนี้เอง ที่นำไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จในแบบของตัวเอง โดยพวกเขาเหล่านั้น ล้วนมีแบรนด์ซุปไก่สกัดเป็นเคล็ดลับความคิดของคนทุกรุ่น


ตั้งงบ 145 ล้าน อัดกิจกรรมการตลาด ทั้งสื่อหลักและสื่อรอง

ทั้งนี้บริษัทได้จัดสรรงบประมาณสำหรับกิจกรรมการตลาดในแคมเปญนี้ไว้ที่ 145 ล้านบาท โดยมีสื่อหลักที่เป็น mass media เพื่อครอบคลุมทั่วประเทศ อาทิ ภาพยนตร์โฆษณาทางทีวีในชื่อเรื่อง “เคล็ดลับความสำเร็จ ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น”ที่แสดงโดยพ่อลูกคนเก่ง เจ-เจตริน วรรธนะสิน เจ้านาย-จิณเจษฎ์ วรรธนะสิน นอกจากนี้ยังมีโฆษณาผ่านสื่อTransit สื่อ OOH ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพื่อขยายและสร้างการรับรู้ให้กับคนทั่วประเทศ


“ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นมัลติสกรีน (Multi-screen) การเติบโตของสื่อดิจิตอลในประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปี อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำยิ่งขึ้น นับเป็นการต่อยอดจาก Mass media โดยการสร้างดิจิตอลคอนเทนท์ ให้น่าสนใจ สนุก เข้าใจง่าย เพื่อดึงดูดความสนใจจาก online user ทั้งสร้างการรับรู้และ engage กับ user ควบคู่ไปด้วย โดยผ่านทั้งสื่อ Social, Twitter และ Top Influencer ของประเทศไทย เป็นต้น”