ทิศทางราคาผู้ผลิตในจีนยังมีแนวโน้มหดตัวกดดันปัญหาสินค้าราคาถูกที่จะไหลเข้าสู่อาเซียนรวมถึงไทย

ทิศทางราคาผู้ผลิตในจีนยังมีแนวโน้มหดตัวกดดันปัญหาสินค้าราคาถูกที่จะไหลเข้าสู่อาเซียนรวมถึงไทย

  

 

 

ทิศทางราคาผู้ผลิตในจีนยังมีแนวโน้มหดตัวกดดันปัญหาสินค้าราคาถูกที่จะไหลเข้าสู่อาเซียนรวมถึงไทย

 

 

  • ในเดือนมิ.ย.68 ดัชนีราคาผู้ผลิตของจีน (PPI) หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 33 อยู่ที่        -3.6%YoY ซึ่งเป็นระดับหดตัวที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี (รูปที่ 1) ระดับราคาสินค้าผู้ผลิตหดตัวในทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะในส่วนของถ่านหิน (-21.8%YoY) ปิโตรเลียม และก๊าซธรรมชาติ (-12.6%YoY) รวมถึงเหล็ก (-11.3%YoY)  
  • ขณะที่เงินเฟ้อจีน (CPI) กลับมาขยายตัวเป็นบวกได้เล็กน้อย ปัจจัยหนุนหลักมาจากมาตรการสนับสนุนภาคการบริโภคของภาครัฐ เช่น โครงการของเก่าแลกของใหม่ (Trade-in Program) โดยระดับราคาของเครื่องใช้ภายในบ้านขยายตัวที่ 0.7%YoY จาก 0.1%YoY ในเดือนพ.ค.68 อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.1%YoY (รูปที่ 2) จากทิศทางการใช้จ่ายภายในประเทศที่ยังไม่แน่นอน และการปรับลดราคาสินค้าของผู้ผลิตตามทิศทางดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ยังปรับลดลง 
  • ในระยะข้างหน้าจีนยังมีความเสี่ยงด้านเงินฝืด โดยเงินเฟ้อมีทิศทางอยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี 2568 มีรายละเอียด ดังนี้ 

1.    ผลบวกจากโครงการของเก่าแลกของใหม่ (Trade-in Program) คาดว่าจะลดลงในครึ่งหลังของปี เนื่องจากสินค้าในโครงการเป็นสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ และ Smartphones อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่นบางแห่งเริ่มประกาศระงับเงินอุดหนุน และจำกัดโควต้ารายวันหลังเริ่มเผชิญปัญหาขาดแคลนเงินทุน
2.    ความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่ยังไม่แน่นอนสูงกดดันภาคการผลิตในจีน แม้จะมีข้อตกลงปรับลดภาษีชั่วคราวระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่อัตราภาษีปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับสูง อีกทั้ง ทิศทางและระดับการเก็บภาษีในระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ผู้ผลิตมีแนวโน้มชะลอการลงทุน และการผลิต สะท้อนผ่านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตชะลอลงต่อเนื่อง 
3.    ผู้ผลิตในจีนยังคงเผชิญสงครามราคาในหลายอุตสาหกรรม โดยกำไรภาคอุตสาหกรรมในจีนเดือนพ.ค.68 หดตัวลงอย่างมาก (รูปที่ 3) 

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ทิศทางราคาผู้ผลิตในจีนที่ยังมีแนวโน้มหดตัวจะยิ่งกดดันปัญหาสินค้าราคาถูกที่จะไหลเข้าสู่อาเซียนรวมถึงไทย โดยเมื่อมองไประยะข้างหน้าผู้ผลิตในจีนยังมีแนวโน้มปรับลดราคาสินค้าลงจากปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินที่ได้รับปัจจัยกดดันจากปัญหาสงครามการค้าตั้งแต่ 1 ส.ค. 2658 ที่ระดับภาษีในแต่ละประเทศมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น โดยสินค้าคงคลังในบางอุตสาหกรรมของจีน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยายังอยู่ในระดับสูง (รูปที่ 4) ซึ่งจะกดดันต่อเนื่องไปถึงทิศทางระดับราคาสินค้าในประเทศที่จีนส่งออกสินค้าไป โดยเฉพาะประเทศในอาเซียนอย่างเวียดนามรวมถึงไทย