ธรรมะเปลี่ยนชีวิต ฤทธิพร อินสว่าง “ยิ่งมีมาก ความสุขก็ยิ่งวิ่งหนี”
CHANGE to Dream เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม
สถานที่ : โรงแรม เจ้าพระยาปาร์ค รัชดา
ธรรมะเปลี่ยนชีวิต
ฤทธิพร อินสว่าง “ยิ่งมีมาก ความสุขก็ยิ่งวิ่งหนี”
“ฤทธิพร อินสว่าง” จากก้าวแรกบนถนนดนตรีที่กลายเป็นตำนานมาแล้ว 30 ปี ชีวิตวันนี้แบบเรียบง่าย พร้อมยึดคำสอนของพระพรหมคุณาภรณ์ “ยิ่งมีมาก ความสุขก็ยิ่งวิ่งหนี” จึงเป็นที่มาของการปฏิญาณรับใช้พระพุทธศาสนาผ่านบทเพลง
เรียกว่าเป็นนักร้องคุณภาพ น้ำเสียงเยี่ยม ดนตรี เนื้อหาภาษาที่สร้างผลงานออกมากว่า 20 ชุด ของ “บ๊อบ” ฤทธิพร อินสว่าง โดยมีเพลงดัง อาทิ “ใบไผ่”, “เธอผู้ห่างไกล“,”เรือ”, “โบยบิน”, “อกหักอีกต่างหาก”, “นางฟ้า”, “ดาวดวงน้อย”, “กำลังใจ” บทเพลงนี้ได้แต่งให้กับวงโฮปได้เป็นผู้ร้องมาก่อน นับว่าเป็นบทเพลงสร้างกำลังใจให้ทุกคนไม่คิดสั้น ฯลฯ ทำให้ 30 ปี กลายเป็นบทเพลงอมตะที่ฤทธิพรภาคภูมิใจ
//3 ทศวรรษ บนถนนดนตรี
“บ๊อบ” ฤทธิพร อินสว่าง เริ่มต้นในวงการดนตรีด้วยการนำผลงานเพลงไปบันทึกเสียงในสตูดิโอ เมื่อ พ.ศ.2527 ขณะอายุเพียง 19 ปี จนกระทั่งได้รับเชิญให้ร้องเพลงในอัลบั้มการกุศลชุด เยาวชนสากลร่วมกับ เรวัติ พุทธินันท์ และ ดร.วินัย พันธุรักษ์ ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้กับฤทธิพร ต่อมาจึงได้รับการชักชวนจากสุนทรสิงห์ วัชรเสถียร นักประพันธ์เพลงให้ร้องเพลงร่วมกับศิลปินใหม่อีก 2 คน ในนาม "บิ๊ก บ๊อบ บี๊ท" อัลบั้มคนช่างฝัน อย่างไรก็ตามอัลบั้มนี้ไม่ได้ออกจำหน่ายด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
ต่อมาเขาเริ่มต้นบันทึกเสียงและนำไปเสนอต่อค่ายเพลงซึ่งได้รับการปฏิเสธอยู่นาน จนกระทั่งบริษัทโรต้าเซ็นสัญญากับฤทธิพรและสนับสนุน การทำงานโดยออกจำหน่ายอัลบั้มทั่วประเทศ ขณะเดียวกันที่วินิจ เลิศรัตนชัย นักจัดรายการวิทยุซึ่งประทับใจในผลงานของฤทธิพรจึงเปิดเพลงของเขาในรายการโลกสวยด้วยเพลง ทำให้เพลงใบไผ่, เพลงเธอผู้ห่างไกล และเพลงเรือ (1) โด่งดังเป็นที่รู้จักของประชาชน
จากนั้นฤทธิพรได้ประพันธ์เพลง,ขับร้อง และดูแลการผลิตผลงานแบบเฉพาะตัว คือการร้องเพลงแบบเอื้อนเสียงและโหนเสียง ดนตรีมีการผสมผสานท่วงทำนองเพลงไทยเดิมเข้ากับอิทธิพลของเพลงตะวันตกอาทิ ในแนว โฟล์ค ป๊อป และร็อก รวมทั้งเนื้อหาของเพลงที่ถ่ายทอดด้วยภาษากวี ปัจจุบัน ฤทธิพรมีความสุขกับวิถีชีวิตที่สงบเรียบง่ายกับครอบครัวที่อบอุ่น การเขียนหนังสือ และจัดทำ www.ritthiporn.com พร้อมผลงานล่าสุด ก้าวข้าม 3 ทศวรรษ
“การทำงานที่ผ่านมา ผมมีสถานะเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี และกวี แต่หลายปีมานี้ ผมใช้ชีวิตอย่างสันโดษจนทำให้หลายคนคิดว่าผมออกจากวงการบันเทิงไปแล้ว ความจริงคือผมไม่ได้ออกจากวงการบันเทิงเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าเลือกพบสื่อมวลชนหรือออกสู่สังคมในโอกาสที่เหมาะสม ศิลปินยังเป็นบทบาทหนึ่ง และผมตระหนักดีว่านี่คือหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เป็นอาชีพเดียวที่ใช้เลี้ยงชีวิต เป็นช่องทางสำคัญในการทำงานสร้างสรรค์สังคมและรับใช้พระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพราะว่าศิลปินอยู่กับสื่อ สามารถสื่อสารถึงผู้คนจำนวนมากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารอันประเสริฐที่ผมอยากสื่อไปถึงผู้คนมากที่สุดก็คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า”
//ธรรมะ คือ จุดเปลี่ยนชีวิต
เมื่อปี พ.ศ. 2541 ฤทธิพรพาภรรยา และลูกทั้งสองคนเดินทางไปร่วมงานทำบุญอายุครบ 90 ปีของย่า ที่วัดบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ในช่วงสาย ผู้คนในอำเภอและญาติพี่น้องก็ได้ไปร่วมงานกันจนพื้นที่บนศาลาการเปรียญเป็นจำนวนมาก “ผมและครอบครัวนั่งอยู่ที่ด้านล่างของศาลาการเปรียญ ผมได้ยินชาวบ้านคนหนึ่งพูดว่า พระประยุทธ์มาแล้ว พระประยุทธ์ หมายถึงพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) (สมณศักดิ์ของท่านในเวลานั้น) ท่านเป็นพระที่ชาวพุทธให้ความเคารพศรัทธาอย่างสูง ผมได้ยินเรื่องราวของท่านมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะเรื่องที่ท่านสอบเปรียญธรรม 9 ประโยคได้ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร
“กระทั่งปี พ.ศ. 2542 ผมกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่อำเภอศรีประจันต์ พบหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์เล่มหนึ่งชื่อ ชีวิตที่สมบูรณ์ เมื่อเปิดอ่านจึงรู้ว่าเนื้อหาในเล่มน่าสนใจมาก โดยเฉพาะข้อความที่ว่า เราดำเนินชีวิตไป เราก็นึกว่าถ้ายิ่งเรามีมาก เราก็จะยิ่งมีความสุขมาก เราก็หาเงินหาทรัพย์ยิ่งขึ้นไป แต่แล้วบางทีกลายเป็นว่าไปๆ มาๆเราก็วิ่งไล่ตามความสุขไม่ถึงสักที ยิ่งมีมาก ความสุขก็ยิ่งวิ่งหนีเลยหน้าไป แต่ก่อนเคยมีเท่านี้ก็สุข แต่ต่อมาเท่านั้นไม่สุขแล้ว ต้องมีมากกว่านั้น
“ข้อความนี้ทำให้ผมฉุกคิดและกลับมาทบทวนตัวเอง เรื่องการตะเกียกตะกายหาชื่อเสียงเงินทองที่ทำมานานนับสิบปี รวมทั้งความยึดติดมากมาย หนังสือเล่มเล็กๆ นั้นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งสำคัญ พอกลับมาที่กรุงเทพฯ ผมตามอ่านหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์ อีกมากมาย ความคิดของผมค่อยๆ เปลี่ยนไปใจสว่างไสวขึ้นเพราะแสงแห่งธรรม ผมปรับวิธีการทำงานใหม่ ไม่ทำด้วยกระแสแห่ง ตัณหา แต่ทำด้วย ปัญญา ทำอย่างมีสติ คำสอนที่ว่า เมื่อต้องการผลก็ต้องทำเหตุปัจจัยให้ตรง ให้พร้อม และให้พอ ของพระพรหมคุณาภรณ์นั้น ผมนำมาใช้ในการทำงานและทุกเรื่องในชีวิต
“โดยเฉพาะ “โยนิโสมนสิการ” ที่พระพรหมคุณาภรณ์เขียนถึงอยู่หลายครั้ง ช่วยให้ผมมองเห็นความจริงในชีวิต รู้จักค้นหาประโยชน์จากเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย รวมทั้งแก้ไขปัญหาฝ่าข้ามอุปสรรคที่เผชิญได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมนำคำสอนของท่านมาสอนลูกๆ รวมถึงชี้ทางสว่างให้คนที่ประสบกับความทุกข์ และให้สัมภาษณ์กับทุกครั้งว่า การได้พบหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์คือการได้พบสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับชีวิต ผมภูมิใจมากที่เกิดมาเป็นคนศรีประจันต์เช่นเดียวกับท่าน เพราะผลงานมากมายของท่านนำพาผู้คนไปสู่ธรรมและสันติสุขอย่างแท้จริง แม้จะไม่ได้เข้าไปกราบท่านเมื่อวันงานของย่า แต่หลายปีที่ผ่านมา ผมระลึกถึงท่าน กราบท่านในใจเสมอ ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผมและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป”
ติดตามผลงานเขียน เป็นคอลัมนิสต์ ในนิตยสาร เชนจ์ อินทู ฉบับหน้า และ www.ritthiporn.com พร้อมทั้งสื่อสารถึง “ฤทธิพร อินสว่าง” ได้โดยตรงที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
CHANGE to Dream เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง ภาพ : ชวกรณ์ สะอาดเอี่ยม
สถานที่ : โรงแรม เจ้าพระยาปาร์ค รัชดา
ธรรมะเปลี่ยนชีวิต
ฤทธิพร อินสว่าง “ยิ่งมีมาก ความสุขก็ยิ่งวิ่งหนี”
“ฤทธิพร อินสว่าง” จากก้าวแรกบนถนนดนตรีที่กลายเป็นตำนานมาแล้ว 30 ปี ชีวิตวันนี้แบบเรียบง่าย พร้อมยึดคำสอนของพระพรหมคุณาภรณ์ “ยิ่งมีมาก ความสุขก็ยิ่งวิ่งหนี” จึงเป็นที่มาของการปฏิญาณรับใช้พระพุทธศาสนาผ่านบทเพลง
เรียกว่าเป็นนักร้องคุณภาพ น้ำเสียงเยี่ยม ดนตรี เนื้อหาภาษาที่สร้างผลงานออกมากว่า 20 ชุด ของ “บ๊อบ” ฤทธิพร อินสว่าง โดยมีเพลงดัง อาทิ “ใบไผ่”, “เธอผู้ห่างไกล“,”เรือ”, “โบยบิน”, “อกหักอีกต่างหาก”, “นางฟ้า”, “ดาวดวงน้อย”, “กำลังใจ” บทเพลงนี้ได้แต่งให้กับวงโฮปได้เป็นผู้ร้องมาก่อน นับว่าเป็นบทเพลงสร้างกำลังใจให้ทุกคนไม่คิดสั้น ฯลฯ ทำให้ 30 ปี กลายเป็นบทเพลงอมตะที่ฤทธิพรภาคภูมิใจ
//3 ทศวรรษ บนถนนดนตรี
“บ๊อบ” ฤทธิพร อินสว่าง เริ่มต้นในวงการดนตรีด้วยการนำผลงานเพลงไปบันทึกเสียงในสตูดิโอ เมื่อ พ.ศ.2527 ขณะอายุเพียง 19 ปี จนกระทั่งได้รับเชิญให้ร้องเพลงในอัลบั้มการกุศลชุด เยาวชนสากลร่วมกับ เรวัติ พุทธินันท์ และ ดร.วินัย พันธุรักษ์ ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้กับฤทธิพร ต่อมาจึงได้รับการชักชวนจากสุนทรสิงห์ วัชรเสถียร นักประพันธ์เพลงให้ร้องเพลงร่วมกับศิลปินใหม่อีก 2 คน ในนาม "บิ๊ก บ๊อบ บี๊ท" อัลบั้มคนช่างฝัน อย่างไรก็ตามอัลบั้มนี้ไม่ได้ออกจำหน่ายด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
ต่อมาเขาเริ่มต้นบันทึกเสียงและนำไปเสนอต่อค่ายเพลงซึ่งได้รับการปฏิเสธอยู่นาน จนกระทั่งบริษัทโรต้าเซ็นสัญญากับฤทธิพรและสนับสนุน การทำงานโดยออกจำหน่ายอัลบั้มทั่วประเทศ ขณะเดียวกันที่วินิจ เลิศรัตนชัย นักจัดรายการวิทยุซึ่งประทับใจในผลงานของฤทธิพรจึงเปิดเพลงของเขาในรายการโลกสวยด้วยเพลง ทำให้เพลงใบไผ่, เพลงเธอผู้ห่างไกล และเพลงเรือ (1) โด่งดังเป็นที่รู้จักของประชาชน
จากนั้นฤทธิพรได้ประพันธ์เพลง,ขับร้อง และดูแลการผลิตผลงานแบบเฉพาะตัว คือการร้องเพลงแบบเอื้อนเสียงและโหนเสียง ดนตรีมีการผสมผสานท่วงทำนองเพลงไทยเดิมเข้ากับอิทธิพลของเพลงตะวันตกอาทิ ในแนว โฟล์ค ป๊อป และร็อก รวมทั้งเนื้อหาของเพลงที่ถ่ายทอดด้วยภาษากวี ปัจจุบัน ฤทธิพรมีความสุขกับวิถีชีวิตที่สงบเรียบง่ายกับครอบครัวที่อบอุ่น การเขียนหนังสือ และจัดทำ www.ritthiporn.com พร้อมผลงานล่าสุด ก้าวข้าม 3 ทศวรรษ
“การทำงานที่ผ่านมา ผมมีสถานะเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี และกวี แต่หลายปีมานี้ ผมใช้ชีวิตอย่างสันโดษจนทำให้หลายคนคิดว่าผมออกจากวงการบันเทิงไปแล้ว ความจริงคือผมไม่ได้ออกจากวงการบันเทิงเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าเลือกพบสื่อมวลชนหรือออกสู่สังคมในโอกาสที่เหมาะสม ศิลปินยังเป็นบทบาทหนึ่ง และผมตระหนักดีว่านี่คือหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เป็นอาชีพเดียวที่ใช้เลี้ยงชีวิต เป็นช่องทางสำคัญในการทำงานสร้างสรรค์สังคมและรับใช้พระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพราะว่าศิลปินอยู่กับสื่อ สามารถสื่อสารถึงผู้คนจำนวนมากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารอันประเสริฐที่ผมอยากสื่อไปถึงผู้คนมากที่สุดก็คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า”
//ธรรมะ คือ จุดเปลี่ยนชีวิต
เมื่อปี พ.ศ. 2541 ฤทธิพรพาภรรยา และลูกทั้งสองคนเดินทางไปร่วมงานทำบุญอายุครบ 90 ปีของย่า ที่วัดบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ในช่วงสาย ผู้คนในอำเภอและญาติพี่น้องก็ได้ไปร่วมงานกันจนพื้นที่บนศาลาการเปรียญเป็นจำนวนมาก “ผมและครอบครัวนั่งอยู่ที่ด้านล่างของศาลาการเปรียญ ผมได้ยินชาวบ้านคนหนึ่งพูดว่า พระประยุทธ์มาแล้ว พระประยุทธ์ หมายถึงพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) (สมณศักดิ์ของท่านในเวลานั้น) ท่านเป็นพระที่ชาวพุทธให้ความเคารพศรัทธาอย่างสูง ผมได้ยินเรื่องราวของท่านมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะเรื่องที่ท่านสอบเปรียญธรรม 9 ประโยคได้ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร
“กระทั่งปี พ.ศ. 2542 ผมกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่อำเภอศรีประจันต์ พบหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์เล่มหนึ่งชื่อ ชีวิตที่สมบูรณ์ เมื่อเปิดอ่านจึงรู้ว่าเนื้อหาในเล่มน่าสนใจมาก โดยเฉพาะข้อความที่ว่า เราดำเนินชีวิตไป เราก็นึกว่าถ้ายิ่งเรามีมาก เราก็จะยิ่งมีความสุขมาก เราก็หาเงินหาทรัพย์ยิ่งขึ้นไป แต่แล้วบางทีกลายเป็นว่าไปๆ มาๆเราก็วิ่งไล่ตามความสุขไม่ถึงสักที ยิ่งมีมาก ความสุขก็ยิ่งวิ่งหนีเลยหน้าไป แต่ก่อนเคยมีเท่านี้ก็สุข แต่ต่อมาเท่านั้นไม่สุขแล้ว ต้องมีมากกว่านั้น
“ข้อความนี้ทำให้ผมฉุกคิดและกลับมาทบทวนตัวเอง เรื่องการตะเกียกตะกายหาชื่อเสียงเงินทองที่ทำมานานนับสิบปี รวมทั้งความยึดติดมากมาย หนังสือเล่มเล็กๆ นั้นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งสำคัญ พอกลับมาที่กรุงเทพฯ ผมตามอ่านหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์ อีกมากมาย ความคิดของผมค่อยๆ เปลี่ยนไปใจสว่างไสวขึ้นเพราะแสงแห่งธรรม ผมปรับวิธีการทำงานใหม่ ไม่ทำด้วยกระแสแห่ง ตัณหา แต่ทำด้วย ปัญญา ทำอย่างมีสติ คำสอนที่ว่า เมื่อต้องการผลก็ต้องทำเหตุปัจจัยให้ตรง ให้พร้อม และให้พอ ของพระพรหมคุณาภรณ์นั้น ผมนำมาใช้ในการทำงานและทุกเรื่องในชีวิต
“โดยเฉพาะ “โยนิโสมนสิการ” ที่พระพรหมคุณาภรณ์เขียนถึงอยู่หลายครั้ง ช่วยให้ผมมองเห็นความจริงในชีวิต รู้จักค้นหาประโยชน์จากเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย รวมทั้งแก้ไขปัญหาฝ่าข้ามอุปสรรคที่เผชิญได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมนำคำสอนของท่านมาสอนลูกๆ รวมถึงชี้ทางสว่างให้คนที่ประสบกับความทุกข์ และให้สัมภาษณ์กับทุกครั้งว่า การได้พบหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์คือการได้พบสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับชีวิต ผมภูมิใจมากที่เกิดมาเป็นคนศรีประจันต์เช่นเดียวกับท่าน เพราะผลงานมากมายของท่านนำพาผู้คนไปสู่ธรรมและสันติสุขอย่างแท้จริง แม้จะไม่ได้เข้าไปกราบท่านเมื่อวันงานของย่า แต่หลายปีที่ผ่านมา ผมระลึกถึงท่าน กราบท่านในใจเสมอ ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผมและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป”
ติดตามผลงานเขียน เป็นคอลัมนิสต์ ในนิตยสาร เชนจ์ อินทู ฉบับหน้า และ www.ritthiporn.com พร้อมทั้งสื่อสารถึง “ฤทธิพร อินสว่าง” ได้โดยตรงที่ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.