Santorini Greece ! “ไข่มุกดำของทะเลเอเจี้ยน”

Strict Standards: Only variables should be assigned by reference in /home/admin/web/changeintomag.com/public_html/plugins/content/fcomment/fcomment.php on line 103

Santorini Greece ! “ไข่มุกดำของทะเลเอเจี้ยน”

 

ถ้าจะพูดถึงเกาะภูเขาไฟที่สวยงามที่สุดในโลก มหาชนต่างยกย่องให้เกาะแห่งหนึ่งที่เลื่องชื่อของประเทศกรีซ นั่นคือ “ซันโตรินี่” น่าจะเป็นคำตอบแรกและคำตอบสุดท้ายที่ได้ บ่อยครั้งที่เดินทางไปเยือน ยิ่งตอกย้ำและชื่นชมกับความ “เลอค่า” ดังที่หลายๆคนตอบรับอย่างยิ่ง ฉบับปฐมฤกษ์ของเรานี้ อาสาพาไปดูภูเขาไฟที่สวยงามที่สุดในโลกด้วยกัน ผมเดินทางไปเที่ยวหลายเกาะของประเทศกรีซโดยเรือสำราญ ซึ่งหน้าที่การงานของผมนั้นเป็นพนักงานบริการบนเรือสำราญหรู โดยเดินทางกับเรือสำราญเป็นเวลา 15 ปีแล้วครับ มากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก “วิญญาณนักเดินทางฝังชิบในสายเลือดแล้วล่ะครับ” การที่ได้สัมผัสกับตัวเองหลายคราจึงกล้าที่จะนำเสนอ ขอเป็นไกด์พาเที่ยวที่นี่ “เกาะในฝัน...ซันโตรินี่”


ก่อนจะพาท่องรอบเกาะก็ต้องศึกษาประวัติความเป็นมาของเกาะกันก่อน เกาะแห่งนี้คนทั่วไปเรียกว่า ซันโตรินี่ (Santorini) ซึ่งเป็นเกาะอารยธรรมที่เจริญเมื่อประมาณ 3,600 ก่อนคริสต์ศักราช จากการค้นพบของโบราณและสิ่งสำคัญในเมือง Akrotiri และมีชื่อเสียงมานาน ลักษณะของเมืองเหมือนกับเกาะ Crete ที่ถูกล้อมรอบด้วยบ้าน อาคารเล็ก ๆ กำแพง คอนกรีต หินผา บนไหล่เขารอบ ๆ เกาะอย่างเป็นเอกลักษณ์


ในอดีตเกาะซันโตรินี่ เป็นที่รู้จักในนาม Stongili ที่หมายถึง “กลม” ในภาษากรีก ซึ่งเรียกกันตามลักษณะรูปร่างของเกาะครับ
คงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า เกาะกลม ๆ แห่งนี้สักวันหนึ่งจะเกิดภูเขาไฟ แต่แล้วความสูญเสียก็เกิดขึ้นหลังจากเกิดภูเขาไฟระเบิด ในปี 1500ก่อนคริสต์ศักราช ภูเขาไฟปะทุออกมาอย่างกว้างใหญ่ และรุนแรงจนทำลายสิ่งก่อสร้าง รวมทั้งอารยธรรมของชาว Minoan ในเกาะ การระเบิดของภูเขาไฟทำให้จุดศูนย์กลางเกาะจมหายในทะเล ทำลายพระราชวังของ Knossos และได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากทางฝั่งตอนเหนือของเกาะ (หากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Tomb Raider ฉากแรกที่แองเจลิน่า โจลี่ กับนักค้นหาวัตถุโบราณได้ค้นหาสิ่งของมีค่าในประเทศกรีซ เกาะนี้ล่ะครับ อ่านจากซับไตเติ้ล)


ก่อนคริสต์ศักราช และการอยู่ 5 ชั่วรุ่นอายุ หลังจากนั้น ประมาณ 1100 ก่อนคริสต์ศักราช เกาะซันโตรินี่ถูกครอบครองโดยชาว Lacedaemonian ประมาณ 825 ก่อนคริสต์ศักราช พลเมืองได้ตั้งชื่อ Thera โดยใช้ภาษาฟีนีเซีย ในศตวรรษที่ 6 และ 7 ก่อนคริสต์ศักราช Thera กลายเป็นจุดศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญของเกาะกรีซ


ปัจจุบันซันโตรินี่มี 13 หมู่บ้าน โดยมีเมืองที่ชื่อ Fira รู้จักกันเป็น Thira หรือ Hora เป็นเมืองหลวงของเกาะ ซึ่งตั้งอยู่ 27.5 ม. เหนือทะเล หากท่านเดินทางโดยเรือก็จะต้องขึ้นไปเมืองจากท่าเรือของ Skala ปีนเขาที่สูงชันขึ้นไป ต้องใช้ความพยายามโดยไม่ย่อท้อในขณะที่วิธีดั้งเดิมขึ้นไปตามทางที่ลดเลี้ยวอาศัยขี่ล่อหรือลา เค้าคิดค่าโดยสารนั่งลาขึ้นเกาะ คนละ 5 ยูโร แต่ขอบอกหน่อยว่าตื่นเต้นเร้าใจได้โล่ห์ เพราะไม่ได้นั่งลา ในทางเรียบแต่ต้องไต่ขั้นบันไดขึ้นไป บางทีเจ้าลาเหล่านั้นก็จะโดนชักนำไปสีข้างกำแพง ผมเคยนั่งลาครั้งแรก เรียกได้ว่าเสียวแปร๊บๆ เพราะพูดภาษาเดียวกันไม่รู้เรื่องน่ะสิ

ความทรมานอีกอย่างคือต้องนั่งลาพร้อมกับกลิ่นอุจจา(ระ) และปัสสา(วะ) ของลา ที่ไม่มีการจัดระเบียบ แต่ภาพออกมาดูดี เท่ห์อย่าบอกใครเชียว แต่สำหรับใครที่ชอบความทันสมัยสะดวกสบาย ได้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเกาะภูเขาไฟ ก็สามารถนั่งกระเช้าไฟฟ้าเริ่ดหรู โดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 นาที (โดยเฉลี่ยกระเช้าไฟฟ้าให้บริการประมาณ 800 คนต่อชั่วโมง) แต่ถ้าเป็นช่วงที่ผู้โดยสารจากเรือสำราญขึ้นไปพร้อมกันก็เสียเวลาในการรอแถวยาวเป็นกิโลเมตรเชียวล่ะครับ อัตราค่าโดยสาร 4 ยูโร ต่อหนึ่งท่าน (แต่สำหรับผมเป็นลูกเรือ 1 ยูโร แค่แสดงบัตรพนักงานก็ได้อภิสิทธิ์แล้วครับ)


จากท่าเรือเก่าของเมือง Fira เราสามารถนั่งเรือไปเที่ยวชม Nea Kammeni ที่เราจะยังคงเห็นภูเขาไฟที่ยังระอุ และได้กลิ่นกำมะถัน ยังคงลุกโซน ผมเคยไปกับทัวร์ครั้งหนึ่ง ซึ่งนั่งเรือเหมือนเรือโจรสลัด เข้าไปเทียบท่าในเกาะภูเขาไฟ หลังจากนั้นเดินทางไปอีกมากกว่าหนึ่งกิโลเมตรเพื่อที่จะขึ้นไปดูจุดศูนย์กลางของภูเขาไฟ เหมือนเป็นกะทะลึกลงไปเป็นวงกลม แต่ความยากลำบากในการเดินทางไปคือเนื่องจากสภาพของเกาะอยู่กลางทะเล ทำให้มีลมแรงพัดฝุ่นจากหินลาวา และนอกจากนั้นพื้นผิวของลาวาที่กลายเป็นหินนั้นขรุขระ ยากต่อการเดิน ต้องระวังเป็นพิเศษ โดยทัวร์นี้จะเตือนนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถไต่เขาหรือเดินทางลำบากได้ มิเช่นนั้นก็คงจะเห็นแค่หินลาวาที่แข็งเป็นหินเก่า ๆ
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ภูเขาไฟครั้งใหญ่ปะทุเมื่อ 3,600 ปีที่ผ่านมา ในปลายช่วงยุคบรอนซ์จำนวนล้านลูกบาศก์เมตรของเถ้าถ่านและหินภูเขาไฟ ถูกเป่าขึ้นด้วยความสูงถึง 36 กิโลเมตรเหนือเกาะซันโตรินี่ และได้มีการระเบิดของภูเขาไฟอีกหลายครั้ง และครั้งล่าสุดที่ระเบิดปะทุคือ ปี ค.ศ.1950ใน Nea Kameni (ทางตอนเหนือของเกาะ)


หลังจากที่ได้ชมปล่องภูเขาไฟแล้ว ทางคณะทัวร์ก็พาพวกเราไปชมเขตบริเวณที่มีกำมะถันไหลแช่ในน้ำทะเลทำให้เป็นสีส้ม ซึ่งเชื่อว่ามีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ เค้าให้พวกเราสามารถกระโดดลงไปว่ายน้ำเพื่อสุขภาพผิวได้ ส่วนตัวผมว่ายน้ำไม่ค่อยแข็งแรงจึงขอยืนโพสท่าถ่ายรูปเฉพาะข้างบนเรือสำเภา ครั้นจะโดดลงทะเลไปขืนว่ายน้ำไม่เก่ง เกรงว่าจะจมแล้วหาคนใจดีช่วยชีวีขึ้นมาไม่ได้คงจะแย่น่าดูกระมัง ไม่อยากตายกลายเป็นผีทะเลครับ

เมื่อเดินทางไปเยือนเกาะซันโตรินี่แล้ว หากคุณเป็นคอไวน์ คงพลาดไม่ได้ที่จะลิ้มลองรสชาติไวน์องุ่นที่ผลิตจากเกาะนี้ โดยมีหลายบริษัทผลิตไวน์เปิดให้เข้าชม และทดลองจิบไวน์ อย่างเช่น Santo Winery, Buttari เป็นต้น ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนนิยมไปชิมไวน์ที่ผลิตจากเกาะนี้ เพราะเป็นการทำไวน์ที่มีเอกลักษณ์ จากปฏิกิริยาภูเขาไฟภูมิประเทศของเกาะนี้ มีส่วนผสมของชอล์ก, กระดานชนวน, ถ่านหินเถ้า, หินลาวาและหินภูเขาไฟ. อากาศที่แสนแห้งแล้งในช่วงฤดูร้อนเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวองุ่นและอุณหภูมิในช่วงกลางวันสูงมาก. ในอีกทางหนึ่ง เกาะนี้จะโดนลมโดยทางเหนือลม ที่ป้องกันการสะสมของความชื้นในระหว่างเวลากลางวัน ในช่วงเวลากลางคืนแม้ว่าเมื่ออุณหภูมิลดลงและสภาพอากาศความชื้นสัมพัทธ์ที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาไฟ โดยเห็นจากการปลูกองุ่นแบบต้นเล็กๆ เตี้ย ๆ ในสภาพอากาศที่เย็น ลมแรง แห้งแล้ง ซึ่งทำให้รสชาติของไวน์ต่างจากที่อื่นทั่วโลก


สำหรับการพักผ่อนอีกแบบที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลงใหลในความเป็นเอกลักษณ์ของเกาะนี้คือ ไปเที่ยวชายหาดสีดำ สีแดง ซึ่งเป็นผลพลอยได้มาจากหินภูเขาไฟ โดยคุณสามารถนั่งรถโดยสารประจำทางไปยังหาดต่างๆ ได้สะดวกสบาย เช็คตารางรถโดยสารได้ที่สถานีในเมือง ราคาแล้วแต่ระยะใกล้หรือไกล แต่ก็ไม่เกิน 2 ยูโร ประหยัดสุด ๆ ครับ หรือถ้าหากจะเช่ารถมอเตอร์ไซด์ แค่มีใบขับขี่สากล ค่าเช่า 10 ยูโรต่อวัน ส่วนน้ำมันเติมเอง ซึ่งผมเคยไปกับเพื่อนค่าน้ำมันก็ไม่แพง ประมาณ 6 ยูโร เพราะถ้าหากเช่ามอเตอร์ไซด์ (ที่นี่ไม่มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างเหมือนบ้านเราครับ) คุณก็ไปเที่ยวได้หลายหาด ทั้งหาดปกติทั่วไป หรือจะเป็นหาดเปลือย ทั้งฮีและชีเปลือยกันเป็นเรื่องธรรมชาติ

 

หลายคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่า “ผมไปเปลือยกับเค้าหรือเปล่า” แหม..แหม..แหม..คุณครับ เรื่องอย่างนี้น่ะ มันก็ต้องศึกษาที่มาที่ไปก่อนนะ อันที่จริงแล้วหลายหาดของที่นี่คุณสามารถเปลือยได้ โดยไม่ผิดกฎ และบางหาดแม้คนจะเปลือยกันเยอะแยะ แต่คุณก็เลือกที่จะไม่เปลือยก็ได้ ไม่ว่ากัน เพียงแต่ปฏิบัติตามกติกามารยาทของเค้าคือ ห้ามถ่ายรูป ห้ามจ้องมองจนเสียมารยาท ห้ามส่งเสียงดังรบกวนประสาทคนอื่น มันก็มีทุกอายุ ทุกวัยล่ะครับ ที่ไปเป็นสาวกของฮีและชีเปลือย บางทีเห็นไปเปลือยกันเป็นแฟมิลี่ น่ารักดีอีกแบบ ตอนครั้งแรกที่เคยไปหาดเปลือยผมทั้งตื่นเต้น หัวใจแทบวายเพราะรู้สึกอายแทนเค้าน่ะครับ พออยู่ไปเรื่อยๆ ก็เริ่มชินกับสิ่งแวดล้อม แต่ข้อคิดคำตอบสุดท้ายที่ได้จากการไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ คือต่อให้หล่อลากดินยิ่งกว่าแบรด พิท หรือสวยล้ำหน้านาตาลี ไม่ว่าเค้าหรือคุณจะเป็นใคร


มนุษย์ทุกคนก็มีเหมือนๆ กันล่ะครับ มันทำให้ปลงและไม่ยึดติดกับวัตถุใดๆ สมการความเท่ากันในสังคมก็จักเกิดขึ้น ณ บัดดลสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างที่ชวนให้นักท่องเที่ยวได้ชมคือพิพิธภัณฑ์ซากปรักหักพัง สมัยโบราณล้ำค่ายากประเมินได้นอกจากนี้ซันโตรินี่ยังเป็นเกาะที่มีภูมิทัศน์สภาพแวดล้อมที่สวยงามเหมือนวงกลม สถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือน ทำให้กลายเป็นเกาะที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน สภาพอากาศและบรรยากาศจะเอื้ออำนวยต่อการเดินทางที่สะดวกสบาย ลมไม่แรง เรียกได้ว่าเป็นช่วง High Season ของเกาะเลยทีเดียว ซึ่งฤดูกาลอื่นแทบจะไม่เห็นนักท่องเที่ยว หรือธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวก็ไม่เปิดเพราะสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย มีลมแรง แห้ง หนาวเหน็บ แม้แต่คนท้องถิ่นก็ยังอพยพไปอยู่แผ่นดินใหญ่


การเดินทางไปยังเกาะซันโตรินี่ หากคุณไม่ได้มาโดยเรือสำราญเหมือนผม การไปยังเกาะแห่งนี้นั้นนักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้หลายทางอาทิเช่น โดยทางอากาศ คุณสามารถบินจากเมืองไทยไปต่อเครื่องที่สนามบินในกรุงเอเธนส์หลังจากนั้นต่อเครื่องด้วยสายการบินภายในหลายสาย อาทิเช่น Olympic Airways, Air Greece ,Aegean Airways ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ “Eleftherios Venizelos” หลังจากนั้นเครื่องบินจะนำท่านไปลง ณ สนามบิน Thira จะมีไฟล์ทไปยังเกาะซันโตรินี่บ่อย ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การเดินทางมาเยือนเกาะซันโตรินี่ของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกอาจทำให้หลายเที่ยวบินเต็ม จึงแนะนำให้จองไว้ก่อนล่วงหน้าครับ


หากคุณไม่ประสงค์ที่จะบิน เพราะบินจากเมืองไทยอีกซีกโลกหนึ่งนานแสนนานกว่าจะถึงได้นั่งเท้าบวม ตัวน่วมกับเบาะนั่งเล็ก ๆ ขอเปลี่ยนบรรยากาศนั่งเรือ ให้ลมเพลมพัด โกรกโชยเล่น ๆ โบกสะบัดชมวิวทิวทัศน์ ก็ต้องขอแนะนำอีกหนึ่งทางเลือกคือ การเดินทางโดยเรือ จากกรุงเอเธนส์ไปยังเกาะซันโตรินี่ จากกรุงเอเธนส์ไปยังเมือง Piraues ราคาค่าโดยสารไม่แพงนัก โดยนั่งเรือเฉลี่ย 9 -10 ชั่วโมง (โทรสอบถามตารางการเดินเรือได้ที่เบอร์ + 30 1 422 6000 )


จากกรุงเอเธนส์ นั่งรถไฟหรือนั่งแท็กซี่ไปลง เมืองท่า Piraues ซึ่งเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ของกรุงเอเธนส์ เรือสำราญใหญ่ ๆ จะจอดที่นี่เพื่อให้ผู้โดยสารไปเที่ยวชม มหานครกรุงเอเธนส์ โดยไม่ไกลจากเมืองหลวงของกรีซนัก แค่ครึ่งชั่วโมง อัตราราคาค่าโดยสารโดยรถไฟนั้นถึงใจมากครับ ราคาแค่ไม่ถึง ยูโร (90 Cents ) ซึ่งลูกเรือหรือผู้โดยสารจากเรือสำราญที่ไม่นิยมซื้อทัวร์ ก็จะเดินทางโดยรถไฟไปยังกรุงเอเธนส์ ทั้งประหยัดและผจญภัยไปอีกแบบ แต่ก็ต้องระวังพวกมิจฉาชีพ พิค พ็อกเก็ต (โจรล้วงกระเป๋า) พวกนี้จะมีทักษะสูง ทำกันเป็นทีม พวกมันจะรู้เวลาประตูรถไฟเปิด ปิด แล้วจะกระชากวิ่งสี่คูณร้อยเมตร วิ่งไวยิ่งกว่าวัลลี เพราะเพื่อนชาวไทยเคยโดนล้วงกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อดัง พร้อมเงินสดขวัญถุงทั้งเงินยูโร เงินไทย และดอลล่าห์แถมไปอีกจำนวนมาก หรือแม้แต่ผู้โดยสารเรือสำราญแทบทุกสัปดาห์จะต้องมีรายงานการโดนล้วงกระเป๋าอยู่เป็นนิจ อันที่จริงมันก็มีโอกาสเกิดขึ้นกับทุกคน ทุกเมืองท่องเที่ยวล่ะครับ ต้องระวังไม่ให้เสียสตังค์ และตั้งสติหากใครไม่ชอบนั่งร่วมโบกี้ไปกับคนอื่น จะเรียกแท็กซี่ก็ได้ไม่ว่ากัน ประมาณ 10 ยูโร หรือแล้วแต่ตกลง ทางที่ดีต้องให้เค้าตั้งมิเตอร์ อย่าเหมาจ่ายไม่งั้นก็เหมือนกันทุกที่ โดนโกงราคาครับ


วันนี้ “ซันโตรินี่” หรือคนทั่วไปรู้จักในนาม “ไข่มุกดำของทะเลเอเจี้ยน” ได้ทำให้นักท่องเที่ยวและชาวโลกค้นพบแล้วว่า ...เกาะไข่มุกดำของทะเลเอเจี้ยนนั้นเลอค่ามากแค่ไหน ซึ่งมีวิวหน้าผา ทะเลท้องฟ้า สิ่งก่อสร้าง บ้านเรือน โรงแรมเล็กๆ เป็นเอกลักษณ์ที่สวยงามยากเกินบรรยาย เกาะที่เต็มไปด้วยภูเขาไฟระเบิด จนทำให้จุดศูนย์กลางของเกาะจมหายไป พร้อมกับทำเลที่ตั้งอยู่กลางทะเลลึกจึงทำให้เป็นภูเขาไฟที่สวยงาม จากการเคลื่อนไหวของโลกและภูเขาไฟ จึงทำให้เกาะซันโตรินี่แห่งนี้มีเอกลักษณ์เกาะภูเขาไฟ มีทะเลหินสีดำที่โดดเด่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก จนบางคนบอกว่ามันเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกน้ำได้สวยงามที่สุดบนโลกใบนี้ หาโอกาสไปสัมผัสด้วยกันสักครั้งนะครับ
สุขสวัสดีปีใหม่ 2558 ถึงชาวไทยทุกคนด้วยเช่นกัน ฉบับหน้าพาไปเที่ยวมุมไหนของโลก ปูเสื่อรอได้เลย

 

เรื่อง โอม สมรัชนะ มูลสาย
www.facebook.com/somratchana