สาวออฟฟิศ ระวัง! โรคฮิต “เนื้องอกในมดลูก”

สาวออฟฟิศ ระวัง! โรคฮิต “เนื้องอกในมดลูก”

 

 

 

 

พญ. จิติมา ติยายน
นายแพทย์ชำนาญการงานมะเร็งนรีเวช
กลุ่มงานสูตินรีเวชศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี

 


สาวออฟฟิศ ระวัง! โรคฮิต “เนื้องอกในมดลูก”

 

เมื่อได้ยินชื่อ “เนื้องอกในมดลูก” ก็อาจทำให้สาวๆ ทั้งหลายตกใจหรือมีความกังวลอยู่มิใช่น้อย แต่จริงๆแล้วโรคนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะการตรวจพบตั้งแต่แรก ย่อมรักษาได้เร็วกว่าและปลอดภัยกว่า...

เนื้องอกในมดลูก เป็นเนื้องอกธรรมดา ไม่ใช่เนื้อร้าย (มะเร็ง) ส่วนใหญ่เนื้องอกมดลูกจะมีขนาดเล็กไม่มีอาการแสดง ไม่มีอันตรายใดๆซึ่งโรคเนื้องอกในมดลูก เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการชัดเจน เกิดขี้นโดยไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่จะพบมากในผู้หญิงวัยทำงานอายุระหว่าง 30 – 40 ปี หรือประมาณ 20-25% คิดเป็น
1 ใน 4 ที่ต้องเจออย่างแน่นอน! อาทิ ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีบุตร ผู้หญิงที่น้ำหนักตัวมาก เป็นต้น

และกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงที่พบว่าเป็นโรคเนื้องอกในมดลูก คือ
1.กรรมพันธุ์ ถ้าคนในครอบครัวเคยเป็นเนื้องอกในมดลูกอยู่ก็มักจะมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นเพิ่มมากขึ้น
2.การรับประทานอาหารจำพวกเนื้อ หรือเนื้อแดง (ตัวเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดเนื้องอกในมดลูกได้สูงขึ้น)

โรคเนื้องอกในมดลูกมีอาการเด่นๆคือ
 ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ
 มีเลือดออกมากระหว่างรอบเดือน
 ปัสสาวะบ่อยขึ้นแต่ออกไม่มาก
 มีอาการท้องผูกผิดปกติ

โดยความรุนแรงของอาการเนื้องอกในมดลูกนั้น ไม่ส่งผลถึงขั้นเสียชีวิต แต่ก็จะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันซึ่งอาจจะทำให้ เช่น การเลือดออกมากผิดปกติตอนมีประจำเดือน หรือถ้ามีการกดเบียดของก้อนเนื้อก็จะทำให้เกิดอาการปวดท้องขึ้นได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือรบกวนการทำงานได้ “อย่างไรก็ตาม ปัญหาของผู้ป่วยโรคเนื้องอกในมดลูกนั้น ก็คือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่ใส่ใจไปตรวจ เพราะคิดว่าเป็นแค่อาการปวดประจำเดือนธรรมดา และบางส่วนมีความเขินอายที่จะมาพบแพทย์เพื่อตรวจภายใน ถึงแม้ว่าอาการโรคเนื้องอกในมดลูก ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่จากสถิติแล้ว ผู้ป่วยที่เป็นโรคเนื้องอกในมดลูก 1,000 คน จะพบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งได้ 1 คน ซึ่งส่วนมากมักพบในผู้หญิงอายุ 50-60 ปีขึ้นไป ดังนั้นสาวๆ ควรสังเกตอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง ควรตรวจสุขภาพ และตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ หรือเมื่อพบว่ามีความผิดปกติควรไปพบแพทย์ทันที”

การรักษาโรคเนื้องอกในมดลูกนั้น อันดับแรกจะรักษาตามอาการ อาจจะด้วยการให้ฮอร์โมน แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ก็จะทำการรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลราชวิถีมีการพัฒนาเทคโนโลยี จากการผ่าตัดใหญ่ ที่จะต้องเปิดแผลหน้าท้อง ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน 7-10 วัน มาเป็นการผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางช่องคลอด ทำให้คนไข้ไม่มีแผลหน้าท้องเลย แล้วก็เอาก้อนออกหรือมดลูกออกทางช่องคลอด จะเจ็บแผลน้อยกว่า การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง และใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยกว่า ใช้เวลาพักฟื้น 2-3 วันก็สามารถกลับไปทำงานได้แล้ว สำหรับการดูแลตัวเองหลังการรักษา ควรงดกิจกรรมหนัก 2 สัปดาห์ ดูแลแผลผ่าตัด และกลับมาตรวจติดตามอาการตามนัดของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการรักษา

การดูแลสุขภาพตนเองให้ห่างไกลโรคเนื้องอกในมดลูกสามารถทำได้โดยสร้างภูมิคุ้มกันให้ดี คือ
1. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
2. พักผ่อนให้เพียงพอ
3. ลดความเครียด
4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์จำพวกผัก ผลไม้ เนื้อปลาให้มากขึ้น และลดอาหารจำพวกเนื้อแดง (ซึ่งมีพวกสารเคมี ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคได้)

ทั้งนี้ หน่วยนรีเวชโรงพยาบาลราชวิถี ได้เปิดทำการตรวจรักษาโรคเกี่ยวกับนรีเวชมามากกว่า 60 ปี ซึ่งในแต่ละปีมีผู้ป่วยเข้าทำการรักษา กว่า 50,000 คน และต้องรักษาด้วยการผ่าตัดกว่า 1,500 คน โดย 80% เป็นผู้ป่วยส่งต่อมาจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลราชวิถี มีพื้นที่ในการอำนวยความสะดวก และพื้นที่ในการรักษาค่อนข้างจำกัด ซึ่งทำให้เกิดข้อจำกัดในการรักษา แต่ในอนาคตเมื่ออาคารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีสร้างเสร็จ ก็จะสามารถเปิดรักษาผู้ป่วยได้มากขึ้น ลดระยะเวลาของการรอรับการรักษาของผู้ป่วยได้

ดังนั้น จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมแบ่งปันน้ำใจสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ผ่านมูลนิธิรพ.ราชวิถี บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา รพ.ราชวิถี ประเภทบัญชี ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 051-2-16322-1 หรือ สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 02–3547997-9 หรือ http://www.rajavithihospitalfoundation.org


**************************************************************
สอบถามรายละเอียดได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์: คุณนิรมล (แอ๊ด)
โทร. 0831229066