ดับโกรธด้วยสติ

ดับโกรธด้วยสติ

 

 

 

CHANGE ปรับมุมคิด สะกิดมุมบวก
เรื่อง : ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.


ดับโกรธด้วยสติ

 

 

 

ความโกรธ เป็นอารมณ์ที่ขุ่นเคือง ซึ่งจะเกิดเมื่อท่านไม่ได้รับสิ่งที่ตั้งใจไว้ ความโกรธไม่มีข้อดีแม้แต่น้อย มีแต่จะเป็นผลเสียทั้งทางร่างกายและจิตใจของท่าน รวมถึงจะทำให้บุคคลิกภาพของท่านดูแย่ลงไปด้วยในเวลาที่คนเราโกรธ เขาจะขาดความสามารถในการตัดสินใจที่เหมาะสม ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท การพูดจาว่าร้ายทำให้กระทบกระเทือนจิตใจ และทำลายมิตรภาพ คนที่ขี้โมโหบ่อย ๆ นอกจากจะขาดความสามารถในการตัดสินใจแล้ว ยังจะทำให้เป็นคนเครียด ซึ่งจะทำลายสุขภาพของเขาเอง ความโกรธทำให้นอนไม่ค่อยหลับเพราะคิดแต่เรื่องเดิม ๆ ผลเสียต่อร่างกายและจิตใจนี้จะดำเนินต่อไปซ้ำ ๆ จนสุขภาพกายและใจแย่ลง


นอกจากนี้ คนที่โกรธ จะมีบุคคลิกภาพที่ไม่ดี เป็นบุคคลที่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์ เป็นคนไม่น่าคบหา กว่าเจ้าตัวจะรู้สึกก็จะเสียเพื่อนไปมากแล้ว เพราะคนที่โกรธง่าย มักจะไม่พอใจอะไร ๆ ไปหมด แม้แต่เรื่องเล็กน้อย ทำให้คนรอบข้างรู้สึกรำคาญ หรือเพื่อนบางคนก็รู้สึกอับอายความเจ้าอารมณ์เวลาโกรธก็เลยพาลเลิกคบหาไปเลย
ความโกรธทำให้คนหลายคนทำอะไรอย่างไม่ยั้งคิด อันเป็นต้นเหตุของปัญหาที่ตามมาอย่างมากมาย ยกตัวอย่างคนขับรถที่โกรธคนขับรถคันอื่นอันเกิดจากการขับรถที่ไม่สุภาพของคันนั้น ถ้าผู้ขับรถไม่มีการยับยั้งความโกรธ เขาผู้นั้นก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะอีกฝ่าย อาจเป็นการเร่งความเร็วรถให้มากขึ้นเพื่อแซง หรืออาจจะถึงขั้นหยุดรถเพื่อทะเลาะวิวาท ผลการกระทำดังกล่าวไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการเอาคืน หรืออาจเกิดการบาดเจ็บล้มตายจากการวิวาทกัน ความเสียหายเหล่านี้ไม่ว่าจะต่อทางร่างกาย จิตใจ หรือต่อสิ่งของนอกกาย ล้วนสามารถป้องกันได้


ดังนั้นการไม่แสดงออกให้คนอื่นรู้ว่าโกรธ จึงเป็นสิ่งดี เพราะคนที่ไม่ยอมให้ความโกรธมาครอบงำจิตใจ จะเป็นคนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ ไม่แปรปวนตามสิ่งรอบข้าง เป็นคนที่น่าคบหา มีเพื่อนมากมาย มีคนนับหน้าถือตาและให้ความเคารพ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จในชีวิตอีกด้วย เพราะคนที่มีสติปัญญาดี จะไม่ค่อยโกรธอะไรง่าย ๆ มีความยับยั้งชั่งใจ ทำให้สามารถคิดงานที่สร้างสรรค์ และทำงานใหญ่ลุล่วงได้อย่างดีและสม่ำเสมอ

 

การโกรธ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และผู้เขียนเองคงไม่สามารถห้ามท่านผู้อ่านไม่ให้โกรธ แต่ที่พอจะช่วยแนะนำได้คือ การควบคุมตัวเองเมื่อท่านมีอาการโกรธ ไม่ให้ไปทำอะไรที่จะเกิดผลเสียหายตามมา เมื่อท่านรู้สึกโกรธ สิ่งที่สำคัญคือ ท่านจะต้องควบคุมจิตใจให้ดี ลองทำตามวิธีการง่าย ๆ ดังนี้ครับ ให้รู้ตัวว่าโกรธ เมื่อท่านโกรธใครก็ตาม โกรธผู้อื่นรอบข้าง โกรธเพื่อนร่วมงาน หรือบางครั้งก็โกรธตัวเองที่ทำผิดพลาดไป ให้ท่านตั้งสติและให้รู้ตัวว่าท่านกำลังโกรธ บอกตัวเองว่า “นี่เรากำลังโกรธนะ”

 

การตั้งสติทำให้ท่านไม่ทำอะไรโดยอัตโนมัติแบบคนโกรธทั่วไปที่มักจะสบถคำหยายคาย ใช้คำด่าทอ ส่งอีเมลล์ด้วยถ้อยคำรุนแรง หรืออาจจะถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายกัน แต่การที่ท่านรู้ตัวเองว่ากำลังโกรธจะทำให้ท่านสามารถยับยั้งชั่งใจได้ ไม่ให้เกิดการตอบโต้ด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ

 


นึกถึงผลเสียที่จะตามมา เมื่อรู้สึกโกรธ สมองของท่านจะเสนอวิธีการตอบโต้ออกมาให้ ก่อนที่ท่านจะทำอะไรลงไปตามที่สมองสั่งแบบอัตโนมัติ ให้ท่านลองคิดถึงผลร้ายที่จะตามมาจากการโต้ตอบออกไป เช่นถ้าท่านด่าเขาด้วยคำหยาบคายก็จะทำให้เสียเพื่อน หรือถ้าท่านกำลังขับรถ การเร่งความเร็วรถเพื่อแซงและตัดหน้าเขากลับก็อาจจะทำให้เกิดอุบัตเหตุจนเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นถ้าการกระทำของท่านจะก่อให้เกิดผลเสียได้มากขนาดนี้ท่านก็ไม่ควรจะทำสิ่งเหล่านั้น การนึกถึงผลเสียที่ตามมาเป็นการชลอการกระทำเพื่อตอบโต้ของท่าน เมื่อท่านชลอการกระทำที่ไม่ดีไว้ได้ท่านก็จะยับยั้งการกระทำด้วยอารมณ์ลงไปด้วย

 

ดับโกรธ การดับความโกรธเป็นสิ่งต่อมาที่ท่านจะต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดความแค้นสุมอก ท่านต้องมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามันก็คือเรื่องราวแค่เรื่องเดียวในชีวิตที่จะผ่านไปและไม่สลักสำคัญอะไรกับอนาคตของท่าน ท่านควรเรียนรู้การ “แผ่เมตตา” ให้กับผู้ที่ทำไม่ดีกับท่าน ในทางพุทธศาสนาการแผ่เมตตาก็เหมือนการให้อภัยกับเขา ในสิ่งที่เขาได้กระทำกับเรา ไม่คิดแก้แค้นเพราะเชื่อว่าใครทำอะไรไม่ดีเขาก็จะต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้นเอง

 

บางครั้งเราก็อาจจะต้อง “ช่างมัน” ให้เป็น การที่เราไม่สนใจเรื่องที่เขามาทำให้โกรธก็เป็นการดับโกรธที่ดีเช่นกัน การบอกกับตัวเองว่า “ช่าง(หัว)มัน” เป็นการเตือนตัวเองไม่ให้เอาสิ่งเหล่านั้นมาใส่ใจ ไม่เอามาคิดให้เกิดความไม่สบายใจ การปล่อยวางเช่นนี้ก็จะทำให้ท่านเกิดความสบายใจได้เร็วขึ้นเช่นกัน

 

กลับมาอยู่กับปัจจุบันให้เร็วที่สุด เวลาที่ท่านโกรธนั้นเหมือนท่านกำลังใช้เวลาที่ท่านมีอยู่อย่างไร้ประโยชน์ เมื่อรู้ตัวว่าโกรธและพยายามดับโกรธแล้ว ท่านต้องกลับมาอยู่ในปัจจุบันให้เร็วที่สุด เมื่อท่านทำงานอะไรค้างอยู่ก็ทำต่อไป การที่ท่านสามารถกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้เร็วเท่าไรก็เท่ากับว่าท่านสามารถดับความโกรธได้เร็วเท่านั้น ทำให้ท่านสามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเดิมได้เร็วและดี
ความโกรธ เป็นเรื่องที่มนุษย์ปุตุชนทั่วไปย่อมมีกันได้เสมอ ท่านจึงจำเป็นต้องฝึกฝนการไม่โกรธง่ายให้เป็นนิสัย แต่ถ้ายังเกิดความโกรธขึ้นมาจริง ๆ ก็ขอให้ท่านปฏิบัติการควบคุมความโกรธของตัวเองให้ได้ โดยใช้


“สติ” เป็นตัวนำทาง ไม่ใช้อารมณ์เป็นเครื่องมือตัดสินใจ เพราะสติจะทำให้ท่านตัดสินใจได้ถูก แต่อารมณ์จะทำให้ท่านขาดความยับยั้งชั่งใจและทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย เมื่อท่านโกรธ โปรดเรียกหา “สติ” แล้วเมื่อท่านมีสติ ท่านจะรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป