เที่ยวเมืองรอง...ท่องเมืองหล่ม ชมอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ ดินแดนต้องมนต์ที่ห้ามพลาด

เที่ยวเมืองรอง...ท่องเมืองหล่ม ชมอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ ดินแดนต้องมนต์ที่ห้ามพลาด

 

 

 

 

เที่ยวเมืองรอง...ท่องเมืองหล่ม
ชมอุทยานธรณีเพชรบูรณ์
ดินแดนต้องมนต์ที่ห้ามพลาด
 
 
 
จังหวัดเพชรบูรณ์...เมืองแห่งไอหมอก ดอยสูง ภูเขา วัดวาอาราม ประเพณี วัฒนธรรม ธรรมชาติอันสวยงาม แหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย เมืองในฝันของนักเดินทางที่ครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องได้ไปเยือน
 
 
นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวอันโด่งดังแล้ว วันนี้จังหวัดเพชรบูรณ์ หนึ่งในเมืองต้องห้ามพลาด ในฐานะเมืองรองที่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยเกือบจะได้เป็นเมืองหลวงของประเทศ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูฝนเช่นนี้ก็ยิ่งมีเสน่ห์ชวนหลงใหลมากยิ่งขึ้น ทั้งยังได้รับการจัดตั้งให้เป็นอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ (Phetchabun National Geopark) ที่มีมากถึง 43 แหล่ง แยกเป็นแหล่งทางธรณีวิทยา 22 แหล่ง คือ 1.ถ้ำใหญ่น้ำหนาว 2.แคนยอนน้ำหนาว 3.น้ำตกตาดใหญ่ 4.ผารอยตีนอาร์โคซอร์ 5.เลยดั้น 6.ผาแดง 7.ถ้ำผาหงส์ 8.สะพานห้วยตอง 9.ชั้นหินแบบฉบับ หมวดหินน้ำดุก 10.กระดูกโปร ซอโรพอด 11.โนนหัวโล้น แคนยอนหล่มสัก 12.โคกเดิ่นฤาษี 13.น้ำก้อ-น้ำชุน 14.ห้วยร่อนทอง 15.น้ำตกธารทิพย์ 16.ปลาน้ำจืด 15 ล้านปี บ้านหนองปลา 17.ปลาน้ำจืด 15 ล้านปี บ้านท่าพล 18.ไม้กลายเป็นหิน 19.สุสานหอยน้ำจืด 20.หินกรวดมน บ้านนางั่ว 21.คตข้าวสาร สำนักสงฆ์เต็มสิบ
 
 
และ 22.อุกกาบาตร่องดู่ โดยมีแหล่งทางธรรมชาติ 9 แหล่ง ได้แก่ 23.ผาสวรรค์ 24.ผารอยพระบาท 25.น้ำตกถ้ำค้างคาว 26.น้ำตกพรานบา 27.น้ำตกวงพระจันทร์ 28.ป่าเปลี่ยนสี 29.เส้นทางเดินป่าน้ำหนาว 30.น้ำตกวังหินลาด 31.น้ำตกตาดหมอก แหล่งทางวัฒนธรรม 12 แหล่ง ได้แก่ 32.วัดห้วยสนามทราย 33.ศาลเจ้าพ่อผาแดง 34.อนุสรณ์เมืองราด 35.วัดท่ากกแก 36.พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ 37.อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง 38.ถ้ำฤาษีสมบัติ 39.เสาหลักเมืองนครบาลเพชรบูรณ์ 40.พุทธอุทยานเพชบุระ 41.อุทยานวิทยาศาสตร์หนองนารี 42.หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย 43.ศาลหลักเมืองเพชรบูรณ์ ( UNESCO ได้ให้คำกำจัดความไว้ก็คือ ‘เป็นพื้นที่ที่รวมแหล่งและสภาพภูมิประเทศที่มีความสำคัญทางธรณีวิทยาในระดับนานาชาติ ได้รับการบริหารจัดการแบบองค์รวม มีการอนุรักษ์ ให้การศึกษา และพัฒนาอย่างยั่งยืน มีการเชื่อมโยงมรดกทางธรณีวิทยาเข้ากับธรรมชาติวิทยา วัฒนธรรม วิถีชีวิต เป็นการร่วมมือกันจากหน่วยงานรัฐ ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น จนถึงชาวบ้าน) ก็ล้วนดึงดูดให้การมาเที่ยวชมน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
 
 
การมาเยือนเพชรบูรณ์ในครั้งนี้จึงเป็นการท่องเที่ยวที่แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะจะได้ศึกษาและเรียนรู้ถึงความเป็นมาของสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ควบคู่ไปกับวิถีการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน เรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณี ผืนดิน สัตว์ป่า ต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา ผ่านคำบอกเล่าเรื่องราวจากชุมชน
 
 
เริ่มต้นกันที่ พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ (Lomsak Museum) หนึ่งในอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ ตัวอาคารสีส้มสไตล์โคโลเนียล ภายในแบ่งส่วนจัดแสดงถึง 10 ห้องให้แขกผู้มาเยือนทำความรู้จักวิถีไทหล่มในอดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านห้องประชาสัมพันธ์, ห้องภาพยนตร์ที่จะนำเสนอความเป็นมาสั้นๆ ของหล่มสักในแบบ 360 องศา, ห้องหล่มสักในอดีต จำลองภาพอดีตของร้านค้า ร้านกาแฟ โรงหนัง ร้านตัดผมฯ, ห้องเสน่ห์เมืองหล่มสัก จัดแสดงอาชีพของชาวหล่มในอดีตอย่าง อาชีพขับสามล้อถีบ และอาชีพตีมีด, ห้องหล่มสักเมื่อวันวาน, ห้องจังหวัดหล่มสัก แสดงหุ่นขี้ผึ้งเจ้าเมืองหล่มสัก พระสุริยวงษา (เทศ สุวรรณภา), ห้องวัฒนธรรมล้านช้าง จำลองประเพณีการแข่งเรือลาพรรษา งานบุญบั้งไฟแห่ต้นผึ้ง งานขนมเส้นหล่มเก่า ของชาวหล่มสัก, ห้องไทหล่ม ที่จะได้รู้จักกับลาวพุงขาวคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่, ห้องของกินบ้านเฮา จำลองอาหารพื้นบ้านอย่าง ขนมจีนเส้นสด ไส้กรอกหล่มเก่า อองปูปิ้ง ขนมเทียนแก้ว และห้องเฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน จัดแสดงการจำลองอาชีพของคนไทหล่ม เช่น การร่อนทองคำโดยกระทะเหล็กร่อน และตำนานมะขามหวานปากดุก อันโด่งดัง (เข้าชมฟรี เปิดให้บริการวันพุธ-ศุกร์ วันละ 4 รอบ ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. วันเสาร์ เวลา 17.00-21.00 น. หยุดวันอาทิตย์, วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 056-701333)
 
 
สาวไทหล่มมักจะนุ่งซิ่นหัวแดงตีนก่านที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวหล่มจากอดีตมาถึงปัจจุบัน บริเวณด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์คือ ถนนคนเดินไทหล่ม (Lomsak Walking Street) หนึ่งในถนนคนเดินที่ต้องห้ามพลาด ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก บริเวณหอนาฬิกาใจกลางเมืองหล่มสัก เปิดทุกวันเสาร์ เวลา 17.00-23.00 น. จะมีกิจกรรมที่สอดแทรกวัฒนธรรมประเพณีของชาวหล่มสัก จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง ของฝาก ของที่ระลึก สินค้าแฮนด์เมด และอาหารท้องถิ่น อาทิ ขนมจีนไทหล่ม ปิ้งไก่ข้าวเบือ ข้าวหลามพญาลืมแกง ฯลฯ ชมสาธิตการตีมีดโบราณ จากกลุ่มตีมีดบ้านใหม่ ที่มีบรรพบุรุษเป็นช่างฝีมือจากชาวเวียงจันทน์มานานนับ 100 ปี การทอผ้ามุก ศิลปะท้องถิ่นของคนไทหล่ม การแสดงดนตรีพื้นบ้าน
 
 
บนทางหลวงหมายเลข 12 หล่มสัก-ชุมแพ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 374 แวะจุดชมวิวทิวทัศน์ตามธรรมชาติ “สะพานพ่อขุนผาเมือง” หรือสะพานห้วยตอง สะพานเชื่อมแผ่นดินระหว่างภูเขาที่อยู่ใกล้กับที่ราบที่เป็นแนวรอยต่อระหว่างแผ่นดินภาคเหนือ-กลาง ทางตะวันตก และแผ่นดินภาคอีสานทางตะวันออก ชมภูมิประเทศที่หลงเหลือจากการเคลื่อนตัวเข้าหากันของเปลือกโลกอนุทวีปอินโดไชน่า (Indochina Micro Plate) ฝั่งตะวันออก กับอนุทวีปชาน-ไทย (Shan-Thai Micro Plate) ฝั่งตะวันตก เมื่อ 280 ล้านปีที่ เป็นสะพานที่มีตอม่อสูง 50 เมตร สูงที่สุดในประเทศไทย ยาว 180 เมตร มีรัศมีโค้งยาว 200 เมตร สามารถมองเห็นทางน้ำที่อยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจนจากบริเวณกลางสะพาน มีจุดชมวิวได้ทั้ง 2 ฝั่งของสะพาน ไม่ห่างกันนัก เราสามารถเดินทางไปยัง ผาแดง แหล่งรอยเลื่อนขอบเปลือกโลกอีกหนึ่งแห่ง บริเวณบนเขาริมทางหลวง 12 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก ผืนป่าแห่งนี้สามารถเห็นป่าเปลี่ยนสีในช่วงต้นปีได้
 
 
ชมรอยเคลื่อนตัวเข้าหากันของเปลือกโลก ณ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกถ้ำผาหงส์
ก่อนที่พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ที่นี่คือสวรรค์บนพื้นดิน จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกถ้ำผาหงส์ ณ เขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก หนึ่งในสถานที่ Unseen ที่ต้องแวะ นอกจากเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งแล้ว การต้องเดินขึ้นบันไดไปยังจุดชมวิวถึง 259 ขั้นก็ยังท้าทายไม่น้อย ที่นี่ยังเป็นจุดชมรอยการเคลื่อนตัวเข้าหากันระหว่างแผ่นอนุทวีปชาน-ไทย (Shan-Thai Micro Plate) และแผ่นอนุทวีปอินโดไชน่า (Indochina Micro Plate) เข้าด้วยกันอีกจุดหนึ่
 
 
“อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว” อุทยานแห่งชาติแห่งที่ 5 ของประเทศที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง กั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเทือกเขา ป่าดงดิบเขา ป่าสนเขา ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง เป็นรอยต่อของพื้นที่อนุรักษ์อย่าง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง อุทยานแห่งชาติตาดหมอก และอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน มีสัตว์ป่ารวมทั้งสัตว์หายากอย่าง ค้างคาวมงกฎหูโตมาร์แชล และค้างคาวไอ้แหว่งน้อย นกหายากอย่าง นกขุนแผนหัวแดง นกปีกลายสก็อต นกขมิ้นท้ายทอยดำ นกติดสุลต่าน นกกะรางหัวหงอก และนกหัวขวานใหญ่หงอนเหลือง รวมกว่า 340 ชนิด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ 25 องศา ที่นี่จึงหนาวเย็นตลอดปี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของนักเดินทางที่อยากมาสัมผัสรับลมหนาว สำหรับผู้ที่สนใจอยากมาพักค้างแรมชมธรรมชาติ มีบริการบ้านพักหลากหลายรูปแบบ สามารถติดต่อสอบถามและสำรองที่พักได้ที่ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ 67260 โทรศัพท์ : 081-962-6236 ศูนย์บริการฯ โทรศัพท์ : 061-042-8234 หรือ E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
 
 
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ก็คือ ถ้ำใหญ่น้ำหนาว หรือภูน้ำริน บ้านห้วยลาด ตำบลหลักด่าน อำเภอน้ำหนาว ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย สูง 955 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทางเข้าถ้ำเป็นผาหินปูนวางตัวแนวตะวันออก-ตะวันตก ตัวถ้ำทอดลึกเข้าไปในภูเขากว่า 10.6 กิโลเมตร ภายในถ้ำมีหินย้อยจากเพดานจำนวนมาก บางส่วนเกิดจากการตกผลึกของแร่คาลไซต์หรือหินปูนผลึกงอกขึ้นมาจากพื้นถ้ำ รูปร่างต่างกันไป บนภูเขาพบซากฟอสซิลหอย ปะการัง และฟิวซูลินิด (Fusulinids) สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่เคยอาศัยอยู่ในทะเลบนโลกที่สูญพันธุ์ไปแล้ว แสดงถึงวิวัฒนาการของเปลือกโลกในยุคเพอร์เมียน (280-240 ล้านปี)
 
 
ชมมหัศจรรย์เปลือกโลกแห่งใหม่
ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกมน อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ (บ้านไร่คุณนงลักษณ์) ที่นี่มีความมหัศจรรย์ของเปลือกโลกที่เรียกว่า "แกรนด์แคนยอนน้ำหนาว" เป็นหน้าผาหินทรายสีน้ำตาลแดงที่มีการวางตัวชั้นหินอยู่ในแนวราบขนาดกว้างใหญ่และสูงชัน รายล้อมด้วยผืนป่า สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่ผืนโลกยกตัวสูงขึ้นจากแรงดันอันมหาศาลภายใต้พื้นโลก เกิดลำธารไหลผ่านพัดทรายและตะกอนไปตามน้ำ กัดเซาะลึกลงไปในเปลือกโลก สึกกร่อนจนแผ่นหินพังทลายลงไปด้านล่าง ผนวกกับแรงลมและแสงแดดที่ผ่านมาหลายล้านปี (ราวๆ 280 ล้านปี) กลายเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ มีลักษณะโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม บริเวณหน้าผาโดยเฉพาะในฤดูฝนจะมีน้ำไหลตกจากหน้าผาหลายแห่ง เป็นสถานที่สวยงามติดหนึ่งในสี่ของ "อุทยานธรณี Geoparks" รูปการ์ตูนสัตว์ดึกดำบรรพ์ 4 ชนิด ได้แก่ Archosaur, Gastropod, Fusulinid และ Prosauropod ยืนบนแผ่นอนุทวีป 2 แผ่นที่เคลื่อนตัวเข้าหากัน เพื่อการประชาสัมพันธ์ Phetchabun Geopark
28
 
 
จากหมู่บ้านห้วยหญ้าเครือสู่...ศูนย์เรียนรู้และบริการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านห้วยหญ้าเครือ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่หนาวที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ตามสโลแกน “ชวนชมสามภู นอนดูดาว รับลมหนาว ณ ห้วยหญ้าเครือ” การได้นั่งรถอีแต๊กไปตามทางขึ้นเขาเพื่อชมวิวทิวทัศน์ จุดชมวิวภูฮี แบบ 360 องศา เป็นไฮไลท์เด็ดที่ห้ามพลาด สามารถมองเห็นภูกระดึง ภูผาจิต และภูหอ จังหวัดเลย เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ชุมชนบ้านห้วยหญ้าเครือจัดให้มีขึ้น
 
 
ใกล้กันมีลานหินโคกลาดหรือลานหินสามสี ที่เป็นแหล่งศึกษาสภาพภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์หลากหลายทางชีวภาพ บนลานหินจะพบพืชตระกูลเฟิร์นและมอสขึ้นปกคลุมคล้ายพรมผืนใหญ่ มีกล้วยไม้พันธุ์ม้าวิ่ง ต้นปราบดอย และข้าวตอกฤาษีที่หาดูได้ยาก เหมือนพรมปูลาดบนลานหิน สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลเมื่อเหยียบย่าง เส้นทางท่องเที่ยวที่จัดขึ้นโดยชุมชนนี้ยังสามารถแวะเที่ยวน้ำตกถ้ำค้างคาว แวะรับประทานอาหารกลางวัน ดริปกาแฟจากกระบอกไม้ไผ่ที่ตัดสดๆ บริเวณลานหินริมน้ำตกที่อยู่ใกล้กันได้อย่างสนุกสนาน กินข้าวกลางวันท่ามกลางธรรมชาติริมน้ำตก ก็จะสนุกสนานแบบที่เห็น กินแบบไม่ทำลายธรรมชาติ และอนุรักษ์ธรรมชาติไปพร้อมกัน
 
 
 
 
สนใจการเดินทางท่องชุมชน สามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวที่โทร. 085-736-0080 ค่าบริการรถอีแต๊กคนละ 250 บาท หรือรวมอาหารคนละ 350 บาท อิ่มหนำสำราญใจกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แล้ว อยากจะแวะชิมกาแฟ ที่ตำบลโคกมน อำเภอน้ำหนาวยังมีร้านกาแฟดูแลป่าเล็กๆ ที่ชื่อ ทูนคอฟฟี่ (Tune Coffee Namnao Arabica) ที่เป็นจุดศูนย์รวมวิสาหกิจชุมชนกาแฟอราบิก้าน้ำหนาว ผลิตกาแฟอราบีก้าอาร์โคซอร์ ตราอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ หอมเข้มข้น แต่คาเฟอีนต่ำ โดยเฉพาะกาแฟ dip ที่ขึ้นชื่อลือชา ขมลิ้น แต่หวานชื่นใจเมื่อดื่มน้ำเย็นตาม ให้ชิมอีกด้วย
 
 
ถ้ายังพอมีเวลา อย่าลืมแวะทักทายผู้เฒ่าผู้แก่ที่รวมตัวกันอนุรักษ์การทอผ้าลายเอกลักษณ์ของชาวไทหล่ม นั่นก็คือ ผ้าทอหัวแดงตีนก่าน ที่นับวันจะเลือนหายไปแล้ว ที่กลุ่มทอผ้าศรีสองคร บ้านติ้ว ก่อนกลับกันด้วย เพราะนอกจากจะได้ผ้าผืนที่มีลวดลายเป็นอัตลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวไทหล่มติดไม้ติดมือกลับบ้านแล้ว ยังได้สืบทอดและอนุรักษ์ให้ศิลปะยังคงอยู่สืบไปอีกด้วย
 
 
ขอขอบคุณ : สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบูรณ์