“ทิพยประกันภัย” ตะลุยมหานครโตเกียว

“ทิพยประกันภัย” ตะลุยมหานครโตเกียว

 

 

 

 

 
เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง
 
 
 
“ทิพยประกันภัย”
ตะลุยมหานครโตเกียว
 
 
 
 
ทริปส่งท้ายปี 2562 ของ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ วิชชุดา ไตรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กร และCSR พร้อมด้วยคณะผู้บริการ พนักงาน และสื่อมวลชน ศึกษาดูงานพร้อมเยี่ยมชมบริษัท เอออน สำนักงานใหญ่ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตลอด 5 วัน โดยครั้งนี้ออกเดินทางด้วยสายการบินไทยสู่มหานครโตเกียว (Tokyo) ที่เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต ถือเป็นศูนย์กลางการเมือง, การค้าธุรกิจ, แฟชั่นอีกแห่งของโลกกันเลยทีเดียว
 
 
 
 
 
เมื่อถึงสนามบินนาริตะ (Narita International Airport) เพื่อเป็นสิริมงคล ได้เดินทางสู่วัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon Temple) ตรงนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโตเกียวที่เจริญรุ่งเรืองในฐานะที่เป็นย่านชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนด้านการค้าและ ศิลปะการแสดงดั้งเดิม มาตั้งแต่ในสมัยเอโดะ แม้ในปัจจุบันก็ยังคงหลงเหลือร้านค้าดั้งเดิมและอาคารบ้านเรือนเก่าแก่อยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก
 
และที่นี่ คามินาริมง (Kaminarimon Gate) ยังมีจุดเด่นคือ โคมไฟที่หนักถึง 700 kg สีแดงเด่นสะดุดตา เป็นสัญลักษณ์ที่ใครเห็นก็ต้องนึกถึง อาซากุสะ ทันที ถือเป็นจุดเช็คอินที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปตรงนี้ก่อน นอกจากนี้ ในปี 2012 ก็ได้เกิด โตเกียวสกายทรี หอคอยส่งสัญญาณสูง 634 เมตรขึ้นมาในบริเวณใกล้เคียงด้วย หลังจากนั้นมา อาซากุสะ จึงกลายเป็น ย่านที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและเทคโนโลยีอันทันสมัยในปัจจุบันนั่นเอง
 
 
 
 
 
จากนั้นสายช็อปปิ้งต้องชอบกันแน่ๆ เมื่อไปเดินที่ถนนนากามิเสะ (Nakamise) หรือที่หลายๆคนรู้จักกันว่า “ถนนช้อปปิ้งนากามิเสะ” มีความยาวของถนนประมาณ 200 เมตร ซึ่งถนนสายนี้ถ้าเดินทางมาจากวัดอาซากุสะ ก็สามารถเดินผ่านได้แน่นอน เพราะเป็นทางเดินทอดยาวจากถนนหลักที่รถวิ่งเข้าสู่พื้นที่ภายในของวัดเนื่องจากวัดอาซากุสะเป็นวัดยอดนิยมของโตเกียว จึงทำให้ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นที่คึกคักเกือบตลอดเวลา เพราะมีร้านค้าให้ได้ช้อปปิ้งของที่ระลึกกันจนเพลิน อาทิ ชุดยูกาตะ ร่มพับ พวงกุญแจ และขนมขบเคี้ยวหลากหลายชนิด เช่น ขนมมันจุหรือขนมที่มีแป้งคล้ายกับโมจิ แล้วมีไส้ข้างใน เดินไปเดินมานึกว่าอยู่เมืองไทย เพราะมีคนไทยมาเยือนที่นี่กันเยอะเหมือนกัน
 
อย่างไรก็ตม นักช้อปปิ้งทั้งหลายต้องไม่ลืมที่จะไปเดินช้อปปิ้งกันต่อที่ตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market) เปรียบเทียบกับเมืองไทย เหมือนเยาวราช สำเพ็ง เพราะภายในตลาดอะเมโยโกะมีทั้งร้านขายอาหารสด อาหารแห้ง ผลไม้ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแฟชั่น ร้านขายเครื่องสำอาง ของใช้ ร้านอาหาร ขนม และร้านค้าอีกสารพัด รวมกันหลายร้อยร้าน เรียกว่าเป็นแหล่งรวมของถูกที่นักท่องเที่ยวต้องมาแวะช้อปปิ้งกันที่นี่
 
 
 
 
 
ทริปนี้ยังได้ไปชม ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ซึ่งถือเป็นศาลเจ้าแบบชินโต โดยมีความเชื่อว่าจักรพรรดิเป็นประมุขของศาสนา สืบสายเลือดมาจากเทพ การสร้างศาลเจ้าก็เพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และ พระราชินีโชเคง (Empress Shōken) ที่ตั้งของศาลเจ้าฯ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโตเกียว ในย่านฮาราจุคุ ใกล้กับสถานี JR Harajuku แต่พระศพของจักรพรรดิไม่ได้อยู่ที่ศาลเจ้านี้ กลับอยู่ที่เมืองเกียวโต
 
ตามประวัติได้ยังระบุเอาไว้ว่า ศาลเจ้าเมจิสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1915 ภายหลังที่จักรพรรดิเมจิ ได้เสียชีวิตลง การสร้างศาลเจ้าแห่งนี้เป็นงานยิ่งใหญ่ระดับชาติ มีการออกแบบ และ สร้างโดยนักออกแบบชั้นนำ และ ช่างฝีมือ ชาวญี่ปุ่นได้มีส่วนร่วมในการเป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้าเมจิ ด้วยการบริจาคต้นไม้เพื่อปลูกเป็นป่ารอบๆ ศาลเจ้า มีต้นไม้ถูกส่งมาจากทั่วญี่ปุ่นถึง 100,000 ต้น มากเพียงพอที่จะทำให้เป็นป่ากลางเมือง บนพื้นที่ 170 เอเคอร์ (ประมาณ 430.1 ไร่)
 
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการโจมตีทางอากาศโดยเครื่องบินรบของสหรัฐอเมริกา มีผลทำให้ศาลเจ้าได้รับความเสียหาย หลังจากสงครามเสร็จสิ้นจึงมีการสร้างขึ้นใหม่ และเสร็จในปี ค.ศ. 1958 ศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญมากในประเทศญี่ปุ่น มักจะมีการจัดงานแต่งงานที่นี่อยู่บ่อยๆ ในวันปีใหม่จะมีชาวญี่ปุ่น และ นักท่องเที่ยวมาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ถึง 3 ล้านคน คนญี่ปุ่นจะไม่นิยมการ Countdown หรือเฉลิมฉลอง แต่จะนิยมเข้าวัดหรือศาลเจ้าในช่วงวันสุดท้ายของปี หรือวันขึ้นปีใหม่
 
จากนั้นได้พาเที่ยวหมู่บ้านน้ำใสแห่งภูเขาไฟฟูจิ "โอชิโนะ ฮักไก" มาเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นที่น่าเสียดายกับคณะทัวร์ทริปนี้ที่ไม่สามารถได้ถ่ายภาพกับวิวภูเขาไฟฟูจิได้ เพราะตลอดสองวันก่อนกลับมีฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน ทำให้ภูเขาไฟฟูจิถูกปกคุมไปด้วยเมฆฝนเสียเป็นส่วนใหญ่
 
สำหรับ หมู่บ้านน้ำใสแห่งภูเขาไฟฟูจิ "โอชิโนะ ฮักไก" เรียกว่า เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ บริเวณทะเลสาบยามานาคาโกะ (Lake Yamanaka-ko) ซึ่งในปี 2013 ภูจิซังได้รับเลือกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก ที่นี่เองก็ได้รับเลือกในฐานะส่วนหนึ่งของฟูจิซังด้วย และเพราะในบริเวณนี้มีบ่อน้ำใสๆ รวมกันกว่า 8 บ่อ ทำให้คนไทยเราเรียกที่นี่ว่า "หมู่บ้านน้ำใส" โดยหลายคนในทริปนี้ได้ไปสัมผัสการ อาบน้ำแร่ออนเซ็น ที่โรงแรม fujinobou kaen hotel กันด้วย ถือเป็นประสบการณ์ที่มาแหล่งกำเนิดออนเซ็นกันเลยก็ว่าได้
 
 
 
 
 
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการช้อปปิ้งเพลินๆกันอีกสองแห่ง คือ ชินจูกุมีของทุกอย่างที่ต้องการตั้งแต่ สินค้าแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงสินค้าจำพวกของฝาก ชินจูกุจึงนับว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว มีห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าจำนวนมากตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเดินไปที่ใด ก็สามารถพบแบรนด์หรือร้านค้าที่มีชื่อเสียง และอิออนมอลล์ (AEON Mall) คือห้างที่รวมเอาซูเปอร์มาร์เก็ตและช้อปปิ้งมอลล์ไว้ด้วยกัน มีสาขาอยู่มากมายทั่วประเทศญี่ปุ่น และเนื่องจากมีสินค้าหลากหลายครบครันตั้งแต่เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม สินค้าซักกะ (zakka) เครื่องใช้ไฟฟ้า หนังสือ ยาชนิดต่างๆ ตลอดจนสินค้าประเภทอาหาร จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อของชิ้นใหญ่ หรือของที่ระลึก ของฝากกันเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญไม่พลาดที่ต้องแวะซื้อของฝากกันที่ ร้าน 100 เยน ซึ่งถือเป็นร้านที่จำหน่ายสินค้าส่วนใหญ่ในราคา 100 เยน (ไม่รวมภาษี) ในร้าน 100 เยนสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่คุ้มค่ากว่าซื้อจากร้านทั่วไป เรียกว่าช้อปปิ้งกันตั้งแต่วันแรกจนวันที่เดินกลับเมืองไทย สนุกสนาน อิ่มใจ และรอยยิ้มของทุกคนในทริปนี้ ด้วยการกล่าวคำอำลามหานครโตเกียว “sayonara” สวัสดีครับ....