เอสซีจี เดินหน้า “Regional Optimization” ดันเวียดนามเป็นฐานผลิต - บริโภคในประเทศ

เอสซีจี เดินหน้า “Regional Optimization” ดันเวียดนามเป็นฐานผลิต - บริโภคในประเทศ - ส่งออกตลาดโลก
ชูศักยภาพ LSP และ BMP เสริมแกร่งธุรกิจโตในอาเซียน ควบคู่สังคมและสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

เอสซีจี รุกกลยุทธ์ “Regional Optimization” ผลักดันเวียดนามให้เป็นฐานการผลิต เพื่อรองรับการบริโภคในประเทศและส่งออกสู่ตลาดโลก พร้อมโชว์ศักยภาพ Long Son Petrochemicals (LSP) คอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของเวียดนาม และ Binh Minh Plastics (BMP) ผู้ผลิตท่อและข้อต่อพลาสติกพรีเมียมชั้นนำ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเอสซีจีในอาเซียน ควบคู่ไปกับความยั่งยืนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม

นายกุลเชฏฐ์ ธาราจันทร์ ผู้อำนวยการเอสซีจี ประจำประเทศเวียดนาม และรองผู้จัดการใหญ่ เอสซีจีซี กล่าวว่า “Regional Optimization คือกลยุทธ์การบริหารธุรกิจแบบบูรณาการทั่วอาเซียน โดยผสานจุดแข็งของแต่ละประเทศร่วมกัน ทั้งฐานการผลิต ทรัพยากร และศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุน การตลาด และความยั่งยืน ปัจจุบันเอสซีจีมีการดำเนินงานตามกลยุทธ์นี้ในเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งแต่ละประเทศล้วนมีบทบาทสำคัญต่อความแข็งแกร่งของเอสซีจีและบริษัทในเครือ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว”

เวียดนาม: ฐานการผลิตและตลาดยุทธศาสตร์ของเอสซีจี

เวียดนามถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ของเอสซีจี ด้วยปัจจัยเด่นหลายด้าน ทั้งตลาดในประเทศที่มีประชากรกว่า 100 ล้านคน การเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ต้นทุนการผลิตที่แข่งขันได้ และนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการลงทุนและการส่งออก โดยในปี 2567 เศรษฐกิจเวียดนามเติบโต 7.1% มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (Gross Domestic Product) หรือ GDP อยู่ที่ 4.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศกว่า 3.82 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

นายกุลเชฏฐ์ กล่าวต่อว่า “ปัจจุบัน เอสซีจีและบริษัทในเครือ 28 แห่ง ได้ลงทุนในเวียดนามรวมกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 28% ของสินทรัพย์รวมของเอสซีจี ครอบคลุมธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์ และโลจิสติกส์ทั่วประเทศ ทำให้สามารถบริหารต้นทุนและห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการได้ อีกทั้งยังสามารถผสานจุดแข็งระหว่างไทยและเวียดนามเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น

• การถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านเทคโนโลยี มาตรฐานความปลอดภัย และการบริหารโรงงานจากไทยสู่เวียดนาม
• การใช้เวียดนามเป็นฐานการส่งออก ด้วยความได้เปรียบด้านข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับกว่า 60 ประเทศ เช่น ส่งออกกระเบื้อง Glazed Porcelain ของ PRIME GROUP และซีเมนต์คาร์บอนต่ำไปยังสหรัฐอเมริกา
• การเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค เช่น ธุรกิจเคมิคอลส์ สามารถวางแผนการผลิตและการตลาดร่วมกันระหว่าง Cracker ทั้ง 3 แห่ง (ROC–MOC–LSP) เพื่อให้ไทยมุ่งผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ขณะที่ LSP มุ่งผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองตลาดขนาดใหญ่ในเวียดนามและส่งออกสู่ตลาดโลก”

Long Son Petrochemicals (LSP) คอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของเวียดนาม 

นายกุลเชฏฐ์ กล่าวว่า “สถานการณ์ปิโตรเคมียังคงมีความผันผวนและท้าทายจากอุปทานส่วนเกิน ในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม เอสซีจีซียังคงเดินหน้าและเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือความท้าทายต่าง ๆ โดยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและชูจุดแข็งสำคัญ อาทิ การมีฐานผลิต 3 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยมี LSP เป็นคอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของเวียดนาม ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันระยะยาวในระดับภูมิภาคและระดับโลกให้กับเอสซีจีซีมากยิ่งขึ้น ด้วยข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยีการผลิตที่มีความยืดหยุ่นของ LSP ทำให้สามารถเลือกใช้วัตถุดิบทั้งแนฟทาและก๊าซโพรเพน (Flexible Feedstock) ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม เช่น ในช่วงนี้ที่ราคาก๊าซโพรเพนลดต่ำลงกว่าแนฟทา โรงงาน LSP สามารถปรับแผนการผลิตด้วยการเพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบก๊าซโพรเพนเป็น 70% เพื่อบริหารต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”

“นอกจากนี้ โรงงาน LSP ยังได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงและองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ จากประเทศไทยมาต่อยอดและพัฒนากระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น หอเผาไร้ควัน (Enclosure Ground Flare) ขนาดใหญ่แห่งแรกในเวียดนาม เพื่อกำจัดก๊าซจากกระบวนการผลิตได้อย่างปลอดภัย การใช้ระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพสูง และเทคโนโลยีลดมลพิษทางอากาศ มุ่งสู่ต้นแบบโรงงานเพื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืน”

“สำหรับความคืบหน้าของโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP (โครงการ LSPE) ขณะนี้ ยังเดินหน้าต่อเนื่องตามแผน โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างถังเก็บก๊าซอีเทน จำนวน 2 ถัง และปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อรองรับก๊าซอีเทน ซึ่งดำเนินการคืบหน้าไปแล้วกว่า 20% คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2570” นายกุลเชฎฐ์ กล่าวเพิ่มเติม

 

Binh Minh Plastics (BMP) ผู้นำตลาดท่อและข้อต่อพลาสติกพรีเมียม ยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมรับการเติบโตของประเทศเวียดนาม

นอกเหนือจากธุรกิจปิโตรเคมีในประเทศเวียดนามแล้ว อีกหนึ่งธุรกิจที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเอสซีจีซี คือ ธุรกิจท่อและข้อต่อพลาสติก ภายใต้บริษัท บิ่นมินห์ พลาสติก (Binh Minh Plastics : BMP) ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ประเทศเวียดนาม โดยมีเครือข่ายจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 2,500 ราย

นายนิวัฒน์ อธิวัฒนานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BMP กล่าวว่า “เวียดนามอยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้ตลาดวัสดุก่อสร้างมีปริมาณความต้องการและมีอัตราการเติบโตสูง โดย BMP มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและจำหน่ายท่อและข้อต่อพลาสติกเกรดพรีเมียม สำหรับใช้งานในกลุ่มที่อยู่อาศัยและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและเกษตรกรรม อาทิ ระบบประปา ระบบระบายน้ำ โทรคมนาคม และการก่อสร้าง 

นอกจากนี้ BMP ยังได้ร่วมมือกับบริษัทนวพลาสติกอุตสาหกรรม (NPI) ประเทศไทย ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโรงงานด้วยระบบ Automation & Robotics ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ “สีเขียว” ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสากล จึงช่วยยกระดับคุณภาพสินค้าให้เทียบเท่ามาตรฐานระดับโลก โดยบริษัทฯ มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อตอบสนองกลุ่มตลาดใหม่ และพร้อมขยายการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน”

 

มุ่งดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG

นายกุลเชฏฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เอสซีจีให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG 4 Plus ในเวียดนาม โดยประยุกต์ความเชี่ยวชาญจากไทยในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียว

• ด้านสิ่งแวดล้อม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลงทุนกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกธุรกิจ เช่น ปูนคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบสนองกระแสกรีนในเวียดนามและส่งออกไปยังต่างประเทศ
• ด้านสังคม จัดทำโครงการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน เช่น โครงการ Sharing the Dream ที่มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องเกือบ 20 ปี รวมกว่า 6,000 ทุน และโครงการ Loving Water for the Future ที่ช่วยติดตั้งท่อส่งน้ำสะอาดให้ครัวเรือนในพื้นที่ห่างไกลกว่า 1,500 ครัวเรือน
• ด้านบุคลากร มุ่งพัฒนาพนักงานกว่า 15,000 คน ผ่าน SCG Academy และโปรแกรมพัฒนาผู้นำ เช่น Management Enrichment Program ที่ร่วมกับ Duke University เพื่อสร้างผู้นำที่พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต”

“เราเชื่อมั่นว่า เวียดนามยังมีศักยภาพที่จะเติบโต และเราภูมิใจที่ได้ร่วมเดินบนเส้นทางการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างไทย – เวียดนาม ซึ่งจะยิ่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคอาเซียนโดยรวม ซึ่งการลงทุนใน LSP และ BMP เป็นตัวอย่างที่สะท้อนศักยภาพของเอสซีจีในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทาย และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมที่แข่งขันได้และยั่งยืน” นายกุลเชฏฐ์ กล่าวปิดท้าย

SCG Drives ‘Regional Optimization,’ Positioning Vietnam as a Key Base for Production, Domestic Consumption and Global Exports; Highlights LSP and BMP

to Strengthen ASEAN Growth Alongside Social and Environmental Sustainability

SCG is advancing its “Regional Optimization” strategy by positioning Vietnam as a key production base to support domestic consumption and exports to global markets. The company is showcasing the strengths of Long Son Petrochemicals (LSP), Vietnam’s first fully integrated petrochemical complex, and Binh Minh Plastics (BMP), the country’s leading manufacturer of premium plastic pipes and fittings. Together, these businesses reinforce SCG’s growth in ASEAN while driving social and environmental sustainability.

Kulachet Dharachandra, Country Director – Vietnam at SCG and Executive Vice President of SCGC, said, “Regional Optimization is an integrated business strategy across ASEAN that leverages the collective strengths of each country, production bases, resources, and economic potential, to enhance efficiency and create advantages in cost, market reach, and sustainability. SCG is implementing this strategy across Vietnam, Indonesia, the Philippines, Cambodia, Lao PDR, and Myanmar, where each country plays a vital role in strengthening SCG and its subsidiaries while supporting long-term sustainable growth.”

Vietnam: SCG’s Strategic Production Base and Market

Vietnam is a strategic country for SCG, supported by several key factors: a domestic market of more than 100 million people, rapid infrastructure development, competitive production costs, and government policies that promote investment and exports. In 2024, Vietnam’s economy grew by 7.1%, with its gross domestic product (GDP) reaching USD 476 billion and foreign direct investment totaling more than USD 38.2 billion.

Kulachet continued, “SCG and its 28 subsidiaries have invested more than USD 7 billion in Vietnam, representing 28% of SCG’s total assets. Our operations span chemicals, cement, building materials, packaging, and logistics nationwide, enabling fully integrated cost and supply chain management. SCG also leverages the combined strengths of Thailand and Vietnam to enhance the competitiveness of the Group through initiatives such as:

• Transferring expertise in technology, safety standards, and plant management from Thailand to Vietnam;
• Leveraging Vietnam’s position as an export base, supported by its extensive network of more than 60 Free Trade Agreements (FTAs), enabling the export of products such as PRIME GROUP’s glazed porcelain tiles and low-carbon cement to the United States;
• Enhancing regional supply chain efficiency, particularly in the chemicals business, where production and marketing can be jointly optimized across the three crackers (ROC–MOC–LSP). This allows Thailand to focus on producing high value-added (HVA) products, while LSP focuses on meeting Vietnam’s large domestic demand and supplying global markets.”

Long Son Petrochemicals (LSP): Vietnam’s First Fully Integrated Petrochemical Complex

Kulachet said, “The petrochemical industry continues to face volatility and challenges due to global oversupply, while the world economy has yet to fully recover. Nevertheless, SCGC is continuing to advance and accelerate strategic adjustments to navigate these challenges by strengthening its competitiveness and leveraging key advantages. One of these advantages is SCGC’s diversified production base across three ASEAN countries, Thailand, Vietnam, and Indonesia, with LSP as Vietnam’s first fully integrated petrochemical complex. LSP significantly enhances SCGC’s long-term competitiveness at both regional and global levels. With LSP’s flexible production technology, the plant can switch between naphtha and propane feedstock depending on market conditions (Flexible Feedstock). For example, with propane prices currently lower than naphtha, LSP has adjusted its production plan by increasing the proportion of propane feedstock to 70% to optimize costs and strengthen competitiveness.”

“In addition, LSP has also adopted advanced technologies and technical expertise transferred from Thailand to further enhance environmentally responsible operations. These include Vietnam’s first large-scale enclosure ground flare system for smokeless gas disposal, a high-efficiency wastewater treatment system, and technologies designed to reduce air emissions, reinforcing LSP’s ambition to become a model for environmentally sustainable plant operations.”

“As for the progress of the LSP Enhancement Project (LSPE), the project is progressing according to plan. Construction of two ethane storage tanks is currently underway, along with process modifications to accommodate ethane feedstock. Overall progress has exceeded 20%, and completion is expected by the end of 2027,” Kulachet added.

Binh Minh Plastics (BMP): Market Leader in Premium Plastic Pipes and Fittings Supporting Vietnam’s Growth

In addition to its petrochemical operations in Vietnam, another business that reinforces SCGC’s strengths is the plastic pipes and fittings segment under Binh Minh Plastics (BMP), a listed company on the Ho Chi Minh Stock Exchange (HOSE). BMP operates a nationwide distribution network of more than 2,500 stores across Vietnam.

Niwat Athiwattananont, Chief Executive Officer of BMP, said, “Vietnam is undergoing rapid infrastructure development, resulting in strong demand and significant growth opportunities in the construction materials sector. BMP specializes in the manufacturing and distribution of premium-grade plastic pipes and fittings for residential, industrial, infrastructure, and agricultural applications, including water supply systems, drainage, telecommunications, and construction.”

“Furthermore, BMP collaborates closely with Nawaplastic Industries (NPI) in Thailand to enhance plant management efficiency through automation and robotics, as well as through knowledge sharing and technology transfer. This collaboration supports the development of high value-added (HVA) innovations, particularly within BMP’s ‘green’ product portfolio, which has been certified with international environmental standards. These efforts elevate product quality to global benchmarks. Looking ahead, the company plans to develop additional product lines to meet emerging market needs and expand its distribution coverage across the ASEAN region,” Niwat added.

Commitment to ESG

Kulachet added, “SCG places strong emphasis on advancing ESG 4 Plus in Vietnam by applying expertise from Thailand to enhance production processes and promote green technologies.

• Environment: In recent years, SCG has invested more than USD 100 million in projects to improve energy efficiency and increase the use of renewable energy. The company also places strong emphasis on developing environmentally friendly products and services across all business units, such as Low Carbon Cement, to support the growing green transition in Vietnam and export markets.
• Social: SCG has implemented programs that uplift community well-being, including the Sharing the Dream scholarship initiative, which has provided more than 6,000 scholarships nationwide over nearly 20 years, and the Loving Water for the Future project, which has helped install clean-water pipelines for more than 1,500 households in remote areas.
• People: SCG is committed to developing more than 15,000 employees across Vietnam through SCG Academy and leadership-development programs such as the Management Enrichment Program, conducted in collaboration with Duke University, to build leaders equipped to navigate future challenges.”

“We firmly believe that Vietnam continues to hold strong growth potential, and we are proud to contribute to the country’s economic, social, and environmental development through the enduring partnership between Thailand and Vietnam. This collaboration will further strengthen the competitiveness of the ASEAN region as a whole. Our investments in LSP and BMP demonstrate SCG’s capability to operate effectively amid challenges and its long-term commitment to developing a competitive and sustainable industrial landscape,” Kulachet concluded.