เที่ยวชิลล์ได้ทั้งปี.. ที่ชิงเต่า

เที่ยวชิลล์ได้ทั้งปี.. ที่ชิงเต่า

เพิ่งผ่านพ้นหน้าร้อนไปได้ไม่นาน รู้ตัวอีกที ก็ต้องฝ่าพายุฝนและรถติดออกมาทำงาน สำหรับชีวิตคนเมืองแล้ว การตามติดเพจท่องเที่ยว อ่านรีวิว หาตั๋วโปรโมชั่น ย่อมเป็นความสุขเล็กๆ ที่หล่อเลี้ยงชีวิตอันรีบเร่งให้พอมีความหวัง ด้วยการวางแผนท่องเที่ยวสำหรับวันหยุดที่จะมาถึง เมื่อมีตัวเลือกการเดินทางที่สะดวกสบายในราคาที่คุ้มค่า โดยเฉพาะสายการบินโลว์คอสต์ต่างๆ ทำให้ตอนนี้ ใครๆ ก็ต่างเลือกเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง ซึ่งจุดหมายปลายทางที่นิยมสุดๆ คงหนีไม่พ้นภูมิภาคใกล้ๆ อย่างญี่ปุ่น เกาหลี หรือแม้กระทั่งไต้หวัน เพราะนอกจากระยะทางจะไม่ไกลมากนัก ยังเลือกเที่ยวได้หลายสไตล์ตามงบประมาณ ทำให้นักท่องเที่ยวหน้าใหม่ก็สามารถสัมผัสได้ ไม่ไกลเกินเอื้อมเหมือนอย่างยุโรปหรืออเมริกา

นอกจากปลายทางยอดนิยมที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเมืองอีกหลายๆ เมืองในประเทศแถบนี้ ที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก แต่มีความสวยงามน่าค้นหา โดยเฉพาะดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลและรุ่มรวยไปด้วยความหลากหลายของอารยธรรมเก่าผสมใหม่ อย่างจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อพูดถึงการไปเที่ยวเมืองจีน คนไทยมักจะนึกถึงพระราชวังและสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ หรือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ตระการตา แต่ในอีกด้านหนึ่ง ประเทศจีนในโลกปัจจุบันที่กำลังก่อร่างสร้างตัวไปสู่ความยิ่งใหญ่ทัดเทียมประเทศตะวันตก ก็มีแหล่งท่องเที่ยวสมัยใหม่ อย่างเมืองพักตากอากาศริมทะเล หรือทัศนียภาพตึกรามบ้านช่องแบบยุโรป หนึ่งในนั้นคือ เมืองชิงเต่า (Qingdao) แห่งมณฑลชานตง (Shandong) เมืองเล็กๆ ชายฝั่งทะเลเหลือง ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์ตะวันออก”

ชิงเต่า ได้เผยโฉมความงดงามออกสู่สายตาชาวโลกในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ปี ค.ศ. 2008 ซึ่งประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ และได้มีการจัดการแข่งขันเรือใบที่เมืองนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้ชิงเต่าเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะเมืองพักตากอากาศชั้นดีของประเทศจีน นอกจากหาดทรายเนียนนุ่มและมีขนาดกว้างใหญ่จำนวนมากกว่า 6 ชายหาด และน้ำทะเลใสสะอาด ภูมิอากาศของชิงเต่ามีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ 11-14 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูร้อนอุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส คือราวๆ เดือนกรกฏาคมและสิงหาคม ได้ยินแบบนี้แล้ว ก็อยากจะหลบฝนและอากาศชื้นแฉะในบ้านเรา หนีไปเดินเล่นชิลล์ๆ บนหาดทรายนุ่มๆ รับลมทะเลเบาๆ ฟังเสียงคลื่น มองดูชาวเมืองออกมาพักผ่อนทำกิจกรรมต่างๆ ยามเย็น  

อ่าว Fushan เป็นอีกหนึ่งจุดพักผ่อนยอดนิยม และยังเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กแห่งการเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ของชิงเต่า คือ “จัตุรัส 54” หรือ May Fourth Square สัญลักษณ์โดดเด่นของจัตุรัสนี้คือประติมากรรมสีแดงสด ที่สื่อความหมายของลมในเดือนพฤษภาคม ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อปลดแอกชิงเต่าจากเจ้าอาณานิคมในวันที่ 4 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1919

ด้วยทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นเมืองท่าทางยุทธศาสตร์ในอดีตของจีน ทำให้ชิงเต่าถูกยึดครองโดยประเทศอาณานิคมมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ โดยเฉพาะการปกครองของเยอรมนีที่ได้ทิ้งมรดกต่างๆ ไว้มากมาย ตั้งแต่โรงเบียร์ชิงเต่าที่มีชื่อเสียง เป็นแหล่งกำเนิดเบียร์ Tsingtao เบียร์ลาเกอร์แบรนด์ดังระดับโลก ซึ่งว่ากันว่าเบียร์ชิงเต่าที่อร่อยที่สุดจะต้องมาจากโรงงานแห่งที่ 1 และ 6 ซึ่งอยู่ในเมืองชิงเต่า และใช้น้ำแร่จากภูเขาเหลาซานในการผลิตเท่านั้น

 นอกจากนี้ชาวยุโรปที่เข้ามาอยู่ในช่วงการปกครองของเยอรมนีได้สร้างบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างสไตล์ตะวันตกไว้มากมาย โดยเฉพาะในย่าน “ปาต้าก่วน” (Ba Da Guan) ซึ่งมีความหมายว่าถนนแปดสาย เราจะเห็นตึกรามบ้านช่องทั้งแบบเยอรมัน ฝรั่งเศส เดนมาร์ก และรัสเซีย รวมถึงการจัดวางภูมิทัศน์ในแบบตะวันตก ทั้งถนนหนทาง การปลูกต้นไม้ หากมาเยือนย่านนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูใบไม้ผลิจะเห็นความงดงามของต้นไม้แต่ละพันธุ์ที่อวดสีสันความสวยงามของตนเองแตกต่างกันไป หากยังไม่จุใจแนะนำให้ขึ้นไปยัง “จุดชมวิวเสี่ยวอี๋ซาน” (Little Fish Hill Park : Xiaoyushan Park) ซึ่งเป็นสวนเล็กๆ ให้เดินขึ้นไปชมวิวอ่าวชิงเต่าที่ว่ากันว่าสวยที่สุด และยังสามารถชมเมืองชิงเต่าได้โดยรอบ ในวันฟ้าโปร่ง อากาศดี จะสามารถมองเห็นทะเลหลังคาสีแดงของบ้านยุโรปทั้งหลายทอดยาวสุดลูกหูลูกตา นอกจากนี้เรายังสามารถพบเห็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามในอีกหลายๆ จุดทั่วตัวเมือง เช่น โบสถ์ St. Emil หรือโบสถ์ St. Michael บนถนน Dexian โบสถ์คาทอลิก ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกชาวเยอรมัน มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิกผสมผสานแบบโรมัน หรือ พิพิธภัณฑ์ที่ทำการเก่าประเทศเยอรมนี บนถนน Longshan ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1905 โดยลักษณะของอาคารเป็นแบบปราสาทสไตล์ยุโรป สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ที่ทำให้บรรยากาศเมืองชิงเต่าเปรียบเสมือนยุโรปแห่งตะวันออก

เดินทางออกไปทางทิศตะวันออกของตัวเมืองชิงเต่าประมาณ 30 กิโลเมตร ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและมีชื่อเสียงคือ ภูเขาเหลาซาน ตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลหวงไห่ ที่นี่เป็นจุดชมจันทร์หนึ่งในแปดแห่งอันเลื่องชือของชาวจีน และเป็นแหล่งกำเนิดของลัทธิเต๋า ยอดเขาของเหล่าซานมีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ 1,133 เมตร บนภูเขาเหลาซาน มีตำหนักไท่ชิงกงให้ได้นั่งชมวิวและทัศนียภาพอันสวยงามของท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งตำหนักไท่ชิงกงแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่สร้างขึ้นในยุคต้นของราชวงศ์ซ่งเหนือ ปัจจุบันมีอายุกว่าพันปี

“ชิงเต่า เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนที่ต้องการจะใช้เวลาด้วยกัน โดยไม่ได้เน้นว่าจะต้องมีกิจกรรมอะไรมาก แค่ต้องการเดินเล่นชิลล์ๆ ชมวิวสวยๆ ถ่ายรูปเล่น กินอาหารอร่อยๆ กับเบียร์รสชาติดี แถมอากาศที่นี่ยังเย็นสบายตลอดปี บ้านเมืองสะอาด ไม่ดูวุ่นวาย ถ้าคิดจะวางแผนเที่ยวหนีร้อนมาพักผ่อนหย่อนใจ ชิงเต่าก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมาก เดินทางไม่นาน และใช้งบประมาณไม่มาก” ป๊อบปี้ หนึ่งในสมาชิกแก๊งค์ดูมันดิทีวี (DoMunDi TV) บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง บอกเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวในเมืองชิงเต่า

ชิงเต่ายังมีมนต์เสน่ห์อีกมากมายที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมเยือน ผู้คนในเมืองนี้น่ารัก ขยันขันแข็ง รักสงบ และยังมีโรงแรมที่พักในเครือสากลให้เลือกมากมายหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินตรงจากสนามบินดอนเมืองถึง 4 เที่ยวบิยต่อสัปดาห์ ใครที่อยากสูดอากาศเย็นสบาย หลีกหนีความวุ่นวาย มาสัมผัสบรรยากาศผ่อนคลายและเงียบสงบ ลองวางแผนวันลาหาเวลาว่างๆ มาเยี่ยมเยียนที่นี่ได้ ใช้เวลาเดินทางเพียง 4.5 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ

ตารางบิน

สามารถเช็คเที่ยวบิน โปรโมชั่น และสำรองที่นั่งได้ที่ http://www.nokscoot.com

พลาดไม่ได้ในชิงเต่า!

สถาปัตยกรรม

อาคารบ้านเรือนสมัยยุคอาณานิคม รวมถึงการจัดวางภูมิทัศน์ของเมือง ถนนหนทาง และพื้นที่สาธารณะ ทำให้รู้สึกเหมือนที่นี่เป็นเมืองๆ หนึ่งในยุโรป ประกอบกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น ทำให้ชิงเต่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบบรรยากาศแบบยุโรป

ชายหาด

ชิงเต่ามีชื่อเสียงในฐานะเมืองพักตากอากาศชั้นนำของคนจีนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในฤดูร้อนของชิงเต่าราวเดือนกรกฏาคมและสิงหาคม มีสภาพอากาศพอเหมาะให้ออกมาเดินเล่มรับลมที่ชายหาดซึ่งมีมากถึง 6 แห่ง หรือจะนอนอาบแดดรับไออุ่นที่อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส

อาหาร

นอกจากอาหารทะเลสดอร่อย อย่าลืมลองลิ้มชิมอาหารพื้นเมืองชานตงแสนอร่อย หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “อาหารหลู่” หนึ่งในตระกูลอาหารแปดตระกูลที่สำคัญที่สุดของจีน

เบียร์

เบียร์ชิงเต่าที่อร่อยที่สุด ต้องผลิตจากโรงงานในเมืองนี้เท่านั้น ปัจจุบันมีการสร้างพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาและกรรมวิธีการผลิตเบียร์ชิงเต่าให้ได้ชมและได้ชิมกันสดๆ นอกจากนี้ยังมี Tsingtao Brewery Street ซึ่งเต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ ให้นั่งจิบเบียร์พร้อมละเลียดบรรยากาศชิลล์ๆ ของเมืองชิงเต่า

ชมคลิปท่องเที่ยวเมืองชิงเต่าของแก๊งค์ดูมันดิ ได้ที่นี่

EP 1: https://goo.gl/Hiw2KC

EP 2: https://goo.gl/2U3DBh

บรรยายภาพ

-อ่าว Fushan เป็นอีกหนึ่งจุดพักผ่อนยอดนิยมของเมืองชิงเต่า และยังเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กแห่งยุคสมัยใหม่ของเมือง คือ “จัตุรัส 54” หรือ May Fourth Square ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อปลดแอกชิงเต่าจากเจ้าอาณานิคมในวันที่ 4 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1919

-เมืองชิงเต่าอยู่ภายใต้การปกครองของเยอรมนีเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ทำให้มีสิ่งก่อสร้างมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน โบสถ์ อาคารที่ทำการต่างๆ หรือถนนหนทางในตัวเมือง มีภูมิทัศน์เหมือนในยุโรป ประกอบกับสภาพอากาศที่เย็นสบาย จึงถูกขนาดนามว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์ตะวันออก”

-มรดกอีกอย่างที่เยอรมนีทิ้งไว้ให้กับชิงเต่าคือ เบียร์ชิงเต่า (Tsingtao) อันเลื่องชื่อ นอกจากโรงงานผลิตเบียร์แล้ว ในปัจจุบันยังมีพิพิธภัณฑ์โรงเบียร์ชิงเต่าอยู่ข้างๆ เป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเบียร์ชิงเต่าและกรรมวิธีการผลิต ไม่ไกลกันนักยังมี Tsingtao Brewery Street เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ ให้นั่งจิบเบียร์พร้อมละเลียดบรรยากาศชิลล์ๆ ของเมืองชิงเต่า

-ทัศนียภาพเมืองชิงเต่าจากมุมสูง มองเห็นหลังคาสีแดงของบ้านเรือนและอาคารแบบยุโรปในยุคอาณานิคมเรียงราย ไกลออกไปเป็นชายหาดที่สวยงามจำนวนมาก และอาคารสมัยใหม่

-เมืองชิงเต่าเป็นเมืองพักตากอากาศที่มีชื่อเสียงของชาวจีนและชาวต่างชาติ ในฤดูร้อนเป็นที่นิยมในการอาบแดด และเล่นเรือใบ

-นอกจากตัวเมืองเก่า และชายหาดที่มีชื่อเสียง ชิงเต่ายังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญอีกแห่งคือ ภูเขาเหลาซาน ซึ่งเป็นจุดชมจันทร์หนึ่งในแปดแห่งอันเลื่องชือของชาวจีน และเป็นแหล่งกำเนิดของลัทธิเต๋า ยอดเขาของเหล่าซานมีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ 1,133 เมตร บนภูเขาเหลาซาน มีตำหนักไท่ชิงกงให้ได้นั่งชมวิวและทัศนียภาพอันสวยงามของท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งตำหนักไท่ชิงกงแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่สร้างขึ้นในยุคต้นของราชวงศ์ซ่งเหนือ ปัจจุบันมีอายุกว่าพันปี

เกี่ยวกับ  นกสกู๊ต

นกสกู๊ต เป็นสายการบินร่วมทุนซึ่งก่อตั้งโดย นกแอร์ สายการบินพรีเมี่ยมโลคอสต์อันดับหนึ่งของไทย และ สกู๊ต สายการบินราคาประหยัดจากประเทศสิงคโปร์ นกสกู๊ต ให้บริการจากท่าอากาศยานดอนเมือง ในเส้นทางบินระยะกลางถึงระยะไกลด้วยเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 777-200 ปัจจุบันให้บริการเส้นทางบินไปยัง เมืองนานกิง ชิงเต่า เทียนจิน เสิ่นหยาง และต้าเหลียน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน นกสกู๊ต มุ่งเน้นการเพิ่มความสะดวกสบายควบคู่ความสนุกสนานในการเดินทางด้วยเที่ยวบินราคาประหยัด และคำมั่นสัญญาที่จะมอบความปลอดภัย ไว้วางใจได้ ความมีประสิทธิภาพ และความโปร่งใส่ในการให้บริการทุกเที่ยวบิน ผู้โดยสารของเราจะได้รับการบริการที่สะดวกสบายเสมอเมื่อเดินทางไปกับเรา

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ NokScoot.com, Facebook.com/NokScoot หรือ Instagram.com/NokScoot

กมลลักษณ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา (มิ้น)

ผู้จัดการฝ่ายการประชาสัมพันธ์

บริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด

โทร: 02-535-6262

อีเมล: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.