พิชิตภูสิงห์-ย้อนรอยไดโนเสาร์ ท่องเที่ยวสไตล์นวัตวิถีอำเภอสหัสขันส์ กาฬสินธุ์
CHANGE World Watch
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง
พิชิตภูสิงห์-ย้อนรอยไดโนเสาร์
ท่องเที่ยวสไตล์นวัตวิถีอำเภอสหัสขันส์ กาฬสินธุ์
ทริป สื่อสัญจร On Tour สไตล์นวัตวิถีอำเภอสหัสขันส์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามโครงการยกระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว สร้างเส้นทางการท่องเที่ยวของแต่ละกลุ่มของแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและนิเวศ สร้าง package tour และจัดทำรูปแบบการท่องเที่ยวในอำเภอสหัสขันธ์ ระหว่างวันที่ 20 – 21 กันยายน 2562 เทศบาลตำบลโนนบุรีร่วมกับการท่องเที่ยวและกีฬาอำเภอสหัสขันธ์ พร้อมด้วยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้จัดโครงการฯดังกล่าว กำหนดเส้นทางการท่องเที่ยวในอำเภอสหัสขันธ์ นำโดยนางนฤมล สิงห์เงา (ปลัดเทศบาลตำบลโนนบุรี) พร้อมกลุ่มองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในอำเภอสหัสขันธ์ ได้ร่วมในการต้อนรับทีมคณะสื่อสัญจร On Tour : สไตล์นวัตวิถี
สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวเมืองนวัตวิถีในพื้นที่ อ.สหัสขันธ์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยความหลากหลายด้านวิถีชีวิต อาหารการกิน และแหล่งท่องเที่ยว ที่สำคัญนักท่องเที่ยวจะได้รับการต้อนรับด้วยพิธีบายศรีสู่ขวัญ และร่วมตักบาตรนุ่งซิ่นนั่งสาดตักบาตร 9 วัดถนนสายบุญ ทั้งนี้ เส้นทางท่องเที่ยวของ อ.สหัสขันธ์ เป็นการตอบโจทย์การท่องเที่ยวแบบนวัตวิถีเชื่อมโยงสถานที่ท่องเที่ยวหลักอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นบ้านนาสีนวล และแหล่งเรียนรู้อย่างสวนผักไฮโดรโปรนิกส์ กลุ่มทอผ้าไหมแพววาสิงห์สะอาด บ้านท่าเรือ แหล่งรวมของฝากผลิตภัณฑ์แปรรูปปลาเขื่อนลำปาว รวมถึงจุดชมวิวเขื่อนลำปาว บ้านศรีสมบูรณ์ แหล่งเรียนรู้ชาวนา
เพราะที่นี่นักท่องเที่ยวยังได้นั่งรถรางไปชมพระอาทิตย์ตกน้ำกันได้ที่สะพานเทพสุดา (แหลมโนนวิเศษ) เป็นสะพานข้ามเขื่อนลำปาวแห่งแรกของ จ.กาฬสินธุ์ บริเวณโนนวิเศษ ต.โนนบุรี อ.สหัสขันธ์ และเกาะมหาราช ต.หนองบัว อ.หนองกุงศรี มีความยาว 2,040 เมตร เป็นสะพานข้ามน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งแหลมโนนวิเศษแห่งนี้ถือเป็นพื้นที่เล่นน้ำคลายร้อนในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก
ที่มีวัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) เป็นจุดศูนย์กลางการท่องเที่ยว วัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) อยู่บนยอดเขาภูค่าว ถือเป็นไฮไลท์ เพราะถือว่าเป็นวัดที่มีพื้นที่กว้างขวาง ประกอบด้วยพุทธสถานที่สวยงามอยู่มากมาย และจัดว่าสำคัญและมีประวัติเล่าขานที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก จากนั้นไปสักการะองค์พระมหาธาตุเจดีย์ ที่สร้างจากหินสลักทั้งองค์ รายละเอียดสวยงามมาก ออกสีแดงในรูปแบบศิลปะขอม บนยอดทำจากทองคำหนักถึง 30 กิโลกรัม ด้านในเพดานสูง โล่ง พื้นปูด้วยไม้แผ่นขนาดใหญ่ ตรงกลางประดิษฐาน “พระพุทธนิมิตเหล็กไหล” มีเนื้อสีดำทั้งองค์ ล้อมรอบองค์เจดีย์ด้านในไปด้วยพระพุทธรูปถึงสองชั้น
จากนั้นไปชมโบสถ์ไม้ ที่เป็นอาคารไม้ทรงไทยที่สร้างจากไม้ใต้เขื่อนลำปาวทั้งหลัง มีความวิจิตรงดงาม หลังคาจั่วซ้อนกันสามชั้น มีชายคาปีก นกทั้งสี่ด้าน หน้าบันเป็นไม้แกะสลักรูปพระพุทธเจ้าประทับในป่าทึบแวดล้อมด้วยสิงสาราสัตว์ บานประตูหน้าต่างแกะสลักเรื่องพุทธชาดก และมีการประดับไม้ฉลุลายพรรณพฤกษาทั่วโบสถ์ ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระมงคลชัยสิทธิ์โรจนฤทธิประสิทธิพร เป็นพระประธานปางตรัสรู้หรือปางสมาธิสีทองสุกอร่าม บริเวณโดมเพดานเหนือองค์พระตกแต่งด้วยประติมากรรมไม้แกะสลักนูนต่ำ เรื่องพุทธประวัติ ทาสีทอง
ระหว่างนั้นยังสามารถเดินไปชมพร้อมขอพร พระพุทธไสยาสน์ภูค่าว พระนอนปางไสยาสน์ องค์นี้ตะแคงซ้าย ซึ่งเป็นองค์เดียวในประเทศไทยที่นอนหันด้านนี้ ผู้รู้ได้สันนิษฐานว่า เป็นสัญลักษณ์ของ “พระมหาโมคคัลลานะเถรเจ้า” พระอัครสาวกเบื้องซ้ายขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่นับถือของชาวชุมชน มาขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
ต่อเนื่องกันเดินไปชม พระใหญ่ 4 อิริยาบถ ที่ประดิษฐานอยู่ด้านข้างมหาเจดีย์ มี 4 องค์ 4 อิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ใน 4 ทิศ หันหลังชนกัน ขนาดหน้าตัก 15 เมตร สร้างจากหินศิลาแลงมาจาก จ.สุรินทร์ ได้จำลองแบบมาจากประเทศอินเดียและประเทศศรีลังกา โดยฝีมือช่างพื้นถิ่นของ จ.สุรินทร์ และประเทศกัมพูชา ถือว่าเป็นจุดสำคัญที่ใครได้มาแล้วจะปิติไปบุญจริงๆ
และการมาเยือนอำเภอสหัสขันธ์ไม่ควรพลาดกับการไปสักการะหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ วัดพุทธาวาส บนยอดภูสิงห์ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ชมทัศนียภาพที่สวยงาม สามารถชมเมืองสหัสขันธ์จากมุมสูงแบบ 360 องศา บันไดสวรรค์ ที่สามารถเดินเท้าผ่านบันได 654 ขั้นขึ้นไปบนยอดเขาภูสิงห์ เพื่อกราบไหว้พระพรหมภูมิปาโลที่ประดิษฐานบนยอดเขา ตรงนี้อยากบอกเล่าความรู้สึกให้ทุกคนได้ฟังว่า ถ้าใครได้มาเยือนอำเภอสหัสขันธ์ให้ถึงจริงๆ จะต้องมาพิชิตยอดเขาภูสิงห์ให้ได้ ด้วยการตั้งใจเดินขึ้นไปด้วยบันไดสวรรค์ 654 ขั้น ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที และเดินลงอีกครั้งเพื่อรับบุญเต็มๆ รับรองว่าทุกคนจะโชคดีแน่นอน เพราะจะได้บุญ สุขใจกันแล้วยังได้สุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย
จากนั้นไปวัดสักกะวัน เพื่อกราบนมัสการพระญาณวิสาลเถร (หลวงปู่หา สุภโร) เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พระอริยสงฆ์ผู้ใช้ญาณนั่งสมาธิองค์นิมิตเห็นซากกระดูกไดโนเสาร์ แล้วยังได้ย้อนรอยตำนานไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว THE LEGEND OF THE DINOSAURUS AT PHU KUM KHA ของ หลวงปู่ไดโนเสาร์ พระอริยสงฆ์ผู้ใช้ญาณนั่งสมาธิองค์นิมิตเห็นซากกระดูกไดโนเสาร์ เมื่อ พ.ศ.2535 – 2537
เริ่มตั้งแต่ปี 2513 พระภิกษุสามเณรในวัดพัฒนาถนนรอบภูเขาหลายวันที่นี่ เมื่อไปถึงจุดซากกระดูกไดโนเสาร์นั้น ไม่นึกว่าเป็นกระดูกไดโนเสาร์ เข้าใจว่าต้นไม้กลายเป็นหินเรี่ยราด อยู่ตามเขา ยาวประมาณ 10 เมตร เข้าใจว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ ก็เลยหยิบถือเอากระดูกไดโนเสาร์หนักประมาณ 6 กิโลได้ ก็นำมาเก็บไว้ที่ศาลา ในช่วงปี 2535 อาตมาได้ขึ้นไปนั่งวิปัสสนาอยู่ที่หลังเขาภูกุ้มข้าว วันนั้นเป็นวันฝนตกหนัก ปรากฏว่าได้นิมิตเห็นสัตว์ชนิดหนึ่ง คอยาวๆ เล่นน้ำอยู่สระน้ำใหญ่ที่วัดเรานี้แหละ ไม่นานมันก็หายไป ครั้นปี 2536 ก็เห็นอีกครั้ง และเมื่อปี 2537 ตอนเข้าพรรษาก็เห็นอีก อยู่ใกล้ประมาณ 10 กว่าเมตรเท่านั้น และอีก 3 วันต่อมาก็นิมิตเห็นแสงสว่างสีเหลือง แล้วก็เห็นรถบัสสีแดง วิ่งมาจากถนนทางทิศใต้ตรงมาที่วัดเรานี่แหละ จากนั้นก็มีพระสงฆ์รูปหนึ่งเดินออกมา หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ท่านชี้ลงตรงที่พบกระดูกไดโนเสาร์แล้วพูดว่า “ที่นี้สมบูรณ์แล้ว” จากนั้นภาพก็ค่อยๆจางหายไป พอเช้ามาอาตมาก็ไปตรวจดูตรงที่รถคันนั้นมาจอด ก็พบชิ้นส่วนกระดูกเป็นหินโผล่ออกมา ก็เก็บมากองไว้ได้ประมาณ 20-30 ชิ้น ก็ไปเจริญพรท่านนายอำเภอ เมื่อท่านมาตรวจดูก็แจ้งไปยังจังหวัดและได้ ดำเนินการให้กรมทรัพยากรธรณีมาตรวจสอบ (ท่านพระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน 4 กุมภาพันธ์ 2538)ซึ่งต่อมาคณะสำรวจกรมทรัพยากรธรณี ได้ทำการสำรวจและขุดค้นอย่างเป็นระบบจนถึงปัจจุบันนี้
ก่อนจบทริปยังได้ไปร่วมย้อนรอยไดโนเสาร์ ชม พิพิธภัณฑ์สิรินธร :: Sirindhorn Museum Thailand และ ศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์ แห่งแรกของประเทศไทย ที่มีการจัดแสดงซากกระดูก ไดโนเสาร์ และแสดงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในมุมมองต่างๆ ทั้งเชิงวิชาการ การอนุรักษ์ รวมไปถึงความสัมพันธ์ต่างๆ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์สิรินธร ต้นกำเนิดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มาจากการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์ในปี พ.ศ. 2537 โดยท่านพระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ต่อมาในปลายปีเดียวกัน ทางคณะสำรวจไดโนเสาร์จากกรม ทรัพยากรธรณี ได้เริ่มเข้าไปทำการขุดค้นอย่างเป็นระบบ และพบว่าที่ภูกุ้มข้าวเป็นแหล่งไดโนเสาร์กินพืชที่สมบูรณ์ที่สุดของเมืองไทย โดยนักวิชาการ ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์บริเวณภูกุ้มข้าวเป็นธารน้ำแข็งโบราณที่มีเหล่าไดโนเสาร์มาดื่มกินน้ำ แต่ว่าเกิดภัยพิบัติ เฉียบพลันขึ้น ทำให้ไดโนเสาร์ล้มตายบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก จากนั้นทีมสำรวจก็ได้ลงมือขุดค้น พบกระดูกและซากดึกดำบรรพ์ ของไดโนเสาร์เป็นจำนวนมากที่นี่ ทางกรมทรัพยากรฯจึงได้ตั้งเป็นศูนย์วิจัยไดโนเสาร์ภูกุ่มข้าวขึ้นในปี 2538
ตรงนี้ถือเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวไดโนเสาร์แบบครบวงจร ทั้งแสง สี เสียง ตระการตาและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ แบ่งเป็น 9 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 การกำเนิดโลกและจักรวาล โซนที่ 2 กำเนิดสิ่งมีชีวิต โซนที่ 3 มหายุคพาลิโอโซอิก มหายุควิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตโบราณ โซนที่ 4.1 มหายุคมีโซโซอิก มหายุคแห่งสัตว์เลื้อยคลานและไดโนเสาร์ โซนที่ 4.2 ไดโนเสาร์ไทย โซนที่ 5 วิถีชีวิตไดโนเสาร์ไทย โซนที่ 6 คืนชีวิตให้ไดโนเสาร์ โซนที่ 7 มหายุคซีโนโลอิก มหายุคแห่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โซนที่ 8 เรื่องราวของมนุษย์ นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ยังมีบริการจัดค่ายเยาวชน มีห้องประชุม ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายของที่ระลึกไว้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วย
กิจกรรมสื่อสัญจรครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอันเรียบง่าย ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมหรือประเพณีต่างๆ อย่างใกล้ชิด นอนพักกับโฮมสเตย์ของชุมชน รับประทานอาหารขึ้นชื่อ ดูผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมถึงแหล่งเรียนรู้วิธีการทำ สัมผัสเสน่ห์วิถีชุมชนไทย ในอำเภอสหัสขันธ์โดยรวมไฮไลท์ของโปรแกรมท่องเที่ยว ในรูปแบบ 2 วัน 1 คืน อีกด้วย ก่อนปิดท้ายกิจกรรมชมเที่ยวเมืองสหัสขันธ์ ขอแนะนำที่พักสหัสขันธ์ไดโนโรดโฮมสเตย์ที่มีที่พักหลากหลายให้ผู้มาเยือนได้พักผ่อนกันแบบญาติพี่น้องกันเลยจริงๆ มาคราวนี้ได้เข้าพักที่ โฮมสเตย์ บ้านพุทธรักษา ของอาจารย์ณชมน จิตตะยโสธร ที่เป็นบ้านหลังน้อยแต่อบอุ่น ที่สำคัญมี WiFi ให้ได้ใช้กันแบบ 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ อาจารย์ณชมน 086 864 3650 และศูนย์ประสานงาน สหัสขันธ์ไดโนโรดโฮมสเตย์ นายสหัส อรรถเนติกุล 088 561 4755,081 953 6804 และ นางอรวรรณ อินทะสีดา 088 571 6907
#HuenPongpaka Homestay สหัสขันธ์ไดโนโรด #ร้านอาหารไทนิคม#โฮมสเตย์สหัสขันธ์ไดโนโรด#ชมวิถีชุมชนการทอผ้าและทอเสื่อที่หมู่บ้านสิงห์สะอาด ชมสวนผักไฮโดรโปนิกส์ #นั่งรถรางชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่บริเวณสะพานเทพสุดา ชมเขตห้ามล่าสัตว์ป่าลำปาว ศูนย์การเรียนรู้บ้านกล้วยหอม #ตลาดนัดชุมชนเดินซื้อของฝากในอำเภอสหัสขันธ์ พิธีบายศรีสู่ขวัญ #ร่วมตักบาตรนุ่งซิ่นนั่งสาดตักบาตร 9 วัดถนนสายบุญ #ชมทัศนียภาพบนยอดเขาภูสิงห์#ชมวิถีชุมชนท่าเรือภูสิงห์ แปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลา #ร้านอาหารLee zap cafe #วัดสักกะวัน#พิพิธภัณฑ์สิรินธร