ลอรีอัล ชูนวัตกรรมด้านการปกป้องผิวจากแสงแดด เปิดตัว ยูวี เซ็นส์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สวมใส่ตรวจวัดรังสียูวีไร้แบตเตอรี่ชนิดแรก จากลา โรช-โพเซย์ ในงาน CES 2018

ลอรีอัล ชูนวัตกรรมด้านการปกป้องผิวจากแสงแดด เปิดตัว ยูวี เซ็นส์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สวมใส่ตรวจวัดรังสียูวีไร้แบตเตอรี่ชนิดแรก จากลา โรช-โพเซย์ ในงาน CES 2018

 

 

 

 


ลอรีอัล ชูนวัตกรรมด้านการปกป้องผิวจากแสงแดด
เปิดตัว ยูวี เซ็นส์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สวมใส่ตรวจวัดรังสียูวีไร้แบตเตอรี่ชนิดแรก จากลา โรช-โพเซย์ ในงาน CES 2018

 


CES®, ลาส เวกัส, 8 มกราคม 2018 – ลอรีอัล บริษัทผู้นำด้านความงามระดับโลก ได้เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการเปิดตัว UV Sense อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สวมใส่ (wearable electronics) ตรวจจับรังสียูวีชนิดแรกที่สามารถใช้งานได้โดยไม่อาศัยแบตเตอรี ในงาน Consumer Electronics Show 2018 หรืองานแสดงนวัตกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค

ลอรีอัลทุ่มเทในการคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด โดยมีผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1935 ซึ่งตลอดกว่า 80 ปีที่ผ่านมา ลอรีอัลมุ่งผลักดันการปกป้องผิวให้ปลอดภัยจากแสงแดดผ่านการค้นคว้าวิจัย นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การรณรงค์ให้ความรู้แก่สาธารณชน ตลอดจนการสนับสนุนโครงการวิจัยร่วมกับพันธมิตรด้านการวิจัยเมลาโนมา (Melanoma Research Alliance) เพื่อป้องกันโรคมะเร็งผิวหนัง

เมื่อปี 2016 ลา โรช-โพเซย์ แบรนด์เวชสำอางชั้นนำของลอรีอัลได้นำเสนอ My UV Patch แผ่นตรวจวัดการสัมผัสรังสียูวีแบบยืดหยุ่นเพื่อการใช้งานบนผิวหนังชนิดแรก นับตั้งแต่เปิดตัวเทคโนโลยีดังกล่าว ลา โรช-โพเซย์ ได้แจกแผ่นตรวจวัดรังสียูวีจำนวนกว่าหนึ่งล้านแผ่นให้แก่ผู้บริโภคใน 37 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จากการศึกษากลุ่มผู้บริโภคดังกล่าวพบว่า My UV Patch ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อพฤติกรรมการปกป้องผิวจากแสงแดดของผู้บริโภค กล่าวคือร้อยละ 34 ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดบ่อยครั้งขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 37 พยายามใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ร่มมากขึ้น

เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปกป้องผิวจากแสงแดดยิ่งขึ้น UV Sense ใหม่ จึงถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง ใช้งานได้ยาวนานขึ้นและแสดงผลข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ UV Sense เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่เพื่อตรวจวัดแสงยูวีชนิดแรกที่สามารถใช้งานได้โดยปราศจากแบตเตอรี โดยสามารถเก็บข้อมูลได้ถึงสามเดือนและประเมินแนวโน้มระดับการสัมผัสกับรังสียูวี พร้อมอัพเดตข้อมูลล่าสุดได้ทันที ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีความหนาไม่ถึงสองมิลลิเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางเก้ามิลลิเมตร ออกแบบขึ้นเพื่อใช้งานบริเวณหัวแม่มือ โดยสวมลงบนนิ้วที่สัมผัสกับแสงแดด UV Sense มีอายุการใช้งานหลายสัปดาห์ ยาวนานขึ้นจาก My UV Patch ที่สามารถใช้งานได้เพียงไม่กี่วัน โดยนำมาใช้ซ้ำในบริเวณเล็บ ด้วยอุปกรณ์เชื่อมต่อพิเศษซึ่งรวมอยู่ภายในกล่องชุดอุปกรณ์

UV Sense ใช้งานร่วมกับโมบายแอพพลิเคชั่น ทั้งในระบบไอโอเอส (iOS) และแอนดรอยด์ (Android) ซึ่งประมวลผลและเชื่อมต่อข้อมูลจากแผ่นตรวจรับด้วยเทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) จากนั้นแอพพลิเคชั่นจะแสดงผลข้อมูลที่ชัดเจนว่าผู้ใช้ควรระวังการสัมผัสกับแสงแดดเมื่อใด ข้อมูลดังกล่าวจะรวบรวมไว้ในโปรไฟล์ส่วนบุคคลภายในแอพพลิเคชั่น ซึ่งระบุถึงระดับแสงแดดที่ผู้ใช้สัมผัสและพฤติกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการป้องกันแสงแดด เช่น ระยะเวลาที่ใช้ในพื้นที่ร่ม หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด พร้อมข้อเสนอแนะเพื่อการปกป้องผิวที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้แต่ละคน

“เทคโนโลยีของ UV Sense เป็นนวัตกรรมใหม่ที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกที่สำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและเทคโนโลยีสวมใส่ต่อไป” นายกุอีฟ บาลูช รองประธานศูนย์บ่มเพาะการวิจัยและนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งลอรีอัล กล่าว “ด้วยประสบการณ์ด้านการวิจัยและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคจากนวัตกรรมเริ่มแรก My UV Patch เราได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ซึ่งผสานเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์เข้ากับการออกแบบที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งสามารถแสดงผลข้อมูลได้ทันทีและใช้งานได้ยาวนานขึ้น ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ง่ายและสอดคล้องกับทุกไลฟ์สไตล์”

ในด้านการออกแบบ UV Sense ลอรีอัลได้ร่วมมือกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำระดับโลก อีฟ เบฮาร์ “ดีไซน์และเทคโนโลยีมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เมื่อผลิตภัณฑ์มีความเฉพาะบุคคลเพิ่มขึ้น ปัจจัยทั้งสองจึงต้องบูรณาการเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ไร้พรมแดนให้แก่ผู้บริโภค” อีฟ เบฮาร์ ดีไซน์เนอร์ผู้ประกอบการและผู้ก่อตั้ง fuseproject กล่าวว่า “การร่วมงานกับลอรีอัลเปิดโอกาสให้เราสามารถผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความงามเข้ากับดีไซน์อันทรงประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนโดยไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของพวกเขาเหล่านั้น”

UV Sense และ My UV Patch พัฒนาขึ้นจากการวิจัยของลอรีอัล โดยความร่วมมือกับบริษัท MC10 Inc. บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ และศาสตราจารย์จอห์น โรเจอร์ส แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น ด้วยพอร์ตโฟลิโอระดับแนวหน้าด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP) และนวัตกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่โค้งงอและยืดหยุ่นได้

UV Sense มีกำหนดเริ่มวางจำหน่ายในฤดูร้อนของปี 2018 ที่สหรัฐอเมริกาในจำนวนจำกัด และจะเริ่มวางจำหน่ายทั่วโลกในปี 2019 นอกจากนี้ ในปี 2018 ลา โรช-โพเซย์ จะวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระดับรางวัลยอดเยี่ยม My UV Patch รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ออกแบบโดยอีฟ เบฮาร์ อีกด้วย

####

เกี่ยวกับลอรีอัลกรุ๊ป
ลอรีอัล คือบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งมีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายผ่านทุกช่องทาง ครอบคลุมถึงตลาดแมส ห้างสรรพสินค้า เภสัชกรรมและร้านขายยา ร้านทำผม และร้านค้าปลีก เรายึดมั่นในกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กรในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องโดยทีมงานวิจัยกว่า 4,000 คน ด้วยงบประมาณการวิจัย 857 ล้านยูโร (38 พันล้านบาท) และการจดสิทธิบัตรกว่า 600 ฉบับในแต่ละปี เพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาด้านความงามของผู้คนทั่วโลก และมุ่งมั่นที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหน้าใหม่หนึ่งพันล้านคนในอนาคต โดยมีพันธสัญญา เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับปี 2020 "Sharing Beauty With All" เป็นแนวทางกำหนดเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกภาคส่วนของลอรีอัลกรุ๊ป เพื่อการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของเรา

เกี่ยวกับลอรีอัลประเทศไทย
ลอรีอัลประเทศไทย เป็นสาขาของบริษัทผู้นำความงามของโลก นำเข้าและจัดจำหน่าย 21 แบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์;
• แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค: ลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่, เมย์เบลลีน นิวยอร์ค และนิกซ์ โปรเฟสชั่นแนล เมคอัพ
• แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง: ลังโคม, ไบโอเธิร์ม, จิออร์จิโอ อาร์มานี , ราล์ฟ ลอเรน, คาชาเรล, กี ลาโรช,
คีลส์, ชู อูเอมูระ, วิคเตอร์ แอนด์ รอล์ฟ, ดีเซล, อีฟ แซงต์ โลร็องต์, เออเบิน ดีเคย์ และ คลาริโซนิค โปรเฟสชั่นแนล
• แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ: ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส
• แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง: ลา โรช-โพเซย์ และวิชชี่